หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 793

 การรวมตัวของจอมยุทธ์

เมืองหลงเฟิ่งตั้งอยู่ในใจกลางเขตหลงเฟิ่ง

ขณะเดียวกันก็เป็นสถานที่ที่สำคัญที่สุด เนื่องจากข่าวลือว่าจัตุรัสมังกรหงส์มีมรดกของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าอยู่ที่นั่น

สถานการณ์ในบริเวณนี้ไม่เหมือนกับที่อื่นๆ ที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร ในสถานที่แห่งนี้ไม่มีสัตว์อสูรใดกล้าเข้ามาเนื่องจากเป็นสุสานของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงในอดีต

แม้จะผ่านไปหลายหมื่นปี แรงกดดันที่เหลืออยู่ก็ยังทำให้สัตว์อสูรเหล่านั้นที่ดูดซับแก่นเลือดแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้าไม่กล้าเข้ามาใกล้

ดังนั้นบริเวณนี้จึงเงียบสงบโดยปกติ มากจนแม้แต่ไม่มีเสียงลมพัดราวดินแดนที่ตายไปแล้ว

แต่ความเงียบสงบก็ไม่ได้คงอยู่ในเวลานี้ กลับถูกแทนที่ด้วยความโกลาหล บนท้องฟ้าที่กำจายรัศมีโบราณ ร่างคนนับไม่ถ้วนเหาะเหินมาจากทุกทิศทางราวกับฝูงตั๊กแตนอัดแน่นเต็มท้องฟ้า ความโกลาหลทำให้ความเงียบในสถานที่แห่งนี้หายวับไปกับตา

ร่างแสงเหล่านั้นก็คือจอมยุทธ์ที่เข้ามาในเขตหลงเฟิ่ง แม้ว่าพวกเขาจะพบกับอันตราย แต่ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้เช่นกัน ทุกคนที่มารวมตัวกันที่นี่ต่างรู้ว่าจะเกิดการต่อสู้น่าตื่นตะลึงระเบิดขึ้น

เมื่อเวลาผ่านไปจำนวนคนที่มารวมตัวกันที่นี่ก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าทึ่ง เสียงดังรวมตัวกันเป็นคลื่นเสียงพุ่งขึ้นสู่ชั้นฟ้า ทำให้แม้แต่ชั้นเมฆหนายังกวนตัว

ฟิ้ว!

ขณะที่จำนวนคนในบริเวณนี้มาถึงจุดที่น่าตกใจ คลื่นหลิงทรงพลังก็ระเบิดออกที่ขอบฟ้าไกลออกไป จากนั้นร่างร่างหนึ่งก็ทะยานผ่านขอบฟ้าราวกับอุกกาบาตพลิ้วลงบนยอดเขาโดดเดี่ยวลูกหนึ่งภายใต้สายตาตะลึงนับไม่ถ้วน

บึ้ม!

เมื่อร่างนั้นยืนบนยอดเขา รอยร้าวขนาดใหญ่ก็กระจายที่ใต้ฝ่าเท้า ในไม่กี่อึดใจก็ปกคลุมไปทั่วยอดเขา ทำให้โยกคลอนคล้ายกับจะถล่มลงมา

แสงบนยอดเขาสลายลง ร่างใหญ่สูงราวห้าถึงหกจั้งก็ยืนจังก้า เขาสวมชุดเกราะหนาหนักพร้อมควงขวานใหญ่แผ่รัศมีแก่กล้าออกมา ดูราวกับยักษ์โบราณป่าเถื่อนที่องอาจอย่างยิ่ง

“นั่นติงเซวียนจากตระกูลจู้หลิง!”

เมื่อเขาปรากฏตัวก็ดึงดูดความวุ่นวายเข้ามาในทันที เขาไม่ใช่จอมยุทธ์ไร้ชื่อ กลับเป็นหนึ่งที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปในภูมิภาคทางเหนือ

“ว่ากันว่าติงเซวียนครอบครองสระมังกรหงส์และสร้างกายามังกรพรางได้ ตระกูลจู้หลิงชำนาญในด้านการต่อสู้ด้วยกำลังกายอยู่แล้ว ตอนนี้เขามีกายามังกรพรางก็ราวกับติดปีกให้พยัคฆ์ ดูท่าครั้งนี้อันดับในบันทึกมังกรหงส์ของเขาจะคราวขยับขึ้นแล้ว”

ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ขณะที่ความปั่นป่วนโหมกระพือจากการปรากฏตัวของติงเซวียน เสียงลมสองสายก็ครางกระหึ่มบนท้องฟ้าไกลออกไป เสียงลมหวีดหวิวมาพร้อมกับความผันผวนของคลื่นหลิงน่าตกใจ

วาบ!

สองร่างจากด้านหน้าและด้านหลังเหาะเหินมาจากระยะไกล ไม่นานพวกเขาก็สวนกันบนท้องฟ้าขณะคลื่นหลิงทรงพลังกวาดออกมาปะทะกันเปรี้ยงปร้าง

ขณะที่คลื่นหลิงระเบิดออกก็กวาดหายนะไปทั่ว ร่างคนทั้งสองผละถอยจากกัน สุดท้ายก็พลิ้วลงบนยอดเขาคนละลูก

“คิกๆ พี่ซูมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นไม่น้อยนะเนี่ย แหมน้องสาวคนนี้ชักจะอิจฉาแล้วสิ” เมื่อแสงจางหายไป หงหยูในชุดสีแดงสดใสก็ปรากฏตัวพร้อมยิ้มจือปากเล็กน้อย รอยยิ้มของนางทรงเสน่ห์น่าดึงดูดนัก ทำให้สายตานับไม่ถ้วนในบริเวณนี้จ้องมองมาอย่างละเมอเพ้อพก

“น้องหงหยูก็ไม่เลวทีเดียว เจ้าฝึกคัมภีร์เทพปีศาจจนประสบความสำเร็จขั้นสุดแล้วใช่ไหม?” บนยอดเขาอีกลูกหนึ่ง ร่างแสงอีกร่างก็เผยตัวออกมา นางเป็นโฉมงามสวมชุดขาวส่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์ออกมา นางก็คือซูปี้เยี่ยแห่งยอดเขาหมื่นเทพนั่นเอง

เมื่อหญิงสาวทั้งสองเผยตัวออกมา บรรยากาศในบริเวณนี้ก็ลุกฮือพร้อมกับสายตานับไม่ถ้วนพุ่งตรงมาทางพวกนาง ในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งภูมิภาคทางเหนือ บางทีพลังของหญิงสาวสองคนนี้อาจไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด แต่เสน่ห์ของพวกนางเป็นสิ่งที่แม้แต่อันดับหนึ่งในบันทึกมังกรหงส์อย่างฟังยี่แห่งหมู่ตึกเทวะก็ไม่อาจเทียบได้

“ข้าอยากรู้ว่าพี่ซูสร้างกายาหงส์ฟ้าพรางสำเร็จไหม” หงหยูป้องปากพลางยิ้มแย้ม เสียงหัวเราะยั่วเย้าของนางจุดไฟปรารถนาในใจของคนอื่นๆ

ซูปี้เยี่ยยิ้มอย่างไม่ถือสา “อย่าบอกนะว่าน้องหงหยูอยากทดลองดูตอนนี้เลย?”

“ข้าก็อยากนะ แต่ถ้าเราต่อสู้กันตอนนี้ ข้ากลัวผลประโยชน์จะกลายเป็นของคนอื่นไป ตัวข้าไม่เป็นไรหรอก แต่ข้าแค่เกรงว่าชื่อเสียงของพี่สาวในฐานะเทพธิดาไร้พ่ายจะเสียหายเอาน่ะสิ” หงหยูกลั้วหัวเราะ

หญิงสาวสองคนที่เป็นโฉมสะคราญ ชัดว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันเลย แม้พวกนางจะพูดคุยสนิทสนมใกล้ชิดว่าเป็นพี่เป็นน้อง แต่อันที่จริงทั้งคู่ระแวงกันและกันอยู่ลึกๆ

พอได้ยินคำพูดอีกฝ่าย ซูปี้เยี่ยก็ส่ายหน้าเบาๆ นางรู้ว่าหงหยูรับมือยากเพียงใด จึงไม่พูดอะไรต่อ สายตาของนางกวาดออกไปหยุดอยู่ที่ติงเซวียนที่มาถึงก่อนแล้วก็ละออกไป

หลังการปรากฏตัวของหญิงสาวทั้งสองหงหยูและซูปี้เยี่ย บรรยากาศก็เริ่มร้อนรุ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเวลาผ่านไปจอมยุทธ์จำนวนมากที่มีคลื่นหลิงทรงพลังก็มาถึง แรงกดดันบางจางแผ่ออกมาจากร่างของพวกเขา ซึ่งเกิดจากการดูดซับเลือดมังกรและหงส์ฟ้าเอาไว้

เห็นชัดว่าจอมยุทธ์เหล่านั้นต่างได้สมบัติธรรมชาติที่มีแก่นเลือดมังกรแท่จริงกับหงส์ฟ้าประกอบอยู่ พวกเขาจึงมีคุณสมบัติเข้าสู่จัตุรัสมังกรหงส์ด้วยเช่นกัน

และในหมู่จอมยุทธ์เหล่านี้ หลิ่วเหยียนเป็นจุดสนใจมากที่สุด ทว่าหลังจากที่เขาปรากฏตัวใบหน้าก็มืดครึ้ม เขาพลิ้วตัวลงบนยอดเขาพร้อมกับคลื่นหลิงมหาศาลพลุ่งพล่านรอบตัว รังสีสังหารน่ากลัวกระจายออกมาจุดความหวาดผวาขึ้นในใจของคนอื่นๆ

แต่ท่าทางของเขากลับทำให้เกิดเสียงกระซิบกระซาบขึ้น

“ว่ากันว่าหลิ่วเหยียนแพ้มู่เฉินในการชิงสระมังกรหงส์… สระมังกรหงส์แห่งนั้นก็ถูกมู่เฉินครอบครองไป”

“มู่เฉิน? ไอ้เด็กที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นสามนนั่นนะ?”

“เขานั่นแหละ อย่าคิดว่าพลังของเจ้านั่นอยู่ระดับจื้อจุนขั้นสาม ข้าก็อยู่ที่นั่นตอนที่มู่เฉินกับหลิ่วเหยียนฟัดกัน ไอ้นั่นไม่ธรรมดาจริงๆ นะ แม้หลิ่วเหยียนจะเรียกใช้ทักษะเทห์สวรรค์ก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้”

“ไม่ควรด่วนตัดสินคนจากภายนอกจริงๆ มิน่าล่ะอาณาเขตกงเวทสวรรค์ถึงส่งเขามา”

“…”

ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบเหล่านั้น ใบหน้าของหลิ่วเหยียนก็อดกระตุกไม่ได้ ไอมืดครึ้มเข้มข้นยิ่งกว่าเดิม รังสีสังหารรอบพวยพุ่งข้นคลั่กเลยทีเดียว

ซูปี้เยี่ยกับหงหยูอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหลิ่วเหยียนที่มีใบหน้ามืดครึ้ม พวกนางก็ได้ยินข่าวมา แต่ตอนแรกก็ไม่อยากเชื่อ เพราะชื่อเสียงของหลิ่วเหยียนโด่งดังมากเมื่อเทียบกับมู่เฉินที่เป็นจอมยุทธ์ไร้ชื่อ ดังนั้นหากพวกเขาต่อสู้กัน ผลลัพธ์ก็บอกได้ชัด

แต่สุดท้ายความเป็นจริงกลับทรยศจินตนาการของพวกนาง หลิ่วเหยียนที่น่าจะชนะกลับพ่ายแพ้ในการประลองแย่งสระมังกรหงส์…

“มู่เฉินทรงพลังขนาดนั้นเลยหรือ?” สองสาวมีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแต่ในใจกลับสั่นไหว ก่อนหน้าที่หอหลงเฟิ่ง พวกนางแค่ประหลาดใจไปกับความกล้าที่มู่เฉินแสดงออกมา แต่ใครจะคิดว่าชายหนุ่มที่อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นสามเมื่อมองแต่ผิวเผิน ไม่เพียงแต่จะมีความกล้าหาญเขายังมีพลังพอจะทำอีกด้วย

หงหยูกับซูปี้เยี่ยเลื่อนดวงตาก่อนจะหดเกร็งฉับพลัน สายตาพวกนางพุ่งตรงไปที่ยอดเขาสองลูกที่ไกลออกไป บนนั้น มิติบิดเบี้ยวร่างคนสองคนก็ปรากฏตัวออกมา

การปรากฏตัวกะทันหันของทั้งสองไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า พวกเขามาอย่างเงียบๆ โดยไม่มีการรบกวนใด แต่ความเงียบที่พิลึกนั่นกลับทำให้จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนต่างใจสั่นกันถ้วนหน้า

“นั่นมัน…”

สายตานับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปพร้อมกับเสียงอุทานอย่างควบคุมไม่อยู่ดังขึ้น ส่วนใบหน้าของเหล่าจอมยุทธ์ที่กำจายรัศมีแก่นเลือดแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้าก็เปลี่ยนไปพร้อมกับแววหวาดกลัวสุดขีดวาบในดวงตา

“นั่น…อันดับสองโยวหมิงแห่งจวนยมโลกและอันดับหนึ่งฟังยี่แห่งหมู่ตึกเทวะ!”

“ในที่สุดพวกเขาก็ปรากฏตัวแล้ว!”

การปรากฏตัวของทั้งสองก่อให้เกิดเสียงร้องตกใจนับไม่ถ้วน เทียบกับคนอื่นๆ แล้ว ทั้งสองคนนี้คือยักษ์ใหญ่อย่างแท้จริง

ท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วน ทั้งสองยืนเอามือไพล่หลังอยู่บนยอดเขา สีขาวกับสีดำดูเหมือนจะเป็นสีที่โดดเด่นที่สุดในบริเวณนี้ ทำให้ทุกคนหม่นหมองไปภายใต้รัศมีของพวกเขา

ในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งภูมิภาคทางเหนือ ทั้งสองคนราวกับอนุเสาวรีย์ที่ไม่มีอัจฉริยะคนใดไปไกลเกินพวกเขาได้

โดยรอบเงียบลงเนื่องจากการปรากฏตัวของสองจอมยุทธ์ ความรู้สึกราวกับว่าพวกเขาถูกปกคลุมด้วยรังสีคุกคามของทั้งสอง

ฟิ้ว!

ทว่าความรู้สึกกดดันเยือกเย็นก็คงอยู่ได้ไม่นาน ก่อนจะสลายตัวไปจากเสียงมวลลมอัดอากาศ ร่างสองร่างเหาะข้ามขอบฟ้าท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วน

ทั้งสองยังมาไม่ถึง ทว่าเสียงเย็นเยือกใสกระจ่างก็ดังก้องท้องฟ้าบริเวณนี้

“ไอ้คนฉวยโอกาสยังกล้าเผยหน้าออกมาอีกเรอะ คิดว่าข้าจัดการแกไม่ได้จริงๆ หรือไง?”

เมื่อเสียงใสกระจ่างดังขึ้น ตราประทับก็เหมือนจะสร้างขึ้นในมือ นางชี้นิ้วออกไป พริบตามิติก็ฉีกจากกัน ลำแสงเจ็ดสีพุ่งผ่านขอบฟ้าราวกับฟ้าผ่าก็มิปาน

เมื่อมองไปยังทิศทางปลายอีกด้านของลำแสงเจ็ดสี ทุกคนต่างก็สูดรัศมีเย็นยะเยือกเต็มปอด นั่นเป็นเพราะพวกเขาตระหนักว่าปลายอีกด้านของลำแสงเจ็ดสีแท้จริงก็คืออันดับแรกของบันทึกมังกรหงส์—ฟังยี่แห่งหมู่ตึกเทวะ!

ใครกันที่โกรธกริ้วขนาดกล้าโจมตีฟังยี่ที่แข็งแกร่งที่สุดขณะเพิ่งปรากฏตัว?

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset