หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

บทที่ 656 มีบางอย่างผิดปกติ!
ขณะที่กำลังหนีออกมาพร้อมเจ้าเยี่ยเหมิง หวังเป่าเล่อได้เห็นภาพที่ทำให้เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก ในตอนที่เมี่ยเลี่ยจื่อเงยหน้าขึ้นมานั้น ตัวเขาคนเดิมได้จากไปเรียบร้อยแล้ว

แม้จะไม่ได้สิ้นชีวิต แต่โอกาสที่เมี่ยเลี่ยจื่อจะกลับมาเหมือนเดิมได้อีกครั้งแทบจะเป็นศูนย์

“เราต้องออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” ดวงตาของชายหนุ่มอัดแน่นด้วยความบ้าคลั่ง ร่างจริงของเขาที่ซ่อนตัวอยู่ที่ชั้นสาม ยังคงเดินหน้าดูดพลังจากชุดคลุมออกศึกอย่างไม่หยุดสิ้น จนทำให้เริ่มบวมพองขึ้นอย่างรวดเร็ว

แต่หวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจเรื่องความอ้วนอีกต่อไปแล้ว เจ้าเยี่ยเหมิงรู้ว่าสถานการณ์ของพวกเขาอันตรายเพียงใด นางเงียบขณะสร้างวงแหวนปราณที่ช่วยเพิ่มความเร็วของทั้งตนเองและหวังเป่าเล่อ

กระนั้นทั้งสองก็ยังเทียบศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันไม่ติด นอกจากนี้เหล่าผู้ฝึกตนที่ถูกล้างสมองรอบกายเขายังทำให้อะไรๆ แย่ลงไปอีก โยวหรันไม่ได้ไล่ตามทั้งสองด้วยตนเอง เพียงแต่โบกมือส่งลูกสมุนราวเจ็ดแปดคนให้ไล่ล่าพวกเขาแทน!

“จับเป็นมาให้ข้า!” ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันพูดอย่างไม่ใส่ใจ เขากำลังจะสำรวจดูกระเป๋าคลังเก็บของเมี่ยเลี่ยจื่อ แต่เสียงคำรามดังอุบัติขึ้นเสียก่อนที่ท้องฟ้าไกลราวกับอสนีบาตที่สะท้อนก้องในอากาศ ชั้นสองของเรือรบสั่นสะเทือน แรงระเบิดพุ่งผ่านอากาศเป็นริ้วๆ

พื้นดินสั่นสะท้าน ต้นไม้ใบหญ้าสั่นไหว หวังเป่าเล่อและเจ้าเยี่ยเหมิงเองก็ตัวสั่นเช่นกัน ลมกรรโชกพัดเข้าใส่หน้า กลุ่มผู้ฝึกตนที่ไล่ล่าทั้งสองเองก็กำลังพบเจอชะตากรรมแบบเดียวกัน

แรงระเบิดรุนแรงที่ทำให้โลกทั้งใบสั่นสะเทือนนั้น มาพร้อมกับร่างที่ปรากฏขึ้นในระยะไกล ร่างนั้นพุ่งเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง พร้อมด้วยไม้วัดที่ปล่อยแสงเจิดจ้าลอยวนอยู่รอบกาย ร่างนั้นก็คือเฟิ่งชิวหรันนั่นเอง!

สภาพของนางดูย่ำแย่ไม่ต่างจากเมี่ยเลี่ยจื่อในตอนที่ปรากฏตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในชั้นที่สอง ใบหน้าของเฟิ่งชิวหรันซีดเผือด ริมฝีปากอาบไปด้วยเลือด หากโยวหรันพูดจริงว่าได้ขังนางเอาไว้ในวงแหวนปราณ เฟิ่งชิวหรันก็คงต้องจ่ายค่าเสียหายราคาแพงเพื่อหลบหนีออกมา แรงระเบิดรุนแรงเมื่อก่อนหน้าอาจมาจากวงแหวนปราณที่ถูกทำลายลงก็เป็นได้

แต่ก็สายไปเสียแล้ว เมี่ยเลี่ยจื่อยื้อชีวิตตนเองเอาไว้ไม่ทันนางมา เมื่อเข้ามาใกล้มากขึ้น เฟิ่งชิวหรันก็เห็นใบหน้าไร้ความรู้สึกและไร้วิญญาณของเมี่ยเลี่ยจื่อ พร้อมด้วยโยวหรันที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ

ไม่จำเป็นต้องถามคำถามใดทั้งนั้น ภาพตรงหน้าบวกกับความเคลือบแคลงสงสัย ว่ามีสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นแฝงตัวอยู่ในสำนักวังเต๋าไพศาล ทำให้ทุกสิ่งชัดเจนแจ่มแจ้งในที่สุด ความมุ่งมั่นน่ากลัววาบเข้ามาในดวงตาของนาง ต่อให้ต้องตาย เฟิ่งชิวหรันก็จะต้องสังหารโยวหรันลงให้ได้ นางพุ่งเข้าหาเป้าหมายของตนเองทันทีโดยไร้ซึ่งความเกรงกลัวใดๆ !

“เจ้าทำลายวงแหวนปราณของข้าได้เสียด้วย เฟิ่งชิวหรัน… ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าต่ำไป” ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยิ้มบาง ก่อนโบกมือเพื่อเรียกเอาเมฆดำทะมึนกว้างใหญ่ออกมาจากร่าง เมฆนั้นลอยเข้าปกคลุมท้องฟ้าเป็นบริเวณกว้าง และพุ่งเข้าหาเฟิ่งชิวหรันทันที

ทั้งสองถูกห้อมล้อมโดยหมอกดำ เสียงระเบิดดังกึกก้องต่อเนื่องจากภายในม่านหมอก สะท้อนออกมายังบรรยากาศภายนอก หวังเป่าเล่อและเจ้าเยี่ยเหมิงเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายไม่ต่างกัน ผู้ฝึกตนที่โดนล้างสมองล้อมแต่ยังไม่ได้รับคำสั่ง ยืนยิ่งไม่ไหวติงอยู่กับที่ ส่วนฝ่ายที่ได้รับคำสั่งให้ไล่ล่าพวกเขานั้น ก็ยังคงตามอย่างไม่ลดละ ในขณะที่โยวหรันและเฟิ่งชิวหรันกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด

ในบรรดาผู้ฝึกตนแปดคนที่ตามพวกเขามา สี่คนมีปราณระดับจุติวิญญาณ ส่วนที่เหลืออยู่ในระดับกำเนิดแก่นใน หนึ่งในนั้นคือ… โจวชู่เต๋า!

หวังเป่าเล่อคิดว่าคงเป็นการยากหากจะรับมือพร้อมกันทีเดียวทั้งแปดคน ถึงแม้จะใช้ร่างที่แท้จริงของเขาก็ตาม และหากใช้ร่างอวตารโอกาสชนะนั้นยิ่งแทบจะเป็นศูนย์ ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายแน่วแน่ขณะรีบพูดออกคำสั่ง

“เยี่ยเหมิง เจ้าหนีไปก่อน หาที่หลบซ่อนตัวเพื่อรอให้คลื่นแทรกอ่อนกำลังลง จากนั้นก็จงเคลื่อนย้ายออกไปจากที่นี่เสีย!”

เจ้าเยี่ยเหมิงหาใช่สตรีธรรมดาไม่ เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่ นางมองหวังเป่าเล่ออยู่นานด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ ก่อนจะพยักหน้าโดยไม่พูดสิ่งใดอีก เจ้าเยี่ยเหมิงรู้ดีว่าตนเองไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว นางจึงยกมือขวาขึ้นจับผมของตน และตัดปอยหนึ่งออกเพื่อส่งให้หวังเป่าเล่อเก็บเอาไว้ ก่อนหันหลังจากไป

ความรู้สึกมากมายท่วมจิตใจของชายหนุ่ม เขาจับปอยผมของเจ้าเยี่ยเหมิงเอาไว้ ก่อนรีบเก็บมันเข้ากำไลคลังเวทและหันตัวจากไปเช่นกัน เสียงระเบิดกึกก้องดังลั่นทั่วท้องฟ้า ทะเลสายฟ้าอุบัติขึ้นห้อมล้อมร่างของชายหนุ่ม ร่างอวตารของเขากลายสภาพเป็นตาข่ายสายฟ้าขนาดใหญ่ ที่พุ่งเข้าใส่กลุ่มผู้ฝึกตนที่กำลังไล่ล่าตน

ทั้งแปดคนติดบ่วงในทันที เสียงระเบิดดังสะเทือนไปทั่ว ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไป!

ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อเทียบชั้นผู้ฝึกตนทั้งแปดนั้นไม่ติด ตาข่ายสายฟ้าของเขาแทบจะสลายไปในทันที กลายสภาพไปเป็นเส้นสายฟ้า ก่อนก่อตัวขึ้นเป็นตาข่ายสายฟ้าอีกครั้ง แม้จะไม่ได้ส่องแสงเจิดจ้าเท่าครั้งแรก แต่ก็ยังพุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้ทั้งแปดด้วยความเร็วเท่าเดิม!

เสียงระเบิดดังก้องไปทั่ว ทั้งบนพื้นผิดและแผ่นฟ้า!

ศึกระหว่างเฟิ่งชิวหรันและโยวหรันกำลังดำเนินมาถึงจุดสำคัญ แม้เฟิ่งชิวหรันจะมีไม้วัด แต่ก็ยังได้รับบาดเจ็บจากการพยายามหนีออกจากวงแหวนปราณมาเมื่อก่อนหน้า นอกจากนี้ แม้พลังปราณของนางจะสูงกว่าเมี่ยเลี่ยจื่อ แต่ก็ยังต่ำกว่าโยวหรันอยู่เล็กน้อย โยวหรันนั้นใช้ความพยายามในการเก็บซ่อนความสามารถที่แท้จริงของตนเองเอาไว้ได้ดียิ่ง

โยวหรันค่อยๆ คืบคลานขึ้นมาเป็นต่อ…ส่วนศึกบนพื้นดินนั้นก็เริ่มดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน ตาข่ายสายฟ้าของหวังเป่าเล่อถูกทำลายลงเป็นครั้งที่สามภายในเวลาไม่กี่วินาที แต่ตัวชายหนุ่มเองยังมีสมบัติเวทเก็บสะสมเอาไว้อยู่มาก เสียงระเบิดดังขึ้นอีกครั้ง ระฆังสูงตระหง่านแปดอันพุ่งเข้าครอบผู้ฝึกตนทั้งแปด กักขังทั้งหมดเอาไว้ภายใน

แต่ก็ทำได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณทั้งสี่ปล่อยพลังปราณของตนเองออก ส่งระฆังให้สะท้อนกลับไปอย่างไม่ใยดี แต่ก่อนที่จะทันได้พุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ หอกสีดำก็พรวดเข้ามาก่อน ตามมาด้วยกระบี่บินที่ตกเหมือนห่าฝน กักขังทั้งสี่เอาไว้ในสนามรบอีกครั้ง

หวังเป่าเล่อโยนทุกสิ่งที่ตนเองมีใส่ ร่างอวตารของเขาถ่วงเวลาผู้ฝึกตนทั้งแปดเอาไว้ได้ ทำให้เจ้าเยี่ยเหมิงหนีไปได้ทันท่วงที

ขณะที่การต่อสู้กำลังดำเนินต่อไปนั้น ร่างจริงของเขานั้นนั่งขัดสมาธิอยู่ในทะเลสาบทองคำที่ชั้นสาม และกำลังอ้วนถึงขีดสุด เขาไม่ได้ชะลอการดูดพลังจากชุดคลุมออกศึกแต่อย่างใด แต่กลับเพิ่มความเร็วขึ้นเสียด้วยซ้ำ หวังเป่าเล่อยังคงเดินหน้าสูบพลังจากชุดคลุมออกศึกอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าร่างจริงของเขาจะดูรับพลังงานเพิ่มอีกไม่ได้แล้วก็ตาม

พลังปราณที่ถูกหวังเป่าเล่อดูดกลืนมานั้น เดินทางมาถึงจุดที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบรับรุนแรง ผู้ฝึกตนที่กำลังห้ำหั่นกันอยู่รู้สึกได้ในทันที ว่าเรือรบกำลังสั่นสะเทือนขึ้นฉับพลัน!

การสั่นสะเทือนนี้ทำให้คลื่นแทรกในเรือรบอ่อนกำลังลงอย่างมาก แม้จะยังไม่อ่อนแอพอให้เจ้าเยี่ยเหมิงฉวยโอกาสเคลื่อนย้ายออกไปได้ แต่ก็คงอีกไม่นานก่อนที่นางจะทำสำเร็จในที่สุด

นอกจากนี้ การสะเทือนของเรือรบยังทำให้เกิดผลกระทบตามมาเป็นลูกโซ่อีกด้วย ในชั้นแรกและชั้นที่สอง โลกทั้งใบภายในเรือรบกำลังสั่นไหว โยวหรันกำลังได้เปรียบเฟิ่งชิวหรัน ที่ถูกโจมตีให้ถอยร่นไปพร้อมเลือดที่ไหลไม่หยุดออกจากปาก เขาโบกมือและกำลังจะล้างสมองเฟิ่งชิวหรันได้สำเร็จ ในตอนนั้นเองที่เรือรบสั่นสะท้านส่งให้คลื่นแทรกอ่อนกำลังลง ความตกใจผุดขึ้นบนใบหน้าของโยวหรันในทันที!

“มีบางอย่างผิดปกติ!” ความรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากเข้าครอบงำจิตใจ เขารีบล่าถอยในทันที พร้อมสร้างผนึกมือชุดเพื่อปล่อยจิตสัมผัสของตนเองออกไปสำรวจสถานการณ์ ไม่นานนักดวงตาของโยวหรันก็เบิกกว้าง จิตของเขาที่เชื่อมโยงกับเรือรบทำให้มองเห็นได้ว่ากำลังเกิดสิ่งใดที่ชั้นสามของเรือ!

“ไอ้หวังเป่าเล่อ!” โยวหรันหายใจสะดุด ดวงตากลายเป็นสีเลือดขณะปล่อยเสียงร้องหลงด้วยความโกรธเกรี้ยว เขาไม่สนใจเฟิ่งชิวหรันที่กำลังบาดเจ็บปางตายอีกต่อไปแล้ว แต่หันไปพุ่งใส่ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อแทนด้วยความแค้น

หวังเป่าเล่อที่กำลังห้ำหั่นกับผู้ฝึกตนระดับจุติวิญญาณสองสามคนอย่างดุเดือด ไม่มีเวลาหันมารับสถานการณ์แม้แต่น้อย พลังทำลายล้างที่พุ่งเข้าใส่เขานั้น ทำให้ร่างอวตารระเบิดออกในทันทีพร้อมด้วยเสียงดังจนหูแทบดับ!

สีหน้าของโยวหรันดูพร้อมสังหาร หลังจากที่ทำลายร่างอวตารของหวังเป่าเล่อลงเรียบร้อย เขาก็โบกมือส่งฝูงผู้ฝึกตนที่โดนล้างสมองไปจัดการเฟิ่งชิวหรัน สายฟ้าระเบิดกึกก้องทั่วท้องฟ้ารอบกาย รอยแยกปรากฏขึ้นบนท้องฟ้านั้น เปิดออกไปสู่ความมืดมิดไร้จุดสิ้นสุด ผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นเจ็ดถึงแปดคนก้าวออกจากรอยแยก ทุกคนเต็มไปด้วยบาดแผลจากศึกในอดีตที่ยังไม่หายดี กระนั้นก็ยังดีพอที่จะกลับมามีปราณระดับจุติวิญญาณได้

ทุกคนรู้สถานการณ์ดีและรีบพุ่งเข้าใส่เฟิ่งชิวหรัน โยวหรันกำลังว้าวุ่นกระวนกระวาย เขากระโจนออกไปด้วยความเร็วเต็มสูบ มุ่งหน้าไปยัง…ชั้นสามของเรือรบ!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset