คัมภีร์หวูซั่งซินหมัว
“เจอแล้วเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา แววประหลาดใจแกมยินดีก็ฉายในดวงตาของจิ่วโยว จากนั้นนางก็รู้สึกไม่อยากเชื่อขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเป็นสิ่งที่กระทั่งสำนักสายฟ้าปีศาจใช้เวลาหลายปียังไม่สามารถทำได้สำเร็จ แต่มู่เฉินกลับใช้เวลาเพียงสี่วันก็ค้นหาคลื่นของสายฟ้าฤทัยปีศาจดำเจอแล้ว
“ไม่น่าผิดแน่” มู่เฉินพยักหน้าด้วยความตื่นเต้น เขาก้มหน้าลงมองมือก็เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “แต่สายฟ้าฤทัยปีศาจดำครอบงำนัก แค่คลื่นเสียงอย่างเดียวก็ทำให้ข้าสูญเสียการควบคุมตัวเองไปแล้ว”
“สายฟ้าฤทัยปีศาจดำเป็นหนึ่งในสายฟ้าที่แปลกประหลาดในโลก ไม่เพียงแต่พลังของมันจะแตกต่างจากพลังสายฟ้าชนิดอื่นที่ป่าเถื่อนรุนแรง มิหนำซ้ำลักษณะการโจมตีก็ไม่ใช่สายฟ้าแต่เป็นคลื่นเสียงสายฟ้า” จิ่วโยวเอ่ย
“คลื่นเสียงสายฟ้า?” มู่เฉินหรี่ตาลง
“สายฟ้าฤทัยปีศาจดำสามารถเจาะผ่านการป้องกันส่วนใหญ่ได้ มันเกิดจากหัวใจ ดังนั้นมันจะปรากฏขึ้นในหัวใจของคนคนนั้น แล้วคลื่นเสียงสายฟ้าจะทำให้ความคิดของคนคนนั้นฟุ้งซ่าน ปล่อยให้ฤทัยปีศาจกำเริบขึ้น มากจนไม่สามารถควบคุมคลื่นหลิงของตัวเองได้ หรือแม้กระทั่งทนทรมานจากผลข้างเคียงจากคลื่นหลิงของพวกตนเองจนตาย” สีหน้าของจิ่วโยวดูเคร่งเครียดลงหลายส่วน เห็นชัดว่านางหวาดกลัวสายฟ้าฤทัยปีศาจดำเพียงใด
นี่คือการโจมตีที่แทบจะป้องกันไม่ได้
ใบหน้าของมู่เฉินเต็มไปด้วยความตกตะลึง นั่นก็หมายความว่าเมื่อเผชิญกับสายฟ้าฤทัยปีศาจดำ ไม่ว่าพลังกายจะทรงพลังขนาดไหน ก็ไม่สามารถป้องกันได้ ด้วยพลังที่แปลกประหลาดเช่นนี้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงจัดอยู่ในอันดับเดียวกับเพลิงอมตะได้
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ความสนใจของเขาต่อสายฟ้าฤทัยปีศาจดำก็มีมากขึ้น
“ไปกันเถอะ ข้าก็อยากดูสายฟ้าฤทัยปีศาจดำในตำนานเหมือนกัน” จิ่วโยวยิ้มหวาน มองออกว่านางก็มีความสนใจอย่างใหญ่หลวงต่อสายฟ้าฤทัยปีศาจดำเหมือนกัน
มู่เฉินพยักหน้าพลางยื่นมือไปหาจิ่วโยวที่กำลังเตรียมออกตัว
จิ่วโยวเหลือบตามาอย่างสงสัย จากนั้นใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเย้า “อะไรหรือ? มู่เฉินน้อย เจ้าคิดจะฉวยโอกาสกับพี่สาวรึ?”
มุมปากของมู่เฉินกระตุกขณะที่เอ่ยอย่างหน่ายใจ “สายฟ้าโลกปีศาจในบริเวณนี้รุนแรงอย่างยิ่ง ถ้าเจ้าพุ่งไปโดยไม่ระวังก็จะถูกพวกมันตีเอาตาย ส่วนข้าสามารถใช้กระบวนท่าควบคุมสายฟ้าหลบเลี่ยงไปได้”
“งั้นเหรอ?” ริมฝีปากสีแดงสดของจิ่วโยวโค้งเป็นรอยยิ้มนุ่มนวล จากนั้นนางก็ยื่นมือออกไปวางบนมือมู่เฉิน “งั้นครั้งนี้ข้าเชื่อเจ้าละกัน เพราะคิดว่าเจ้าคงไม่กล้าทำอะไรอยู่แล้ว”
มู่เฉินจับมือเรียวอุ่น จากนั้นก็ส่งแรงออกไปดึงร่างบอบบางมาไว้ในอ้อมแขน แขนโอบรอบเอวบางขณะกลิ่นหอมโชยออกมาเมื่อเขาสัมผัสกับร่างอบอุ่นของนาง
ถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอดของมู่เฉิน จิ่วโยวก็ไม่ทันตั้งตัว แต่ก่อนที่นางจะดิ้นหนี เสียงของมู่เฉินก็ดังก้องหู “อย่าขยับ”
พูดจบ คลื่นหลิงก็แผ่ออกจากร่างเขาปกคลุมทั้งคู่เอาไว้ มู่เฉินแตะปลายเท้าเปลี่ยนเป็นร่างแสงทะยานไปยังจุดลึกสุดของหุบเหวไร้ก้นอย่างรวดเร็ว
สายฟ้าโลกปีศาจป่าเถื่อนพุ่งผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อรู้สึกถึงความอุ่นซ่านที่แนบชิดกัน แม้แต่คนนิสัยอย่างจิ่วโยวยังรู้สึกแก้มร้อนผ่าวพลางมองค้อนมู่เฉิน
เมื่อเห็นสายตาเขินอายของนาง มู่เฉินก็ทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆ และเร่งความเร็ว
ร่างแสงแหวกว่ายลงไปในทะเลสายฟ้าสีดำมืด สายฟ้าโลกปีศาจที่อยู่ในเส้นทางก็แหวกออกเป็นทางโล่ง การใช้กระบวนท่าควบคุมสายฟ้านี้ทำให้มู่เฉินสามารถไปไหนก็ได้ตามใจชอบในทะเลสายฟ้าแห่งนี้
แต่แม้ว่าเส้นทางของพวกเขาจะโล่งว่าง เวลาครึ่งวันก็ผ่านไป เมื่อมู่เฉินมาถึงบริเวณนั้นที่กระแสจิตจับสัมผัสได้…
ฟิ้ว!
ร่างแสงพุ่งผ่านในทะเลสายฟ้ามืดมิดด้วยความรวดเร็วสูงเริ่มชะลอตัวลง แสงค่อยๆ จางลงร่างของมู่เฉินกับจิ่วโยวก็ปรากฏออกมา
จิ่วโยววางมือบนแผ่นอกของมู่เฉินแล้วผลักออกหลุดจากอ้อมกอดของเขาทันที
“ใครที่ไหนจะเหมือนเจ้าที่ใช้ข้าเสร็จก็ผลักไสไล่ส่งแบบนี้กัน?” มู่เฉินเอ่ยด้วยท่าทางไม่พอใจ
จิ่วโยวกลอกตาใส่ เรื่องทั้งน่าขำและน่าโมโหในเวลาเดียวกัน จากนั้นนางก็ไม่สนใจเขาเบนสายตาไปข้างหน้า ฉับพลันใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
มู่เฉินก็หยุดแซวมองไปข้างหน้าเช่นกัน ตรงนั้นเป็นพื้นที่สีดำมืดกว้างใหญ่ไพศาลดูราวกับว่าไม่มีอะไรอยู่ภายใน ทว่ากลับไม่มีสายฟ้าโลกปีศาจสักริ้วกล้าเข้าไปใกล้
พื้นที่ดำมืดราวกับหลุมแห่งความตายอันน่าสะพรึงกลัว
“สายฟ้าฤทัยปีศาจดำที่ข้าจับสัมผัสได้อยู่ที่นี่แหละ” มู่เฉินเอ่ยเสียงต่ำ แม้ที่นี่จะดูเงียบสงบ แต่เขากลับเกร็งร่างอย่างควบคุมไม่ได้โดยไม่รู้สาเหตุ นี่เป็นเพราะร่างกายของเขารู้สึกถึงอันตราย จึงเข้าสู่ภาวะป้องกันตัวโดยเกิดปฏิกิริยาสะท้อนกลับ
จิ่วโยวหันมามองหน้าจากนั้นทั้งคู่ก็พยักหน้าให้กันเบาๆ ก่อนจะออกตัวไปในเวลาเดียวกัน ฝ่าเท้าก้าวออกจากทะเลสายฟ้าเข้าสู่พื้นที่เวิ้งว้างสีดำมืด
ไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นขณะที่ทั้งสองเคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ไม่กี่นาทีต่อมาจิ่วโยวก็ต้องหดตาลง ทว่าก่อนที่จะพูดอะไรออกมา เสียงฟ้าคำรามประหลาดที่ฟังดูราวเสียงคร่ำครวญของภูตผีก็ดังขึ้นในใจของนางกับมู่เฉิน
ตู้ม!
ร่างของทั้งคู่แข็งค้างฉับพลัน โดยเฉพาะมู่เฉินที่เส้นเลือดบนใบหน้าถึงกับปูดโปน ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาตอนนี้กลับดูป่าเถื่อนอย่างยิ่ง
เสียงฟ้าคำรามประหลาดดังออกมาจากห้วงลึกของจิตใจ เมื่อเสียงคำรามดังกึกก้อง ก็ทำให้เขาสูญเสียการควบคุมคลื่นหลิงในร่าง หากไม่ใช่เพราะเขามีพื้นฐานแข็งแกร่ง เขาคงเสียการควบคุมไปนานแล้ว แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวในตอนนี้ได้ ราวกับสูญเสียการควบคุมร่างกายตนเองไป
ขณะที่มู่เฉินพยายามอย่างที่สุดในการป้องกันเสียงฟ้าคำรามในห้วงแห่งจิตใจ จิ่วโยวที่ยืนเกร็งร่างอยู่ข้างเขาก็ค่อยๆ คลายตัวลงทีละน้อย เพลิงสีม่วงปะทุครอบตัวนางอย่างรวดเร็ว
มือของนางลุกโชนด้วยเพลิงสีม่วงเอื้อมจับมือมู่เฉินไว้ เพลิงสีม่วงกวาดออกไหลเข้าสู่ร่างของเขาพร้อมกับเสียงเพลิงลุกไหม้เริ่มกลบเสียงฟ้าคำราม
มู่เฉินค่อยๆ ฟื้นตัวทีละน้อย
จิ่วโยวเอี้ยวหน้าเล็กน้อยเผยให้เห็นโหนกแก้มขาว “ใช้เพลิงอมตะป้องกัน”
มู่เฉินพยักหน้า จุดจื้อจุนไห่ม้วนตัวพร้อมกับคลื่นหลิงพวยพุ่ง เกลียวเพลิงอมตะก็หลั่งไหลออกมา แม้ว่าเพลิงอมตะของเขาจะไม่แก่กล้าเท่ากับจิ่วโยว แต่ก็เพียงพอที่จะปกป้องตัวเองได้
ทั้งสองก้าวไปข้างหน้า ทุกฝีก้าวก็จะมีเสียงฟ้าคำรามดังกึกก้องในห้วงแห่งจิต ทว่าพวกเขาตั้งรับไว้แล้ว บวกกับพลังของเพลิงอมตะ ถึงฝีก้าวจะช้าลง แต่ก็ยังสามารถย่างเท้าไปข้างหน้าได้ทีละก้าว…ละก้าว
มู่เฉินนับเงียบๆ ในใจ เมื่อเสียงฟ้าร้องดังครั้งที่หนึ่งพัน ในที่สุดเขาก็รู้สึกได้ว่าจิ่วโยวที่เดินอยู่ด้านหน้าหยุดนิ่งลง ทำให้ตัวเขาก็หยุดก้าวเดินไปด้วยเช่นกัน เขาเงยหน้าที่ซีดลงเล็กน้อยขึ้นมองไปข้างหน้า ทันใดนั้นม่านตาก็ต้องหดเกร็ง
ที่เบื้องหน้าครรลองสายตาเป็นพื้นที่ดำมืดสุดหยั่ง ส่วนในความมืดราวกับมีแสงประหลาดปรากฏเลือนรางอยู่ภายใน นั่นเป็นแสงที่มีสีเทาหม่น
ภายในแสงเหมือนจะไม่มีอะไร แต่มู่เฉินกลับสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังน่ากลัว ต้องมีบางอย่างอยู่ในนั้นแน่!
เพียงแต่เขาไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่าเท่านั้น!
“สายฟ้าฤทัยปีศาจดำไม่มีรูปลักษณ์…” จิ่วโยวเอ่ยเบาๆ ร่างก็เกร็งขึ้นพร้อมกับเพลิงอมตะลุกโชน นางจ้องมองจุดสีเทาหม่นพร้อมกับน้ำเสียงที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยือก “สายฟ้าฤทัยปีศาจดำอยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว!”
ดวงตาของมู่เฉินหดเกร็งขณะจ้องมองไปที่บริเวณนั้น เพลิงสีม่วงลุกโชนในดวงตาเขา จากนั้นริ้วบิดเบือนก็ราวกับปรากฏอยู่ในมิติสีเทาหม่น เขาเหมือนจะมองเห็นอสรพิษเลือนรางขนาดใหญ่พันจั้งกำลังขดตัวอยู่ในบริเวณนั้น ดวงตาน่าขนลุกของมันไร้อารมณ์กำลังจ้องมองเขาอย่างเย็นชา
ฟ่อ
มันแลบลิ้นออกมาช้าๆ ขณะที่เสียงประหลาดดังออกมาราวกับบทเพลงแห่งความตาย
นี่คือสายฟ้าฤทัยปีศาจดำงั้นหรือ?!
มู่เฉินสูดหายใจลึก ไม่คิดว่าสายฟ้าฤทัยปีศาจดำจะมีลักษณะเป็นงู ดูเหมือนว่าไม่สามารถประเมินต่ำได้แล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อเขากับจิ่วโยวร่วมมือกันจะสามารถสยบมันได้หรือไม่
“หือ?”
ทว่าขณะที่มู่เฉินมองสายฟ้าฤทัยปีศาจดำ สายตาของเขาก็เบนไปทางด้านหลังของอสรพิษไร้กายเนื้อตัวนั้น เมื่อแสงสีเทาพวยพุ่ง ก็ปรากฏเป็นป้ายหินแตกร้าวที่มองเห็นได้เลือนราง
“นั่นอะไร?” มู่เฉินถามจิ่วโยว
สายตาจิ่วโยวมองไปที่จุดนั้นพลางขมวดคิ้ว เมื่อเพ่งมองนางก็เห็นแสงไหลเวียนอยู่บนป้ายหินแตกร้าวมีอักษรโบราณปรากฏขึ้น
“คัมภีร์…หวู…ซิน?”
จิ่วโยวพยายามแกะอักษรโบราณอย่างละเอียด หลังจากนั้นครู่หนึ่งดวงตาของนางก็หดลงขณะเอ่ยพึมพำด้วยอาการตกตะลึง “นั่นเหมือนจะเป็น…คัมภีร์หวูซั่งซินหมัว?!”
“คัมภีร์หวูซั่งซินหมัว?” มู่เฉินอึ้งไป ช่างเป็นชื่อที่ฟังดูร้ายกาจนัก แต่สิ่งนี้คืออะไรกัน
“ในสมัยโบราณมีปีศาจชั่วร้ายทรงพลังมากคนหนึ่ง มีฉายาว่าจักรพรรดิสายฟ้าฤทัยปีศาจ ย้อนกลับตอนที่เขาท่องไปทั่วมหาพันภพ ชื่อของเขาก็เป็นที่รู้จักกันดี ตอนหลังเมื่อเกิดภัยพิบัติในมหาพันภพ ไม่รู้ว่ามีเผ่าปีศาจต่างมิติมากเท่าใดที่ตายในเงื้อมมือของเขา แต่เขาก็หายตัวไปจากภัยพิบัติครั้งนั้น ไม่คิดว่าจะได้เห็นคัมภีร์หวูซั่งซินหมัวที่นี่” จิ่วโยวเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
“มิน่าล่ะถึงมีสายฟ้าฤทัยปีศาจดำปรากฏตัวที่นี่ สายฟ้าฤทัยปีศาจดำคือวิชาชำนาญของจักรพรรดิสายฟ้าฤทัยปีศาจเลยนะ”
“โอ้? หรือสถานที่แห่งนี้คือสุสานของจักรพรรดิสายฟ้าฤทัยปีศาจ?” มู่เฉินเอ่ยด้วยความอัศจรรย์ใจ
“เรื่องนี้ไม่รู้เหมือนกัน” จิ่วโยวส่ายหน้า นางจ้องป้ายหินแตกร้าว ก็เห็นว่าข้อความบนคัมภีร์หวูซั่งซินหมัวเหมือนจะไม่ค่อยสมบูรณ์
“เราจะได้รู้ทุกอย่างหลังจากจัดการสายฟ้าฤทัยปีศาจดำแล้ว” จิ่วโยวค่อยๆ กำหมัดแน่น
มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ และจ้องมองอสรพิษไร้ตัวตน สายตาเขาค่อยๆ เย็นเยือกลงหลายส่วน เขาทุ่มความพยายามอย่างมากในการมาที่นี่ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้เขาต้องได้สายฟ้าฤทัยปีศาจดำกลับไป!