หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 755

ล่าครั้งใหญ่

“นั่นมัน….”

นักรบกงเวทสวรรค์หลายคนที่อยู่บนแท่นหินมองหน้าจอแสงด้วยความตกตะลึง ร่างเทห์สวรรค์ที่หม่นแสงลงจากการสูญเสียคลื่นหลิงเมื่อครู่กลับระเบิดแสงสีทองเจิดจ้าออกมาอีกครั้งในตอนนี้

นอกจากนี้ทุกคนยังสามารถสัมผัสได้ว่าคลื่นหลิงที่กำจายออกมาจากร่างเทห์สวรรค์ทรงพลังมากกว่าแต่ก่อนอีกด้วย

“คลื่นหลิงของเขาฟื้นคืนเรอะ?” หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็มีคนอุทานออกมา

“เขาชำระแก่นเพลิงวิญญาณระหว่างการต่อสู้” แววประหลาดใจฉายบนใบหน้าของเถี่ยซัน จากนั้นเขาก็เอ่ยเสียงขรึม

“อะไรนะ?”

พอได้ยินคำพูดนั่น แม้แต่ปิงซินยังรู้สึกตกใจ นักรบกงเวทสวรรค์รอบด้านต่างก็อ้าปากเหวอ พวกเขารู้ซึ้งเกี่ยวกับแก่นเพลิงวิญญาณ ดังนั้นจึงรู้ถึงความปวดแสบปวดร้อนแสนสาหัสที่ต้องอดทนระหว่างชำระ โดยทั่วไปพวกเขาจะมองหาสถานที่สงบและปลอดภัยในการชำระ พวกเขาไม่เคยกล้าใช้วิธีบ้าบิ่นอย่างการชำระกลางการต่อสู้มาก่อนเลย

เพราะไม่มีใครมั่นใจว่าจะรักษาสภาพจิตใจเพื่อต่อสู้ระหว่างอาการปวดแสบปวดร้อน

“นี่ไม่บ้าไปหน่อยเหรอ?” บางคนอดไม่ได้ที่จะพึมพำเมื่อมองร่างเจิดจ้าบนหน้าจอแสงพร้อมกับแววประทับใจฉายในดวงตา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรความกล้าหาญของมู่เฉินก็คุ้มค่าแก่การชื่นชมและจุดสำคัญก็คือเขาทำได้สำเร็จ…

สีหน้าเคร่งเครียดในตอนแรกของปิงซินผ่อนคลายลงเงียบๆ มู่เฉินไม่เหมือนจอมยุทธ์ทั่วไปจริงๆ มิน่าถึงได้รับความสนใจจากท่านประมุข…

ก่อนหน้านางสงสัยว่ามู่เฉินจะฝ่าค่ายกลเก้าทบมังกรเพลิงไปหลังจากสามเดือนได้หรือไม่ แต่ด้วยการฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ ผลลัพธ์คงจะแตกต่างออกไป…

ขณะที่ทุกคนบนแท่นหินตกตะลึงกับคลื่นหลิงของมู่เฉินที่ฟื้นคืนกลับมาฉับพลัน หัวใจของเจ้าตัวก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจเช่นกัน เนื่องจากสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงหนาแน่นในร่างกายของเขา

ความหนาแน่นนี้ทรงพลังมากกว่าแต่ก่อน เห็นชัดว่าหลังจากประสบการต่อสู้ก่อนหน้าซึ่งทำให้สูญเสียคลื่นหลิงมหาศาล คลื่นหลิงในร่างเขาก็แสดงสัญญาณพัฒนาการขึ้น

แม้ว่ายังมีช่องว่างสำหรับเขาในการก้าวเข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นสาม แต่ระดับพัฒนาการเช่นนี้ ถ้าเป็นปกติ มู่เฉินต้องฝึกฝนช่วงเวลาหนึ่งกว่าจะพัฒนาได้ขนาดนี้ แต่ตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

ยิ่งอันตรายมากเท่าใด ก็ยิ่งปลดปล่อยศักยภาพออกมาได้เท่านั้น นี่เป็นประโยคที่ถูกต้อง

แม้ว่าบ่อเพลิงข่ายฟ้าจะเต็มไปด้วยอันตราย แต่ก็เป็นประโยชน์ต่อการฝึกมหาศาล

แววคมกริบพล่านในดวงตาของมู่เฉินขณะที่จิตวิญญาณวีรบุรุษลุกโชนในใจ เขาผ่านการต่อสู้เป็นตายในเส้นทางที่ก้าวเดินมาไม่รู้กี่ครั้ง ดังนั้นบ่อเพลิงข่ายฟ้าแห่งนี้ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะหยุดพัฒนาการของเขาได้หรอก

มู่เฉินหัวเราะขณะตั้งจิตควบคุมร่างเทพสุริยะให้กวาดฝ่ามือสีทองออกไป แรงกระแทกมหาศาลทำให้อสรพิษเพลิงวิญญาณสองตัวที่มีพลังถล่มภูเขาได้กระเด็นออกไป เสียงร้องครวญดังก้อง

ตู้ม!

ร่างเทพสุริยะก้าวลงไปในลาวา แสงสีทองกวาดออกมาราวกับพลังปีศาจพุ่งเข้าใส่อสรพิษเพลิงวิญญาณ ตอนนี้การโจมตีของเขารุนแรงกว่าตอนแรกมาก ลาวาสาดกระเซ็น ทำให้พวกอสรพิษเพลิงวิญญาณที่คิดรุมล้อมเขาแตกตื่นไปหมด ทุกหมัดสีทองจะทำลายร่างอสรพิษเพลิงวิญญาณหนึ่งตัวเมื่อซัดออกไป

ทว่าอสรพิษเพลิงวิญญาณเหล่านี้ไม่ความเฉลียวฉลาด ดังนั้นพวกมันจึงไม่มีความกลัว กลับกันการสังหารหมู่ของมู่เฉินกระตุ้นการโจมตีเข้าไปใหญ่ เสียงขู่ดังออกมา อสรพิษเพลิงวิญญาณก็ทะยานเข้ามาไม่รู้จบโดยไม่หวาดกลัวต่อความตาย

หมัดของร่างทองคำเคลื่อนที่ในลาวาขณะแสงสีทองโหมกระหน่ำรุนแรงพร้อมกับคลื่นหลิง ส่วนในลาวาก็มีอสรพิษเพลิงวิญญาณดุร้ายกระโจนเข้ามาอย่างไม่รู้จบ

เพราะการสังหารหมู่ในลาวาจึงสร้างแรงสั่นสะเทือนไม่สิ้นสุด

การต่อสู้บ้าคลั่งที่นี่ทำให้แม้แต่นักรบกงเวทสวรรค์ที่เชี่ยวชาญการศึกยังต้องอ้าปากตาค้าง

แม้ว่ามู่เฉินจะสามารถใช้ประโยชน์จากแก่นเพลิงวิญญาณฟื้นฟูคลื่นหลิงได้ แต่ก็ไม่สามารถสู้อย่างไร้จุดสิ้นสุด เพราะคลื่นหลิงอาจฟื้นตัว แต่จิตใจไม่อาจฟื้นคืนได้โดยปราศจากการช่วยเหลือภายนอก

ดังนั้นหลังจากที่การต่อสู้ดุเดือดนี้ดำเนินไปทั้งวัน ร่างเทพสุริยะที่ถูกล้อมด้วยอสรพิษเพลิงวิญญาณก็พุ่งตัวออกมา ไม่กี่อึดใจก็ฝ่าออกจากวงล้อม จากนั้นเมื่อแสงสีทองวูบไหว ร่างหนึ่งก็ซ่อนตัวเข้าไปในถ้ำ

มู่เฉินนั่งขัดสมาธิลงทันทีที่เข้ามาในถ้ำ ใบหน้าเขาซีดเซียวไปหมด แววอ่อนล้าฉายบนหว่างคิ้วทั้งสอง การต่อสู้ระดับสูงทำให้จิตใจเขาอ่อนล้ามาก หากไม่ใช่พลังใจที่ทำให้เขาอดทนไว้ เขาคงจะหมดสติไปนานแล้ว

แต่ต่อให้เขาออกจากกการต่อสู้มาก็ยังพักไม่ได้ เนื่องจากนี่เป็นเวลาดีที่สุดที่จะฝึกฝน

มู่เฉินสะบัดมือ แก่นเพลิงวิญญาณสีแดงก็มาลอยอยู่ตรงหน้า จากนั้นเขาก็กำมือเบาๆ ขวดหยกปรากฏขึ้นในมือ สายธารใสเล็กๆ ก็ไหลออกมาพันรอบตัวมู่เฉิน ช่างเปี่ยมด้วยคลื่นหลิงบริสุทธิ์อย่างยิ่ง

แก่นเพลิงวิญญาณกับของเหลวจื้อจุนถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว

มู่เฉินนั่งขัดสมาธิวาดตราประทับเร็วรี่ ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ อย่างอ่อนล้าเข้าสู่สภาวะการฝึกฝน ปากเขาอ้าขึ้นเล็กน้อยขณะที่แก่นเพลิงวิญญาณและของเหลวจื้อจุนหยดหนึ่งไหลเข้าไปในปาก

คลื่นหลิงที่อ่อนล้าฟื้นขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้มันยังแก่กล้าและบริสุทธิ์มากขึ้น…

 

มู่เฉินเคี่ยวกรำซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหนึ่งเดือนต่อมา

ลาวาสีแดงยกคลื่นขึ้นทุกวันเมื่อร่างทองคำใหญ่โตราวกับจักรกลที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเข้าห้ำหั่นกับอสรพิษเพลิงวิญญาณอย่างไม่จบสิ้น

และทุกครั้งเขาจะอดทนจนถึงขีดจำกัดของใจ ก่อนจะล่าถอยออกจากระยะเข้าสู่สภาวะสมาธิลึก

วิธีการฝึกของมู่เฉินวิกลจริตแท้จริง เพราะแม้แต่หน่วยรบกงเวทสวรรค์ที่ฝึกตนราวกับกินอาหารยังแอบเดาะลิ้นกับวิธีแบบนี้

แม้ว่าชายหนุ่มคนนี้ดูอ่อนโยนภายนอก แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะมีความดื้อดึงและอุตสาหะลึกถึงกระดูกจนน่าตกใจเช่นนี้ พวกเขาถามตัวเอง ก็ได้ข้อสรุปว่าถ้าเป็นพวกเขาคงไม่สามารถประสบความสำเร็จอย่างเขาได้แน่นอน

มากเสียจนแม้แต่เถี่ยซัน ปิงซิน และแม่ทัพกงเวทสวรรค์ที่เหลือยังแอบตกตะลึงกับการแสดงศักยภาพของมู่เฉินตลอดเดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็ต้องถอนหายใจในใจ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมประมุขถึงให้ความใส่ใจกับชายหนุ่มคนนี้

ทว่าแม้จะจ่ายไปมหาศาล แต่การเก็บเกี่ยวก็ไม่น้อยเลย เพียงเวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ คลื่นหลิงในร่างกายเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างแรงกล้า ถึงเขาจะยังไม่บรรลุขุมพลัง แต่ก็เข้มข้นมากกว่าเดือนก่อนเป็นเท่าตัว ยิ่งกว่านั้นมู่เฉินยังทนต่อการต่อสู้ได้ยาวนานขึ้นในแต่ละครั้งด้วย

ช่วงแรกเขาทนอยู่ได้เพียงครึ่งกว่าวันหลังจากใส่พลังทุกอย่างที่มี แต่หนึ่งเดือนต่อมาเขาสามารถทนอยู่ได้เกือบสองวันเต็ม!

นอกจากนี้ยังค่อยๆ คุ้นชินกับอุณหภูมิที่สูงในบ่อเพลิงข่ายฟ้า การหายใจเอาอากาศร้อนระอุที่นี่เข้าไปทำให้เขารู้สึกว่าเป็นความอบอุ่นที่สบายสำหรับเขา

ในช่วงเดือนนี้ ไม่รู้ว่ามีอสรพิษเพลิงวิญญาณจำนวนเท่าไรที่มีอายุน้อยกว่าหนึ่งร้อยปีถูกมู่เฉินล่า แม้แต่ตัวที่มีอายุมากกว่าร้อยปียังตกอยู่ในกำมือถึงจำนวนเลขสามหลักเลยทีเดียว

จนสุดท้ายอสรพิษเพลิงวิญญาณที่มารวมตัวกันที่นี่ แทบจะถูกมู่เฉินล้างบางจนสิ้นซาก จำนวนร่อยหรอลงจนไม่อาจเทียบกับเดือนก่อนได้อีก

แม้อสรพิษเพลิงวิญญาณจะไม่มีสติปัญญา แต่พวกมันก็รู้สึกได้ถึงพวกพ้องที่หลั่งเลือดในบริเวณนี้ ดังนั้นพวกมันจึงรู้ว่าจุดนี้ไม่ปลอดภัย

ดังนั้นจำนวนของอสรพิษเพลิงวิญญาณจึงลดลงอย่างรวดเร็ว หลังจากผ่านไปเดือนหนึ่งมู่เฉินก็พบว่าบริเวณที่ควรเป็นขุมนรกในตอนแรกกลับไม่มีอสรพิษเพลิงวิญญาณให้ล่าได้อีกแล้ว

มู่เฉินนั่งบนชะง่อนหินบนลาวาพลางกวาดสายตาไปรอบด้าน แต่กลับไม่เจอเหยื่อแม้แต่ตัวเดียว ทำเอาต้องเบ้ปากอย่างช่วยไม่ได้

“คลื่นหลิงในจุดจื้อจุนไห่เหมือนจะใกล้เต็มแล้ว…”

มู่เฉินก้มหน้ามองมือทั้งคู่ จากนั้นก็กำหมัดช้าๆ สัมผัสคลื่นหลิงที่ถาโถมในร่างกาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกริ่ม แต่ไม่นานก็ต้องขมวดคิ้ว เนื่องจากเขารับรู้ได้ว่าคลื่นหลิงที่พัฒนาขึ้นเริ่มหยุดชะงักไป ไม่ว่าเขาจะฝึกคลื่นหลิงด้วยการชำระแก่นเพลิงวิญญาณและของเหลวจื้อจุนมากเท่าใด ก็ยากที่จะเพิ่มปริมาณอย่างที่ทำได้เมื่อก่อน

เหตุผลเรื่องนี้ก็คือคลื่นหลิงของเขาติดอยู่ในคอขวด วิธีคล้ายคลึงกันไม่สามารถทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างเมื่อก่อนได้

แสงคมกริบวูบไหวในดวงตาของมู่เฉิน จากนั้นสายตาก็จับจ้องทะเลลาวาพลางเลียริมฝีปาก ตอนนี้แก่นเพลิงวิญญาณที่มีอายุหนึ่งร้อยปีไม่เพียงพอต่อการฝึกของเขาอีกต่อไป

หากเขาต้องการเจาะทะลวงคอขวดนี้ เขาต้องมีแก่นเพลิงวิญญาณที่ทรงพลังมากกว่านี้

อย่างเช่นอายุสักสามร้อยปีหรือห้าร้อยปี… แต่แก่นเพลิงวิญญาณพวกนั้นหาได้แค่ในส่วนลึกของบ่อเพลิงข่ายฟ้า

ทว่าอุณหภูมิลาวาในส่วนลึกของบ่อเพลิงข่ายฟ้าน่ากลัวยิ่งนัก แม้แต่แม่ทัพทรงพลังอย่างเถี่ยซันกับปิงซินยังไม่กล้าลงไปลึกนักเลย

แต่เสียดายที่เรื่องแค่นี้ไม่อาจขัดขวางมู่เฉินได้

เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ท้องฟ้า เขาสัมผัสได้ว่ามีคลื่นหลิงอยู่ตรงนั้น พวกปิงซินคงให้ความสนใจกับที่นี้อยู่ จากนั้นเขาก็สูดหายใจลึกไม่ลังเลอีกต่อไป ร่างเคลื่อนเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งตรงเข้าไปที่ผิวทะเลลาวา

ซ่า!

ลาวาสาดกระเซ็น บนแท่นหินปิงซินและแม่ทัพคนอื่นๆ ที่มองมู่เฉินกระโดดลงไปในบ่อเพลิงข่ายฟ้าก็มองหน้ากัน

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset