แย่งอาหาร
ปัง!
ขณะที่ร่างเทห์สวรรค์ใหญ่ระเบิดและแตกออกเป็นละอองบนท้องฟ้า ร่างของมู่เฉินกับหลิ่วเหยียนก็สั่นสะท้านขณะถอยหลังออกไป แต่ละคนดูสะบักสะบอมเลยทีเดียว
มู่เฉินพยายามทรงตัวไว้ จากนั้นก็ค่อยๆ ปาดคราบเลือดตรงมุมปากออก ผมยาวสีดำกับดวงตาล้ำลึกก็กลับคืนสู่ปกติ ชัดว่าเขาได้ออกจากสภาวะฤทัยปีศาจแล้ว
สายตาของเขาสงบนิ่งขณะมองหลิ่วเหยียน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจอยู่ในใจ พลังของอีกฝ่ายทำให้เขาตกตะลึงไปเล็กน้อย ตอนแรกเขาคิดว่าหลังจากชำระคลื่นสองตะวันโดยใช้ของเหลวจื้อจุนสองแสนหยดแล้วก็น่าจะเพียงพอที่จะจัดการหลิ่วเหยียน แต่ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่จอมยุทธ์ที่จะจัดการได้ง่ายขนาดนี้ เขาสามารถต้านทานตราประทับทองคำพันแสงสวรรค์ที่เกิดจากคลื่นสองตะวันได้ด้วย
แต่ขณะที่มู่เฉินหวั่นใจ เขากลับไม่รู้ถึงความปั่นป่วนในหัวใจของหลิ่วเหยียน ร่างของเขาสั่นเทิ้มพร้อมกับสายตาเปี่ยมด้วยแววตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้เกินขอบเขตที่เขาจะยอมรับได้
ในอดีตตอนที่เขาสู้กับคนอื่น การต่อสู้จะจบลงทันทีที่เขาใช้กระบวนท่าขนนกโหมสวรรค์แม้จะเผชิญกับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่
ดังนั้นครั้งนี้เมื่อเขาใช้ขนนกโหมสวรรค์ ในความคิดของเขาแล้วมู่เฉินจะต้องตายอย่างแน่นอน
ทว่าผลลัพธ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคาดไว้ มู่เฉินที่น่าจะตายกลับตีโต้กลับมาในตอนท้าย การโจมตีน่าสะพรึงกลัวนั้นทำให้แม้แต่หลิ่วเหยียนยังรู้สึกหวาดกลัว เขาต้องใช้พลังงานทั้งหมดของขนนกโหมสวรรค์เพื่อต้านรับไว้ เขารู้ดีว่าหากเขาอดทนไม่ได้เพิ่มมาอีกครู่หนึ่ง ผลลัพธ์ก็จะไม่ได้ลงเอยด้วยการที่ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บ แต่จะเป็นบาดเจ็บหนึ่งตายหนึ่ง
“เป็นไปได้ยังไง?!”
ใบหน้าของหลิ่วเหยียนซีดขาวขณะพึมพำพร้อมกับมุมปากกระตุก ครู่ต่อมาเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองมู่เฉินอย่างน่าขนลุก รังสีสังหารแรงกล้าพวยพุ่งในหัวใจ
การแสดงพลังของมู่เฉินทำให้เขารู้สึกถูกคุกคามอย่างหนัก ชายหนุ่มไม่ได้มีอายุในรุ่นราวคราวเดียวกับเขา แต่พลังต่อสู้อันน่าตกใจที่มีกลับไม่ด้อยกว่ากันเลย หากมู่เฉินได้ฝึกยุทธ์อีกสักสองปี คงจะแซงหน้าเขาไปแบบไม่เห็นฝุ่นแน่
ถึงตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ถึงส่งจอมยุทธ์น้อยที่มีแค่ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามมาร่วมศึกมังกรหงส์ ด้วยพลังระดับนี้ของอีกฝ่าย แม้กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ยังเป็นเรื่องยากที่จะสั่นสะเทือนเขาได้
“ตอนนี้ยังอยากฆ่าข้าอยู่ไหม?”
รังสีสังหารแรงกล้าในดวงตาของหลิ่วเหยียนถูกมู่เฉินสังเกตเห็น เขาจึงยิ้มบาง “แต่ตอนนี้แกยังมีพลังพอจะทำหรือ?”
แม้เขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่ชัดว่าหลิ่วเหยียนก็ถึงขีดจำกัดแล้วเช่นกันในตอนนี้
สายตาของหลิ่วเหยียนเย็นเยือกขณะที่ขบฟันพร้อมกับดวงตาวูบไหว เขาอดไม่ได้ที่จะกำหมัดช้าๆ
“ปัง!”
ขณะที่สายตาของหลิ่วเหยียนเปล่งประกายเตรียมจะเคลื่อน ฉับพลันก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ร่างขนาดใหญ่ร่วงลงจากท้องฟ้าดิ่งลงบนยอดเขากระดูกขาว
หลิ่วเหยียนมองไปทางนั้นก็ต้องม่านตาหดเกร็งพร้อมกับแววหวาดผวาควบคุมไม่ได้พล่านบนใบหน้า
ร่างนั้นเป็นงูใหญ่สีแดงปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่มีรังสีชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัวกำจายออกมา แสดงให้เห็นชัดเจนว่านี่เป็นสัตว์อสูรร้ายกาจตัวหนึ่ง
แต่ตอนนี้เกล็ดบนตัวมันกลับแตกละเอียดเลือดไหลนอง ย้อมยอดเขาจนเป็นสีแดง นอกจากนี้ยังไม่มีสัญญาณชีวิตบนตัวมันอีกแล้วด้วย
ซื้ดดด!
เมื่อจอมยุทธ์ด้านนอกภูเขากระดูกขาวที่เห็นภาพนี้ ก็สูดหายใจลึกเอาอากาศเย็นเข้าไปสุดปอด ร่างแต่ละคนสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ เพราะพวกเขาบอกได้ว่างูสีแดงนี้ก็คืออสรพิษแดงโลหิต!
ในสถานที่แห่งนี้ มีอสรพิษแดงโลหิตตัวเดียว ก็คืออันดับเก้าบนบันทึกมังกรหงส์ ชื่อเสี่ยจากตำหนักเจ้าอสรพิษ!
นั่นก็หมายความว่า… อสรพิษแดงโลหิตที่ไร้พลังชีวิตบนยอดเขาก็คือชื่อเสี่ย!
ชื่อเสี่ยตายแล้ว?!
ภาพเหตุการณ์น่าทึ่งนี้ไม่เพียงทำให้หลิ่วเหยียนหนาวเยือกไปทั้งสรรพางค์กาย แม้แต่จอมยุทธ์ที่อยู่ด้านนอกภูเขากระดูกขาวยังรู้สึกขนลุกชันไปหมด แม้ว่าชื่อเสี่ยจะอยู่แค่อันดับเก้าของบันทึกมังกรหงส์ แต่กระทั่งหลิ่วเหยียนยังเกร็งๆ เล็กน้อยหากต้องสู้กัน บางทีหลิ่วเหยียนอาจเอาชนะชื่อเสี่ยได้ แต่การสังหารนับว่าเป็นเรื่องยากยิ่ง
จอมยุทธ์ที่ทรงพลังระดับนี้ ถ้าตอบโต้สุดชีวิตขึ้นมา ก็จะน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉินก็อึ้งไปเช่นกันเมื่อมองซากงูยักษ์ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา เขาก็เห็นร่างเล็กพลิ้วกายลงบนซากงู
เท้าเปลือยเปล่าขาวราวหิมะของไฉ่เซียวแตะลงบนหัวงูอย่างนุ่มนวล ก่อนที่นางจะก้มลงด้วยท่วงท่างดงามแตะที่หัวงูเบาๆ จากนั้นงูเจ็ดสีก็เลื้อยออกมาจากแขนเสื้อ งับเข้าที่หัวงูยักษ์
ชี่ ชี่!
ร่างงูยักษ์แห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ เพียงสิบกว่าอึดใจก็เหลือแต่ซากศพแห้งกรังทิ้งไว้ต่างหน้า ราวกับถูกตากแห้ง
คนนับไม่ถ้วนตกตะลึงสุดขีดกับภาพนี้
งูเจ็ดสีชูคอขึ้นอย่างพึงพอใจ แลบลิ้นใส่ไฉ่เซียว หญิงสาวยิ้มตาหยีเอื้อมมือลูบหัวงูน้อยเบาๆ ก่อนที่มันจะเลื้อยกลับเข้าไปในแขนเสื้อ
ภายใต้ความสนใจของทุกคนนที่เห็นฉากน่าสยดสยอง ไฉ่เซียวก็เหยียดเอว ส่วนโค้งเว้าบนเอวงดงามน่าดึงดูดใจนัก แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้ามองแบบนั้นอีก เพราะพวกเขาซึ้งแล้วว่าสถานที่แห่งนี้ คนที่น่ากลัวที่สุดก็คือหญิงสาวงดงามลึกลับคนนั้น
“สู้เสร็จแล้วเหรอ?”
ไฉ่เซียวเงยหน้าขึ้นเหลือบมองไปทางมู่เฉินและหลิ่วเหยียน จากนั้นก็เม้มปากส่งรอยยิ้มให้มู่เฉิน “ที่จริงข้าก็ไม่อยากฆ่าเขาหรอก แต่มันดันปากมอม ข้าก็เลยสติหลุดไปหน่อยน่ะ…”
มุมปากของมู่เฉินกระตุกพลางหัวเราะแห้งๆ ชื่อเสี่ยโชคร้ายจริงๆ จะไม่เป็นไรตอนที่ปากเสียในเวลาปกติ แต่เขากลับรนหาที่ตายที่กล้าทำตัวกักขฬะต่อหน้าหญิงสาวงดงามคนนี้
“เจ้ายังจัดการมันไม่ได้อีกหรือ?” ไฉ่เซียวเบนสายตาไปทางหลิ่วเหยียน แค่ปรายตามองวูบเดียว แต่อีกฝ่ายกลับถอยหลังไปในทันทีพร้อมกับร่างกายเกร็งเครียดขึ้น สายตาอัดแน่นด้วยความระมัดระวังและตื่นตัว
“ข้าช่วยไหม?” ไฉ่เซียวหัวเราะเสียงหวาน
วาบ!
ทันทีที่นางพูดจบ ก่อนที่มู่เฉินจะตอบอะไร ร่างหลิ่วเหยียนก็ระเบิดออกพุ่งตัวหลบหนีไปทันควัน เหาะออกจากเขตภูเขากระดูกขาวในพริบตา ความเด็ดขาดในการหลบหนีนั่นทำเอามู่เฉินอึ้งไป จากนั้นก็เบ้ปาก ที่แท้ไอ้นั่นก็กลัวตายมากเหมือนกัน
แม้เขาจะอยากฝังหลิ่วเหยียนไว้ที่นี่ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำด้วยสภาพตอนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ขัดขวาง ปล่อยให้หลิ่วเหยียนหนีไป
“มู่เฉิน ฝากไว้ก่อนเถอะ ความแค้นนี้ยังไม่จบหรอกนะ!” หลิ่วเหยียนตะโกนมาจากที่ไกล ทิ้งประโยคเกรี้ยวกราดไว้เบื้องหลัง จากนั้นก็ไม่กล้าชักช้า ร่างเปลี่ยนเป็นลำแสงเปิดหนีไปอย่างรวดเร็ว
ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เขาเบนสายตาไปยังจอมยุทธ์คนอื่นๆ ที่มุงดูอยู่ เมื่อเหล่าจอมยุทธ์เห็นสายตาแบบนั้นสาดใส่ แต่ละคนก็ถอยกรูด แววหวาดกลัวอัดแน่นในดวงตา
หลังจากได้เห็นการต่อสู้ที่น่าตกใจด้วยตาของมู่เฉินกับหลิ่วเหยียน ก็ไม่มีใครกล้าคิดว่าอีกฝ่ายเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามธรรมดาอีกแล้ว
“ทุกคนมีใครอยากแย่งสระมังกรหงส์นี้ไปจากพวกข้าอีกไหม?” มู่เฉินกวาดสายตาเอ่ยด้วยเสียงต่ำ
จอมยุทธ์แต่ละคนสบตากัน สุดท้ายก็ทำได้เพียงถอยหนีพร้อมขบฟันแน่น แม้ตอนนี้มู่เฉินจะอ่อนกำลังอย่างมากหลังจากประสบกับการต่อสู้ใหญ่กับหลิ่วเหยียน แต่ข้างเขายังมีหญิงสาวลึกลับที่น่ากลัวยิ่งกว่า การฆ่าชื่อเสี่ยได้อย่างง่ายดาย ทำให้นางขึ้นเป็นบุคคลน่าสะพรึงอย่างยิ่ง
ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจในการจากสระมังกรหงส์ไปแค่ไหน แต่สุดท้ายสติก็เหนือกว่าความละโมบ ไม่ว่าสระมังกรหงส์จะมหัศจรรย์เพียงใด ก็เทียบไม่ได้กับชีวิตของพวกเขา
พอเห็นเหล่าจอมยุทธ์ล่าถอยไปแล้ว มู่เฉินก็รู้สึกโล่งใจ คนที่มาที่นี่ไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา หากพวกเขาไม่สนใจหลับหูหลับตาลุย เขากับไฉ่เซียวมีปัญหาแน่ ตอนนี้คนพวกนั้นถอยด้วยสติ ก็ถือเป็นเรื่องดีกับทั้งสองฝ่าย
“ไปเปิดสระมังกรหงส์กันเถอะ” พอเห็นภาพนี้ไฉ่เซียวก็ปัดมือเบาๆ
มู่เฉินพยักหน้าจากนั้นก็กำมือ วานรปีศาจที่ถูกสังหารเมื่อก่อนหน้าก็ลอยมา ภายใต้ฝ่ามือมีด เขาก็เฉือนทำลายหลอดเลือดจนเลือดสดไหลลงไปในสระมังกรหงส์ราวกับลำธารสายหนึ่ง
ซู่! ซู่!
เลือดสีแดงเข้มกระจายอย่างรวดเร็วในสระมังกรหงส์ หนึ่งนาทีเลือดสดก็นองไปทั่วสระ กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวลไปหมด
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
เมื่อเลือดสดไหลเต็มสระมังกรหงส์ ก็เกิดเสียงครางกระหึ่มในทันที ภายในสระกระดูกขาวเย็นเยือกที่มีอักขระโบราณจำนวนมากปรากฏขึ้น
เสียงมังกรและหงส์ฟ้าคำรามก้องก้นสระ สะท้อนไปทั่วทั้งสวรรค์และโลก
ครืน!
เลือดสดเริ่มเดือดพล่าน ฟองเดือดปุดขึ้นมา เหมือนจะมีภาพบางจางของมังกรและหงส์ฟ้าก็บินขึ้นจากสระ
เมื่อพวกมันบินฉวัดเฉวียน เลือดสดข้นคลั่กก็เปลี่ยนเป็นใสกระจ่างอย่างรวดเร็ว มีร่องรอยสิ่งเจือปนระเหยอยู่ตลอดเวลา กลิ่นคาวเลือดก็จางหายไปเช่นกัน
ชั่วอึดใจสระเลือดก็ถูกกรองกลางเป็นสระเซียนที่กำจายรัศมีเซียนออกมา พลังงานลึกลับแผ่ออกมาเงียบๆ สร้างความผันผวนในมิติ
“เจ้าอยากลองหน่อยไหม?” ไฉ่เซียวยืนตรงขอบสระมังกรหงส์ยิ้มหวานให้มู่เฉิน
“เจ้าไม่ไปพร้อมกันหรือ?” มู่เฉินอึ้งไป ตอนนี้สระมังกรหงส์ก่อตัวแล้ว พวกเขาจะได้รับโอกาสใหญ่หลวงทันทีที่ก้าวลงไป
“ข้าต้องการแค่แก่นโลหิตมังกรแท้จริง แต่ที่นี่มีน้อยนิดเหลือเกิน” ไฉ่เซียวเอ่ยเสียงเรียบแล้วโบกมือ “เจ้าเป็นผู้ชายนะ หยุดทำตัวเป็นยายแก่ รีบๆ ลงไปเถอะ”
“ขอบใจนะ”
มู่เฉินประสานมือคำนับซึ้งใจ เขาไม่พูดมากความเคลื่อนกายเตรียมตัวพุ่งลงไปในสระมังกรหงส์ที่เพิ่งเปิด
ปัง!
ทว่าทันทีที่เขาเคลื่อนไหว กองกระดูกขาวก็ระเบิดออกบนยอดเขา ชิ้นส่วนพุ่งออกมาทุกทิศทาง ภายในเศษซากมีร่างเลือนรางทะลวงผ่านมิติพุ่งตรงมายังสระมังกรหงส์ตรงหน้ามู่เฉิน
ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปทันที รังสีสังหารวาววับในดวงตา
มีคนบังอาจคิดชุบมือเปิบกับของที่เป็นของเขา!