หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 1086 แผ่นไม้สีดำ!

ชายวัยกลางคนผมขาวโพลนผู้นั้นแสดงออกถึงความจริงใจขั้นสุด ครั้นกวาดตามองอย่างละเอียดถี่ถ้วน จึงได้พบว่านอกจากความโศกเศร้าที่มากล้นผ่านนัยน์ตาคู่นั้น ยังแฝงด้วยความวิงวอนที่มากยิ่งกว่า

ความวิงวอนนี้ เหมือนกับคำพูดของเขา เพื่อบุตรสาว เขายอมจ่ายด้วยทุกอย่างที่มีโดยไม่คิดแม้แต่จะเสียดาย ไม่ว่าจะด้วยเงื่อนไขใด ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด เขายินดีที่จะทำมันให้สำเร็จโดยไม่รอช้าและไม่ลังเล!

ยอมแม้กระทั่ง…ให้เขาแลกด้วยชีวิต!

เด็กหญิงข้างๆ ที่สวมใส่ด้วยชุดสีแดง ใบหน้าขาวซีด ดวงตาไร้แวว ทั้งยังมีร่างกายเดี๋ยวชัดเดี๋ยวลวงตา นอกจากนี้กลิ่นอายแห่งความตายก็กระจายทั่วกาย หากบรรยายเทียบกับภูตผีวิญญาณ เห็นทีจะถูกต้องยิ่งกว่า

ทั้งหมดนี้ทำให้ซุนเต๋อในฐานะที่เป็นขอทานเกิดอาการมึนงง ชีวิตเศร้าหมองของเขา เขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงขอร้องให้เขาช่วยเหลือ

“ข้าทำไม่ได้หรอก” ซุนเต๋อรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาของเขาเริ่มลืมไม่ขึ้นแล้ว ความหนาวเหน็บกัดกินร่างกายมากขึ้น ทำให้ร่างกายของเขาเกิดอาการหนาวสั่น ราวกับพลังทั้งหมดที่มีกำลังลอยหายไป แม้แต่เสียงที่เปล่งออกมาก็แผ่วเบาเกินกว่าจะหาสิ่งใดเทียบเทียม

ชายผมขาวเงียบขรึม เขาค่อยๆ เงยหน้ามองขอทานเฒ่า หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงหันไปมองบุตรสาวที่ยืนอยู่ข้างกายด้วยความขมขื่น ก่อนจะหันกลับมามองซุนเต๋อ ราวกับตัดสินใจขึ้นได้ จึงกล่าวเสียงเบาว่า

“ผู้อาวุโส หวังผู้นี้ขอเล่าเรื่องราวกับท่านสักสองสามเรื่อง จะได้หรือไม่?”

“เรื่องราว?” ซุนเต๋อชะงัก ครั้นได้ยินสองประโยคหลังนี้ เขาพลันฝืนตัวเองให้กลับมากระปรี้กระเป่าอีกครั้ง ใช้มือจับแผ่นไม้สีดำไว้ ขณะมองไปยังชายกลางคนเส้นผมขาวโพลน นัยน์ตาขุ่นมัวทั้งคู่เผยให้เห็นถึงการรอคอย

“เรื่องนี้ เป็นหายนะนับครั้งไม่ถ้วนที่เกิดขึ้นภายในวงแหวนที่สอง เรื่องแรกคือเรื่องราวอันแสนโหดร้าย และมีเรื่องราวของโชคชะตา…”

“จุดเริ่มต้นของเรื่องราว คือชนเผ่าอนารยชน ในนั้นมีอากงและเสี่ยวหง กำลังเดินลงไปตามถนนท่ามกลางพายุหิมะ เพื่อมาตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับป๋ายโถว…”

ซุนเต๋อนั่งฟังเงียบๆ ชายวัยกลางคนผมขาวค่อยๆ เล่าเรื่อง ภายในเรื่องเล่านี้ ซุนเต๋อรู้สึกราวกับมองเห็นคนคนหนึ่งที่กำลังตามหาข้อเท็จจริงอยู่ตลอดเวลา เรื่องเล่าดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง เป็นช่วงเวลาแห่งการดิ้นรนจากความตายเพื่อเข้าสู่การมีชีวิต จนกระทั่งได้เกิดใหม่ขึ้นอีกครา…แต่ก็มีคนหายไปหนึ่งคน

“ทุกคนมึนเมาข้าได้สติ กับทุกคนได้สติแต่ข้ามึนเมา ความแตกต่างของสองสิ่งนี้…คืออะไร? หนทางแห่งความสุดโต่ง เหลือข้าเพียงผู้เดียว กับหนทางแห่งความสุดโต่งมีข้าเพียงผู้เดียวที่หายไป ระหว่างสองสิ่งนี้ล่ะ คืออะไร?”

“อะไรคือจริง อะไรคือเท็จ ทั้งหมดนี้…ล้วนเป็นขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางใจ ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นเพราะความหมกมุ่น! เมื่อความหมกมุ่นเดินทางไปถึงขีดสุด ก็จะเหลือเพียงคำว่า ‘มาร’ เพียงคำเดียว ที่สามารถเรียกได้!”

“ดังนั้น ข้าจะขอเรียกเรื่องราวนี้ว่า…เรื่องราวของมาร ส่วนบทสรุปของเรื่อง คือเขาตัดนิ้วของหลัวเทียนไปหนึ่งนิ้ว!”

“มารเมามัวกับการเกิดใหม่น้อยลง!” ร่างของซุนเต๋อพลันสั่นสะท้าน ดวงตาของเขาเปล่งประกายแวววาว ครั้นนำเรื่องราวนี้มาเทียบกับเรื่องราวเกี่ยวกับมารที่เขาลองเปลี่ยนรูปแบบหลายต่อหลายครั้งในปีนั้น เรื่องนี้น่าตื่นเต้นกว่ามาก

ชายวัยกลางคนผมขาวเงียบขรึม ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงเปล่งเสียงแผ่วเบา

“เรื่องที่สองภายในเรื่องเล่า เป็นเรื่องราวของความมัวเมา จุดเริ่มต้นของเรื่องราว…เกิดขึ้นที่สถานที่แห่งหนึ่งมีชื่อว่าดาราปักษามุก ที่นั่นมีจ้าวกว๋อผู้หนึ่ง…”

ชายวัยกลางคนผมขาวเล่าเรื่องที่สองจนจบ เมื่อเทียบกับเรื่องแรก เรื่องนี้มีรายละเอียดมากกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของคนคนหนึ่งที่สั่งให้ร่างอวตารของตนเองไปเกิดใหม่เรื่อยๆ ทำให้ร่างกายของตนได้ซึมซับเข้ากับชีวิตเดียวกันครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อหาโอกาสฟื้นคืนชีพให้ภรรยา!

นั่นเป็นการต่อสู้กับเทพ แย่งชิงกับอมตะ สวรรค์สั่งให้เจ้าตาย ข้าก็จะขอเป็นคนบ้าคลั่งที่แย่งเจ้ากลับมา

“ลื่นไหลไปตามทางคือสามัญ​ชน ก้าวข้ามอุปสรรค​คืออมตะ…”

“ครึ่งเทพครึ่งอมตะกลับตาลปัตร!” ยังไม่รอให้ชายวัยกลางคนผมขาวพูดจบ ซุนเต๋อพลันรับช่วงต่อ ดวงตาของเขาเป็นประกายแวววาวมากยิ่งขึ้น เรื่องเล่านี้ทำให้เขารู้สึกชาไปทั้งศีรษะเมื่อได้ยิน ระดับความน่าตื่นเต้นนี้ คงเป็นเพราะมีรายละเอียดเจาะลึก จึงทำให้ผู้ฟังรู้สึกสะเทือนอารมณ์มากยิ่งขึ้น

“บุคคลผู้นี้ ก็ตัดนิ้วของหลัวเทียนไปหนึ่งนิ้วเช่นเดียวกัน!” ชายวัยกลางคนผมขาวพูดอย่างเนิบช้า จากนั้นก็พูดต่อไปอีกว่า

“เรื่องที่สามของเรื่องเล่า เกิดขึ้นระหว่างเก้าภูเขาและเก้าทะเล มีนักปราชญ์ผู้หนึ่ง หลังจากโยนขวดอธิษฐานทิ้งไป ก็ได้เดินออกจากชะตาชีวิตของปีศาจ!”

คำอธิบายเรื่องราว ชั่วชีวิตของนักปราชญ์ผู้นี้ ได้เดินทางข้ามภูเขาและทะเล ดิ้นรนท่ามกลางความสิ้นหวัง เปลี่ยนเป็นปีศาจท่ามกลางความบ้าคลั่ง เสียงหัวเราะแปลกประหลาดที่ดังออกมาทำให้ดวงวิญญาณเทพสั่นระรัว ทั้งยังลอยอยู่ด้านในจักรพิภพเต๋าไพศาลที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนั้น เหลือทิ้งไว้เพียงความโศกเศร้าและความขุ่นเคือง!

“เขาเคยกล่าวว่า ชีวิตของข้าดุจดั่งปีศาจปรารถนาผนึกฟ้า เขาเองก็…ตัดนิ้วมือของหลัวเทียนเช่นกัน ครั้นก้าวเข้าไปอีกหนึ่งก้าว ร่างเดิมก็ได้กลายเป็นหลัวเทียน หลังจากเข้าใจถึงชีวิต ท้ายที่สุดก็ร่วมมือกับคนอื่นๆ สังหาร…หลัวเทียน!” ชายวัยกลางคนผมขาวเล่าเกี่ยวกับเรื่องราวของปีศาจ ครั้นเทียบกับเรื่องที่สอง เรื่องนี้รายละเอียดน้อยกว่า แต่นี่กลับไม่กระทบต่อความเข้าใจของซุนเต๋อ ดวงตาทั้งคู่มีพลังมากยิ่งขึ้น ในเวลานี้เขาได้ส่งเสียงพึมพำด้วยความตกตะลึง

“ที่แท้นี่ก็คือปีศาจปรารถนาผนึกสวรรค์ภูเขาและทะเล!”.ไอลีนโนเวล.

“ถ้าเช่นนั้นใครเป็นผู้ริเริ่มความคิดนิรันดร์ขึ้นมาล่ะ? แล้วเรื่องราวเป็นอย่างไร?” ซุนเต๋อหายใจเร็วขึ้น ขณะมองชายวัยกลางคนผมขาวด้วยความกระตือรือร้น

“ผู้อาวุโส เรื่องนี้…ข้าพูดไม่ได้” ชายวัยกลางคนผมขาวเงียบขรึมอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยปากกระซิบออกมา

ซุนเต๋อไม่ได้เอ่ยวาจาใดออกมา แผ่นไม้สีดำในมือจากเดิมที่ถูกกุมจนแน่นได้คลายลงแล้ว แต่หลังจากนั้นก็กลับมากำแน่นอีกครั้ง ครั้นครุ่นคิดอยู่นาน ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจได้ถึงบางสิ่ง พลันพยักหน้าตอบกลับไป

“เรื่องที่เจ้าพูดได้ ยังมีอีกไหม?”

“ลูกสาวของข้า ได้รับบาดเจ็บ ต่อให้เป็นข้า…ก็ไม่อาจช่วยได้ ข้าออกตามหามาหลายคนแล้ว…ท้ายที่สุดมีคนบอกข้าว่า บาดแผลเช่นนี้…มีแค่อมตะที่สามารถช่วยเหลือได้!”

“ข้าได้เสาะหาหายนะจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนของวงแหวนที่สอง ตามหาทุกตารางนิ้วของกาลเวลา และตามหาร่องรอยของอมตะ จนกระทั่งวันหนึ่ง ข้าได้เจอกับศิลาชิ้นหนึ่ง!”

“ข้านำศิลาชิ้นนี้ไปหลอม เปิดคำสาปหายนะจำนวนนับไม่ถ้วนโดยไม่หวั่นเกรงว่าจะเป็นปฏิปักษ์กับผู้อื่น ท้ายที่สุดก็ได้เข้าสู่จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นที่เป็นแหล่งปิดผนึกอมตะในตำนาน จากนั้น…ข้าก็ได้พบกับความลับหนึ่ง!”

“อย่างแรกเป็นความลับเกี่ยวกับจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น และอีกอย่างเป็นความลับเกี่ยวกับอมตะ หวังผู้นี้ขอใช้ความลับนี้เพื่อแลกกับการที่ผู้อาวุโสจะช่วยเหลือลูกสาวของข้า!” สายตาของชายวัยกลางคนผมขาวเผยประกายแปลกประหลาด ขณะมองมาทางฝั่งซุนเต๋อ

ซุนเต๋อในเวลานี้ก็เงยหน้าขึ้นเช่นกัน นัยน์ตาขุ่นมัวเผยแสงประหลาดออกมา หลังจากเงียบอยู่นาน จึงเอ่ยปากพูดอย่างขมขื่น

“ข้าอยากรู้เป็นอย่างยิ่ง แต่…ข้าช่วยใครไม่ได้จริงๆ และข้าก็ไม่ใช่ผู้อาวุโสด้วย ข้าเป็นแค่คุณชายเล่าเรื่องคนหนึ่ง…”

“ขอเพียงท่านอาวุโสตอบตกลง ย่อมทำได้!” ชายวัยกลางคนผมขาวยืนกรานผ่านสายตาคู่นั้น

ซุนเต๋อทอดถอนใจ

“ก็ได้ ข้าตอบตกลง!”

ชายวัยกลางคนผมขาวสูดหายใจเข้าลึกๆ แม้แต่เขา บัดนี้ดวงตาก็เป็นประกายความตื่นเต้นเช่นกัน เขายกมือขึ้นคารวะซุนเต๋ออีกครั้ง!

“ขอบคุณผู้อาวุโสเป็นอย่างยิ่ง ความลับที่ข้าเจอ ก็คือสถานที่แห่งนี้…ไม่ใช่จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นที่แท้จริง!”

“ช่วงเริ่มแรกของวงแหวนที่สอง เกิดหายนะจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนครั้งที่หนึ่ง ซึ่งก็คือไม่รู้สิ้น แต่มันกลับไม่ใช่ไม่รู้สิ้นที่แท้จริง ไม่รู้สิ้นนั้น แท้จริงแล้วอยู่ด้านนอกวงแหวนต่างหากเล่า!”

ครั้นพูดออกมาเช่นนี้ ร่างของซุนเต๋อพลันสั่นสะท้าน เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดร่างกายจึงสั่นถึงเพียงนี้ แต่เขากลับไม่อาจควบคุมได้ ราวกับว่าความตื่นรู้ที่อยู่ภายในร่างกายรวมถึงจิตวิญญาณได้ระเบิดออก โลกที่อยู่ตรงหน้าของเขาเริ่มพร่าเลือน และแตกเป็นเสี่ยงๆ เงาของชายวัยกลางคนผมขาวและเด็กหญิงตัวน้อยบิดเบี้ยว ประหนึ่งทุกสรรพสิ่งที่อยู่ภายในพิภพเชื่อมสวรรค์นี้กำลังพังทลายลง!

สิ่งนี้ทำให้เขากำแผ่นไม้สีดำที่อยู่ข้างกายมาทั้งชีวิตแน่นตามสัญชาตญาณ บางทีอาจเป็นเพราะเขาในเวลานี้มีพลังมากเกินไป ทำให้แผ่นไม้สีดำเกิดรอยร้าวหลายเส้น หากเปลี่ยนเป็นมนุษย์ เกรงว่าร่างคงแตกสลายในเวลานี้ คงเจ็บ เจ็บมาก เจ็บมากแน่ๆ!

ส่วนซุนเต๋อ น่าเสียดายตรงที่…โลกที่อยู่ตรงหน้าเขา พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ ความผันผวนด้านในวิญญาณของเขาที่กำลังถูกปลุกให้ตื่น ดูเหมือนว่าจะมาถึงขีดสุดแล้ว ยังไม่ทันที่การปลุกให้ตื่นจะสำเร็จลุล่วง ก็เริ่มกระจัดกระจายออกจากกันเสียแล้ว

นี่คือ…การกระจัดกระจายอย่างแท้จริง

แต่กลับไม่ใช่ความตาย มันคือการหลอมรวมเข้ามาอยู่ในสวรรค์เชื่อมพิภพอย่างถาวร ทว่าก่อนที่สติของซุนเต๋อจะหายไป จู่ๆ เขาก็ตระหนักขึ้นได้ว่า สติที่กระจายไปเช่นนี้ บางทีอาจเป็นเศษวิญญาณกู่ที่อยู่ในเรื่องเล่า ส่วนเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัดก็คือคำสาปของวงแหวนที่สอง คาดว่าคงใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ส่วนสตินี้ก็ไม่มีวันได้ตื่นขึ้นมาจริงๆ

กู่พ่ายแพ้แล้ว เป็นเพราะเศษวิญญาณเริ่มยุ่งเหยิง จวบจนตอนนี้ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา

และชนะแล้ว เพราะชายวัยกลางคนผมขาวกล่าวว่า หลัวเทียนถูกสังหาร

ทว่าเขายังนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ย เรื่องราวของความคิดนิรันดร์ แต่เขาไม่อยากจะคิดถึงมันแล้ว

“ไม่คิดถึงเรื่องนั้นแล้ว คิดถึงตัวเองเถอะ เรื่องเล่าทั้งชีวิตที่ข้าเล่าไป แท้จริงแล้ว…ข้ากำลังพูดถึงตัวเอง” ซุนเต๋อยิ้ม ร่างกายของเขาได้ทรุดลงและแตกกระจาย แผ่นไม้สีดำที่ร่วมเป็นสักขีพยานชีวิตในมือของเขา หลังจากที่เขาหายไป มันก็เกิด รอยร้าวจำนวนนับไม่ถ้วน ราวกับพร้อมที่จะแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ได้ตลอดเวลา ก่อนจะร่วงหล่นลงสู่ความว่างเปล่า

ภายในความว่างเปล่า ท่ามกลางความมืดและหนาวเหน็บ มันร่วงหล่นลงเรื่อยๆ หล่นลงไป…หล่นลงไป…หล่นลงไปอีก…

ราวกับว่าผ่านไปแล้วหนึ่งชาติ…หนึ่งชาติ…หนึ่งชาติ…และอีกหนึ่งชาติ จากนั้นรอยร้าวที่อยู่ด้านบน ก็ค่อยๆ ผสานเข้าด้วยกัน…

จนกระทั่งความว่างเปล่าได้เปลี่ยนจากความมืดมิดเป็นแสงสว่าง จักรวาลเปลี่ยนจากความโดดเดี่ยวกลับมามีชีวิต ภายในโลกใบใหม่นี้ มันได้กลายเป็นลำแสงหนึ่งสาย ร่วงหล่นลงสู่ดวงดาราสามัญดวงหนึ่ง ท่ามกลางป่าแห่งหนึ่ง ภายในท้องของกวางตัวเมียที่กำลังจะคลอด…

………………………………………………………….

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset