หวังเป่าเล่อเป็นหนึ่งในศิษย์เก่าที่โดดเด่นที่สุดของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ หากเขาได้แจ้งไว้ก่อนว่าจะเดินทางกลับมา สำนักศึกษาจะต้องจัดพิธีการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน
ชายหนุ่มอาจต้องการเช่นนั้นหากเขาเพิ่งได้เลื่อนขั้นขึ้เป็นขุนนางระดับสองชั้นรอง ทว่าตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาระยะหนึ่งแล้ว ความต้องการเช่นนั้นจึงเบาบางลง อันที่จริงแล้ว หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าจะเป็นการยุ่งยากเสียเปล่าๆ เขาจึงเลือกที่จะไม่แจ้งสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็นทางการว่าตนจะกลับมา ชายหนุ่มเพียงส่งข้อความเสียงไปยังประมุขสำนักก่อนที่จะตรงมายังสำนัก
หวังเป่าเล่อหยุดอยู่กลางอากาศเหนือเกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง ชายหนุ่มก้มศีรษะลงมองบรรดาศิษย์ในเกาะนั้น และทิ้งสายตาอ้อยอิ่งอยู่ที่สาขาอาวุธเวทนานกว่าที่อื่นสักหน่อย เขาอดหัวเราะไม่ได้เมื่อความทรงจำครั้งเก่าย้อนมาปรากฏอยู่ในใจ จากนั้นชายหนุ่มจึงหันหลังแล้วตรงไปทางเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง
วงแหวนปราณของเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงปล่อยหวังเป่าเล่อให้เข้ามา เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นศิษย์เก่าของสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ผ่านทะลุวงแหวนปราณเข้ามาอย่างง่ายดาย หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้มุ่งหน้าไปหาประมุขสำนัก กลับกันชายหนุ่มกลับหันหัวมุ่งหน้าไปที่ยอดเขาตำหนักสาขาหลอมโอสถอย่างรวดเร็ว!
นอกจากการมารับเคล็ดวิชาฝึกตนใหม่แล้ว ยังมีสิ่งสำคัญอีกสิ่งที่หวังเป่าเล่อวางแผนจะทำเมื่อกลับมาถึงสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกร้อนรนใจเมื่อครั้งอยู่บนดาวอังคาร เขาจึงวางแผนจะมาสะสางให้ได้สักวันหนึ่ง สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับ…การถือสันโดษของกระต่ายน้อย!
ป่านนี้นางคงจะเป็นกระต่ายชราไปแล้ว ก็เล่นถือสันโดษนานเสียขนาดนั้น ตำหนักหลอมโอสถตั้งใจทำเช่นนี้อย่างแน่นอน พวกเขารู้เรื่องของข้ากับกระต่ายน้อย เป็นเหตุให้เลือกที่จะเพ่งเล็งนาง! หวังเป่าเล่อพ่นลมหายใจออกมาอย่างขัดใจ ชายหนุ่มตัดสินใจแล้ว เขาต้องการคำอธิบายจากอาจารย์ของกระต่ายน้อย ชายชราจะต้องมีอธิบายว่าทำไมนางจึงถือสันโดษอยู่โดนตลอด หวังเป่าเล่อไม่พอใจอย่างยิ่ง
ทันทีที่ชายหนุ่มพุ่งตัวออกมาจากวงแหวนปราณ เขาก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักหลอมโอสถทันที
แม้ว่าชายหนุ่มจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีศิษย์บนเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงบางคนที่มองเห็นร่างของหวังเป่าเล่ออยู่รางๆ หากเป็นคนอื่นก็อาจจะไม่มีใครมองเห็น แต่หวังเป่าเล่อบัดนี้มีชื่อเสียงโด่งดัง แถมยัง…เป็นคนที่ง่ายต่อการมองเห็นเอามากๆ
จู่ๆ ก็มีเสียงอุทานออกมาจากฝูงชน
““ข้าคิดว่า…ข้าเห็นศิษย์พี่ใหญ่หวังเป่าเล่อนะ”
“ข้าก็เห็น! ต้องใช่ศิษย์พี่หวังเป่าเล่อแน่ๆ แต่ทำไมเขาจึงไม่ไปที่ตำหนักอาวุธเวทเล่า กลับมุ่งหน้าไปที่ตำหนักหลอมโอสถเสียได้”
“สวรรค์ ศิษย์พี่ใหญ่กลับมาเช่นนั้นหรือ”
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังไปทั่ว และในที่สุดใครบางคนก็โพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้บนเครือข่ายวิญญาณด้วยความตื่นเต้น เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าหวังเป่าเล่อกลายมาเป็นวีรบุรุษในสายตาของศิษย์สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ทุกคน และเริ่มมีศิษย์ปัจจุบันเรียกเขาว่าศิษย์พี่ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อผู้คนบนเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงเริ่มระแคะระคายเรื่องนี้มากขึ้น และเมื่อศิษย์จำนวนมากเริ่มออกมาในที่แจ้ง โดยหวังว่าจะได้เห็นหวังเป่าเล่อกับตาสักครั้ง หวังเป่าเล่อก็มาถึงด้านนอกของตำหนักหลอมโอสถและกำลังจะบุกเข้าไป แต่วงแหวนปราณของตำหนักก็หยุดเขาเอาไว้เสียก่อน
ทุกๆ ตำหนักบนเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูงมีวงแหวนปราณของตนเอง หากไม่ได้รับอนุญาต ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำหนักก็ไม่อาจเข้าไปได้ วงแหวนปราณทำหน้าที่เป็นเพียงสิ่งกีดขวางเท่านั้น ไม่มีความสามารถในการจู่โจมแต่อย่างใด เพราะอย่างไรเสียเด็กๆ เหล่านี้ก็เป็นศิษย์ในสำนัก
วงแหวนปราณถือเป็นอุปสรรคอันยิ่งใหญ่สำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นลมหายใจเที่ยงแท้ แม้กระทั่งผู้ฝึกตนในขั้นรากฐานตั้งมั่นก็อาจต้องพบกับความยากลำบากหากจะฝ่าไป แต่สำหรับหวังเป่าเล่อที่เป็นผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นใน…วงแหวนปราณนั้นไม่มีผลกับเขาแต่อย่างใด
ทันทีที่หวังเป่าเล่อเดินเข้าไปในวงแหวนปราณและวงแหวนเริ่มทำงานก็เกิดเสียงกัมปนาทดังสนั่น หวังเป่าเล่อยิ้มเยาะ วงแหวนปราณของตำหนักหลอมโอสถเริ่มบิดเบี้ยว มันไม่อาจหยุดยั้งหวังเป่าเล่อได้ ชายหนุ่มเดินอาดๆ เข้าไปในตำหนักอย่างง่ายดาย
ขณะที่หวังเป่าเล่อบุกรุกเข้าไปนั้น สัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น เสียงนั้นสะท้อนก้องไปทั้งตำหนักหลอมโอสถ บรรดาศิษย์และผู้อาวุโสต่างก็ตื่นตกใจไปตามๆ กัน
“มีผู้บุกรุกเข้าตำหนักหลอมโอสถ!”
“วงแหวนปราณก็หยุดเขาเอาไว้ไม่ได้!”
“ใครกันนะ ใครกันที่อาจหาญบุกรุกเกาะมหาปราชญ์ชั้นสูง!”
กลุ่มศิษย์จำนวนมากออกมาจากถ้ำที่พักด้วยความตื่นตกใจ ผู้อาวุโสในขั้นรากฐานตั้งมั่นก็เหาะออกมาอย่างเกรี้ยวกราดเช่นกัน พวกเขาตั้งใจจะออกมาสั่งสอนผู้บุกรุกให้รู้สำนึก ทว่าทันทีที่บรรดาศิษย์มองเห็นรูปร่างที่คุ้นเคยก้าวออกมาจากวงแหวนปราณพวกเขาก็ตกตะลึง
“ศิษย์พี่ใหญ่หวังเป่าเล่อ”
“ใช่ศิษย์พี่ใหญ่หวังเป่าเล่อจริงๆ ด้วย!”
เหล่าสานุศิษย์แห่งตำหนักหลอมโอสถอ้าปากค้าง พวกเขาต่างพากันโค้งคำนับหวังเป่าเล่อ ลืมไปเสียสนิทว่าอีกฝ่ายขณะนี้มีสถานะผู้บุกรุก สายตาของพวกเขาแวววาวด้วยความปลาบปลื้มและชื่นชม
มีศิษย์จำนวนหนึ่งที่สอบเข้าตำหนักหลอมโอสถได้หลังจากที่หวังเป่าเล่อเรียนจบไปแล้ว แม้พวกเขาจะตื่นเต้นไม่แพ้กันแต่ก็ยังต้องกระซิบถามเพื่อนด้วยความประหม่า
“เอ่อ…พวกเราควรจะทำอย่างไรกับศิษย์พี่ใหญ่ที่บุกรุกผ่านวงแหวนปราณเข้ามาดีเล่า”
ทุกคนที่ยืนล้อมเขาอยู่พากันตอบคำถามนี้อย่างพร้อมเพรียง ทุกคนหันมาจ้องมองเขาด้วยสายตาชิงชัง ก่อนจะเริ่มดุว่าเขาพร้อมๆ กัน
“เจ้าหลอมโอสถมากจนเสียสติไปแล้วหรือ ศิษย์พี่ใหญ่เข้ามาในตำหนักจะถือเป็นการบุกรุกได้อย่างไรกัน เขาเดินเข้ามาในบ้านของตนเอง เพียงแต่ไม่เคาะประตูก่อนก็เท่านั้น”
ประโยคนั้นฟังดูสมเหตุสมผลอย่างเหลือเชื่อ บรรดาศิษย์ใหม่พากันรู้สึกว่าเป็นพวกเขาเองที่เข้าใจสถานการณ์ผิดถนัด ก่อนจะพากันเห็นด้วยและเลิกคิดเรื่องการบุกรุกไปอย่างสิ้นเชิง
บรรดาผู้อาวุโสขั้นรากฐานตั้งมั่นต่างอับจนปัญญา พากันปวดศีรษะไปตามๆ กัน แถมยังไม่มีใครกล้าพูดว่าหวังเป่าเล่อใช้กำลังบุกรุกเข้ามาอีกด้วย พวกเขาล้วนยกมือคารวะหวังเป่าเล่อ
หวังเป่าเล่อพอใจที่เหล่าศิษย์น้องต่างเป็นคนเข้าใจง่าย เขาหยุดอยู่กลางอากาศ ก่อนจะยกมือขึ้นมาคารวะเหล่าศิษย์ของตำหนักหลอมโอสถที่อยู่รายรอบ
“ศิษย์น้องทั้งชายและหญิงของข้า ข้าเข้าใจดีว่าการปรากฏตัวอย่างปุบปับของข้าอาจรบกวนการฝึกปราณของพวกเจ้า ได้โปรดอย่าถือโทษโกรธข้าเลย” น้ำเสียงอบอุ่นของหวังเป่าเล่อสะท้อนก้องอยู่ในอากาศ สานุศิษย์รอบกายเขายิ่งพากันตื่นเต้น ก่อนจะซุบซิบกันเองอยู่ไปมา
“ศิษย์พี่ใหญ่เป่าเล่อช่างเป็นมิตรจริงๆ เขายิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นแต่กลับพูดกับพวกเราอย่างสุภาพ ข้าได้ยินมาว่าเขายังไม่มีคู่ครอง…ศิษย์พี่ใหญ่เป่าเล่อ ข้ารักท่าน!”
“นั่นก็เพราะว่าศิษย์พี่ใหญ่เป่าเล่อปฏิบัติกับเราทุกคนเช่นพี่น้องอย่างไรเล่า เขาจะแสดงด้านที่น่ากลัวเฉพาะกับศัตรูเท่านั้น เราทุกคนเป็นเสมือนครอบครัว!”
“ใช่แล้ว ศิษย์พี่ใหญ่เป่าเล่อ พวกเราไม่ใส่ใจหรอก อีกประการ ท่านก็ไม่ได้หยาบคายแต่อย่างใด ก็เหมือนท่านกลับบ้านตนเอง ท่านเพียงแค่ไม่ได้เคาะประตูก่อน แต่ว่าใครจะเคาะประตูบ้านตนเองกันเล่า”
“ข้าคิดมานานแล้วว่าวงแหวนปราณนั้นช่างอัปลักษณ์นัก ศิษย์พี่ใหญ่หวังท่านทำได้ดีมาก!”
ศิษย์จากตำหนักหลอมโอสถมาปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงโห่ร้องสนับสนุนหวังเป่าเล่อก็ดังขึ้นทุกขณะ ในไม่ช้าเสียงอึกทึกก็ดังลั่นทั้งตำหนัก ความครึกครื้นและเสียงดังสนั่นนั้นดึงความสนใจของศิษย์ตำหนักอื่นๆ ที่เดินผ่านไปมา ทันทีที่มองเห็น พวกเขาก็เดินเข้ามาออกันอยู่ด้านนอก พยายามชะเง้อมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้านใน
หลังจากที่ยกมือขึ้นคารวะทักทายทุกคนเสร็จ หวังเป่าเล่อก็สูดลมหายใจเข้าลึกและพูดขึ้นอีกครั้ง
“ศิษย์พี่น้องทั้งหลายเอ๋ย เหตุผลที่ข้ามาที่นี่ในวันนี้นั้น ก็เพราะเมื่อครั้งที่ข้าเป็นศิษย์อยู่ที่เกาะมหาปราชญ์ชั้นรอง ตัวข้าเองมีเพื่อนสนิทสตรีนามว่ากระต่ายน้อย…ไม่ใช่สิ นามของนางคือโจวเสี่ยวหยา ตั้งแต่นางได้มาเป็นศิษย์ของอาจารย์ไร้จริยธรรม นางก็ถูกบังคับให้ถือสันโดษอยู่ตลอด พวกเราไม่ได้พบหน้ากันมานานหลายปี ข้าอยากจะถามพวกเจ้าว่า การกระทำเช่นนี้สมเหตุสมผลแล้วอย่างนั้นหรือ”
คำพูดของหวังเป่าเล่อดังก้องสะท้อนไปทั่ว และเพราะบรรดาศิษย์ที่รายล้อมอยู่ล้วนรักเขา จึงต่างพากันเข้าข้างเขาทันที เหล่าศิษย์เริ่มไม่พอใจกับเรื่องนี้ มีกระทั่งศิษย์บางคนที่เริ่มส่งเสียงตะโกนไปทางตำหนักหลอมโอสถ
“ปล่อยศิษย์พี่โจวเสี่ยวหยาเดี๋ยวนี้!”
ศิษย์ของตำหนักหลอมโอสถทุกคนดูโกรธเกรี้ยวและพร้อมจะใช้ความรุนแรง เมื่อเห็นดังนั้นหวังเป่าเล่อก็มีกำลังใจขึ้นมา ชายหนุ่มรู้สึกว่าศิษย์เหล่านี้ล้วนเป็นศิษย์น้องที่น่ารัก เขาหันไปหายอดเขาตำหนักหลอมโอสถและตะโกนว่า
“ท่านผู้อาวุโส ท่านส่งตัวกระต่ายน้อยมาเดี๋ยวนี้เถิด ข้าจะนับถึงสาม ถ้าหากท่านยังไม่ปล่อยนางมา ข้าจะขึ้นไปหาท่านเอง”
เสียงของหวังเป่าเล่อดังสนั่นราวฟ้าผ่า เสียงนั้นสะท้อนก้องไปในอากาศ บนยอดเขานั้น ผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งกำลังหงุดหงิดพลางจ้องมองไปยังชายชราคนหนึ่งที่กำลังเดินไปมาอยู่ตรงหน้าพร้อมกับถอนหายใจ
ชายชราผู้นี้คืออาจารย์ของโจวเสี่ยวหยา เขาเคยเป็นหนึ่งในสี่ผู้อาวุโสแห่งตำหนักหลอมโอสถ ขณะนี้เขาดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสชั้นสูงของตำหนักหลอมโอสถ
“ท่านผู้อาวุโสชั้นสูง โปรดพูดอะไรสักหน่อยเถิด”
“ใช่ เจ้าหวังเป่าเล่อขณะนี้อยู่ในขั้นกำเนิดแก่นใน เขาต่อสู้จนกระทั่งมาถึงจุดนี้ ช่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์อย่างหาตัวจับยาก!”
“ผู้อาวุโสชั้นสูง ท่านเองก็ผิดด้วยเช่นกัน แม่นางเสี่ยวหยาแม้จะมีพรสวรรค์ แต่ท่านก็ไม่ควรจะแยกคู่พวกเขาออกจากกัน ทำไมท่านจึงต้องบังคับให้นางถือสันโดษด้วยเล่า นางต้องถือสันโดษมาโดยตลอด ข้าเองก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งเริ่มประท้วงอย่างมีโทสะ ส่วนหวังเป่าเล่อก็เริ่มนับถอยหลังอยู่ด้านนอก
“สาม สอง…”
ขณะที่ชายหนุ่มนับอยู่นั่นเอง ผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งตำหนักหลอมโอสถก็กระทืบเท้าเสียงดัง ก่อนจะตะโกนไปทางผู้อาวุโสที่ยืนล้อมเขาอยู่
“เจ้าโทษข้าไม่ได้ ข้าทำตามที่ผู้อาวุโสสูงสุดสั่ง ข้ามีทางเลือกอื่นหรืออย่างไร”
เมื่อผู้อาวุโสชั้นสูงพูดจบ หวังเป่าเล่อก็นับถึงสามพอดี ชายหนุ่มก้าวออกมาด้านหน้า สายฟ้าฟาดลงมา ก่อให้เกิดเสียงดังที่เขย่าทั้งสวรรค์และพื้นพิภพ ชายหนุ่มแปลงกายเป็นสายฟ้า พุ่งตรงขึ้นไปยังยอดเขา ดูราวกับว่าเขากำลังจะบุกรุกเข้าไป
ทันใดนั้นเอง เสียงของชายชราก็ดังก้องไปถึงท้องฟ้า ก่อนจะก่อตัวเป็นปราการที่มองไม่เห็น คล้ายผนึก มันหล่นลงใส่หวังเป่าเล่อและขังเขาเอาไว้ด้านใน!
“เจ้าอ้วนน้อย ไหนลองทำลายปราการนี้ดูหน่อย ถ้าเจ้าทำได้ ข้าจะยอมตอบคำถามเจ้าเอง!”