รบกวนพลัง
รัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ไร้ขอบเขตครางกระหึ่มทั่วบริเวณ
ขอบเขตของพลังไม่ได้ด้อยกว่าหน่วยรบปีศาจสายฟ้าที่ได้เปรียบด้านจำนวนเลย มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ก วาดออกจากฝั่งมู่เฉิน เมื่อมองจากที่ไกลก็ดูราวกับมหาสมุทรสีดำไหลบ่าออกจากรอยแตกของมิติท่วมผืนฟ้าและผืนดิน
เผชิญหน้ากับรัศมีจั้นยี่ทรงพลังเช่นนั้น แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามก็ไม่กล้าประจันหน้าโดยตรง
ฉิงหลิงยืนอยู่บนท้องฟ้าขณะมองรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตของกองทัพวิหคโลกันตร์ ดวงตาเขาก็หดลง ดูเหมือนจะเป็นตามข่าวลือ ไอ้เด็กบ้ามู่เฉินสามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้ยอดเยี่ยม ไม่เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่รัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์จะยกระดับขึ้นได้แบบนี้
ดวงตาของฉิงหลิงวูบไหว จากนั้นเขาก็แค่นเสียงเย็นชา ฝ่าเท้ากระทืบลงขณะที่ชั้นเมฆสีเทาดำก่อตัวขึ้นเบื้องหลังรัศมีจั้นยี่หน่วยรบปีศาจสายฟ้า เสียงฟ้าคำรามรุนแรงสะท้อนก้องระหว่างฟ้าดิน สร้างความปั่นป่วนที่ทรงพลังยิ่งนัก
“อย่าทำกับหน่วยรบปีศาจสายฟ้าของข้าเหมือนกับหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตไร้ประโยชน์นั่นสิ!”
ฉิงหลิงแค่นเสียง แววตาคมกล้ามากขึ้น เขายกมือขึ้น รัศมีจั้นยี่หน่วยรบปีศาจสายฟ้าก็ระเบิดเสียงคำรามออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ สายฟ้าสีเทาดำรวมตัวอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นหอกสายฟ้าอยู่ในชั้นเมฆ
สายฟ้าสีเทาดำดูราวกับอสรพิษมหึมาขดตัวอยู่รอบหอกสายฟ้า เสียงดังกึกก้องสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน
ฉิงหลิงไม่คิดจะทดสอบมู่เฉินเลย เขาตั้งใจใส่ทุกอย่างเต็มที่แต่เริ่ม เห็นชัดว่าพยายามจะเป็นฝ่ายได้เปรียบให้ได้เร็วที่สุด เพื่อเอาชนะหน่วยรบวิหคโลกันตร์ให้ได้
“หอกสายฟ้าปีศาจ!”
ฉิงหลิงกำหมัดพร้อมกับหอกเหวี่ยงลงไปอย่างรวดเร็ว หอกสีเทาดำพุ่งทะยานออกไป ทำให้มิติพังทลายลงขณะที่ปรากฏเหนือกองทัพวิหคโลกันตร์ในพริบตา
“ขนวิหคโลกันตร์!”
ตราประทับในมือของมู่เฉินเปลี่ยนแปลงวูบไหว มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ก็ถั่งโถม ขนนกสีดำขนาดใหญ่ระเบิดออกปะทะกับหอกสายฟ้าจังใหญ่
ตึง!
การปะทะป่าเถื่อนดังก้อง ทำให้ความผันผวนรุนแรงสร้างหายนะไปทั่ว มวลลมยกตัวขึ้น แต่พวกมันก็ไม่สามารถสะเทือนมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ยิ่งใหญ่ทั้งสองได้
แม้ว่าการปะทะกระบวนท่าแรกจะล้มเหลว แต่ในดวงตาของฉิงหลิงกลับไม่มีแววเปลี่ยนแปลงใดๆ อึดใจตราประทับในมือก็เปลี่ยนไปเร็วรี่ รัศมีจั้นยี่เชี่ยวกรากพวยพุ่งบ้าคลั่งขณะที่หอกสายฟ้าจำนวนมากก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจพวกมันก็ปกคลุมไปทั่วขอบฟ้า
ภาพนั้นทำให้จอมยุทธ์จำนวนมากถึงกับหนังหัวลุกชัน กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามธรรมดายังยากที่จะสร้างกระบวนท่าโจมตีแข็งแกร่งเช่นนั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนี้กลับถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างสบายโดยฉิงหลิง นี่เป็นความจริงอันน่ากลัวของการใช้รัศมีจั้นยี่ เพราะศัตรูไม่ได้เผชิญกับคนเพียงคนเดียวแต่เป็นกองทัพที่มีจอมยุทธ์ชั้นสูงหลายพันที่มีการใช้โดยจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสาม!
“ไป!”
ฉิงหลิงพลิกนิ้ว ดงหอกสายฟ้ามืดฟ้ามัวดินก็ระเบิดออกไป ทุกการเคลื่อนที่ส่งผลให้ภูเขาทลายตัวลง พื้นดินเกิดรอยแตก ความรู้สึกของสวรรค์และโลกหม่นหมองช่างเหนือธรรมดานัก
แต่เผชิญหน้ากับการโจมตีรุนแรง มู่เฉินกลับไม่มีความหวาดกลัวใดๆ แม้ว่าหน่วยรบปีศาจสายฟ้าจะได้เปรียบในเรื่องจำนวน แต่เขาก็มีความได้เปรียบด้านการจัดการและความเข้าใจในกองทัพ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ฉิงหลิงจะสยบเขาด้วยรัศมีจั้นยี่
ดังนั้นมู่เฉินจึงรีบควบคุมรัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ครางกระหึ่ม รัศมีจั้นยี่ราวกับก่อเป็นคลื่นรัศมีจั้นยี่นับไม่ถ้วน พลางปะทะกับดงหอกสายฟ้า
ปัง! ปัง!
การระเบิดรุนแรงขนาดใหญ่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากขอบฟ้า ลมสลาตันกวาดอาละวาดจนมิติบิดเบี้ยว
เบื้องล่างจอมยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วนเงยหน้ามองที่ขอบฟ้าที่เกิดการระเบิดอย่างต่อเนื่อง ในการปะทะระหว่างทั้งสองไม่มีกลยุทธ์ใด พวกเขาปะทะกันซึ่งหน้าด้วยรัศมีจั้นยี่ที่แข็งแกร่งล้วนๆ
ทว่าทุกคนบอกได้เลยว่าฉิงหลิงที่ปล่อยการโจมตีบ้าคลั่ง ไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบเลยสักนิด ทุกการเคลื่อนไหวถูกมู่เฉินสกัดไว้ทั้งหมด ไม่สามารถรุกเข้าไปได้สักระผีกลิ้น
ภาพนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกตะลึงใจเล็กน้อย หลายปีผ่านมาชื่อเสียงของหน่วยรบปีศาจสายฟ้ากระจายไปไกล ไม่รู้ว่ามีกองทัพจำนวนเท่าไรที่ถูกพวกเขาทำลายไป ทว่าตอนนี้พลังอำนาจน่ากลัวนั่นกลับถูกหยุดไว้
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ แม้หน่วยรบวิหคโลกันตร์จะไม่สามารถทำลายหน่วยรบปีศาจสายฟ้าได้ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ต้านทานไว้ได้ แม่ทัพคนใหม่แห่งหอวิหคโลกันตร์มีฝีมือใช้ได้เลยทีเดียว
ครืน!
ความผันผวนของคลื่นหลิงป่าเถื่อนอาละวาดออกไปสิบกว่านาที ก่อนที่จะค่อยๆ สลายตัว ส่วนฉิงหลิงก็หยุดการโจมตีไร้จุดหมายและบ้าคลั่ง เพราะเขารู้ว่าหากยังทำต่อไปก็เสียเวลาไปเปล่าๆ เท่านั้น
การปะทะกันระหว่างรัศมีจั้นยี่ขึ้นอยู่กับวิธีการโจมตีแบบสายฟ้าแลบ เนื่องจากกองทัพมีนักรบจำนวนมาก จึงเป็นเรื่องปกติที่จะชนะโดยอาศัยความได้เปรียบเชิงปริมาณ ถ้านี่เป็นการล้อมจับ พวกเขาก็สามารถขังศัตรูไว้จนตาย แต่ถ้ากองทัพทั้งสองหมายมั่นปั้นมือว่าจะเอาชัยชนะ พวกเขาจะต้องใช้กลยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในการเอาชนะรัศมีจั้นยี่ของศัตรู ในการออกกระบวนท่าเดียว
แต่ในตอนนี้รัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ไม่ได้ด้อยกว่ารัศมีจั้นยี่ปีศาจสายฟ้าเลย หากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ก็จะเป็นแค่การเสียเวลาเท่านั้น ผลที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทั้งฉิงเทียนกังหรือฉิงหลิงต้องการเลย
สายตาของฉิงหลิงเป็นประกาย ริมฝีปากบางเหี้ยมเกรียมลงหลายส่วนในเวลานี้
“ทำไม? ไม่สู้ต่อแล้วหรือ?” มู่เฉินยิ้มเมื่อเห็นฉิงหลิงหยุดการโจมตี
ฉิงหลิงเหลือบมองมู่เฉินด้วยสายตาเย็นเยือกพลางเอ่ยเสียงเบา “ไอ้หนู แม้จะต้องยอมรับว่าเจ้ามีพรสวรรค์ในด้านรัศมีจั้นยี่ แต่..ข้าขอบอกว่าแกน่ะยังอ่อนหัดเกินไป”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มประหลาดก็ผุดบนริมฝีปากของฉิงหลิง
เมื่อเห็นรอยยิ้มนั่น มู่เฉินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ความไม่สบายใจเกิดขึ้นในหัวใจ
ทันใดนั้นฉิงหลิงก็กำหมัด ก้อนหินที่วูบไหวด้วยสายฟ้าสีเทาดำปรากฏในมือ เขากำมือแน่นขึ้นจนบดหินสายฟ้าลงทันที
ตู้ม!
สายฟ้าสีเทาดำกระเซ็นออกมาจากทุกทิศทาง สายฟ้ากระจายออก แต่กลับไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ ทว่ามู่เฉินกลับเปลี่ยนสีหน้าทันที
เนื่องจากเขาพบว่าสายฟ้านั้นดูราวกับสนามพลังยักษ์ ภายใต้สนามพลังนี้ รัศมีจั้นยี่ที่อยู่รอบตัวเขากำลังหายไปอย่างรวดเร็ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
สายตาของมู่เฉินเย็นชาลงขณะที่มองฉิงหลิง แต่เขาก็พบว่ารัศมีจั้นยี่ปีศาจสายฟ้าที่รวมตัวรอบตัวอีกฝ่ายก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน เห็นชัดว่าฉิงหลิงได้รับผลกระทบจากสายฟ้าไม่ต่างกัน
เจ้านั่นคิดจะอะไรกัน?
“ฮ่าๆ ใช้รัศมีจั้นยี่ไม่ได้แล้วใช่ไหม?” ฉิงหลิงมองมู่เฉินอย่างเยาะเย้ย จากนั้นก็ปัดมือเบาๆ “นี่คือผลึกสายฟ้าปีศาจ เมื่อประสานพลังกับภูเขาเหลยหมัวก็สามารถสร้างสนามสายฟ้าขึ้นมา ภายในสนามสายฟ้านี้จะเกิดแรงรบกวนตัดรัศมีจั้นยี่ออกไป ทำให้ไม่สามารถใช้รัศมีจั้นยี่ได้ในบริเวณนี้”
มู่เฉินขมวดคิ้วพลางหลับตาลงเล็กน้อย พยายามสัมผัสรัศมีจั้นยี่ และก็ได้พบว่าเหมือนมีพลังงานไร้รูปร่างกำลังรบกวนอยู่จริงด้วย ซึ่งเป็นคลื่นรบกวนที่เขาไม่สามารถขจัดได้ด้วยพลังยุทธ์ที่มีในตอนนี้
ความโกลาหลเบาบางมาจากหน่วยรบวิหคโลกันตร์เบื้องล่าง ถ้ามู่เฉินไม่สามารถใช้รัศมีจั้นยี่ได้ไม่เท่ากับว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์กลายเป็นอัมพาตเลยหรือ? เนื่องจากมู่เฉินคือแก่นของกองทัพ มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่สามารถควบคุมกองทัพได้ ถ้ากองทัพสูญเสียรัศมีจั้นยี่ไปแล้ว ก็ไม่ต่างจากนักรบที่แตกฉานซ่านเซ็น
“เกิดอะไรขึ้น?”
จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนเบื้องล่างเมื่อตระหนักถึงสถานการณ์นี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมาด้วยความสงสัย ฉิงหลิงกำลังทำอะไรอยู่? หากเป็นเช่นนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเองก็ไม่สามารถใช้รัศมีจั้นยี่ได้เหมือนกันหรอกเหรอ?
“ตอนนี้เจ้าใช้งานหน่วยรบวิหคโลกันตร์ไม่ได้ ส่วนข้าก็ใช้งานหน่วยรบปีศาจสายฟ้าไม่ได้เช่นกัน”
ฉิงหลิงมองพลางยิ้มตาหยีชี้ไปที่มู่เฉินและตัวเขาเองเบาๆ “ตอนนี้มีแค่เจ้ากับข้าที่นี่เท่านั้น”
เมื่อเขาพูดออกมา ทุกคนก็เข้าใจว่าหมายถึงอะไร เมื่อสูญเสียกองทัพ มู่เฉินก็คือจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสองเท่านั้น ขณะที่ฉิงหลิงเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามแล้ว!
ด้วยความช่วยเหลือจากรัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ ทำให้มู่เฉินสามารถต่อกรกับฉิงหลิงได้ แต่ตอนนี้รัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ถูกตัดขาดจากเขา ทำให้พลังของมู่เฉินลดลงอย่างมีนัย
ทั้งสองฝ่ายที่เคยอยู่เสมอกัน ก็เกิดระยะห่างขึ้นเนื่องจากการหายไปของรัศมีจั้นยี่
นี่คือเจตนาของฉิงหลิง!
“เลวทราม!”
ถังปิงขบฟันคำราม จากนั้นสายตาของนางก็เย็นเยือกลงขณะออกคำสั่งเสียงเย็น “ลงมือ! ถอนรากถอนโคนสำนักสายฟ้าปีศาจซะ!”
ทางด้านหลัง กองทัพใหญ่น้อยของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ก็ไม่ยั้งตัวเองไว้ได้อีกต่อไป คลื่นหลิงพวยพุ่งรุนแรงปกคลุมทั่วขอบฟ้า เสียงตะโกนโหวกเหวกของการทำศึกดังก้องไปทั่วแผ่นดิน ลำแสงนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านจากทุกทิศทาง ปิดล้อมภูเขาเหลยหมัวไว้
“สกัดพวกมันไว้!”
เมื่อกองทัพแดนร้อยสงครามเห็นสถานการณ์ดังกล่าว พวกเขาก็รีบบุกขึ้นหน้าทันที พวกเขาเข้าใจว่าสนามรบทั้งสองแห่งบนท้องฟ้าถูกผูกไว้อย่างใกล้ชิดแล้ว ตอนนี้ฉิงหลิงขังมู่เฉินเอาไว้ ตราบใดที่พวกเขาสามารถต้านทานกำลังฝ่ายตรงข้ามได้ ชัยชนะของสงครามนี้ก็จะอยู่ข้างพวกเขา
ดังนั้นพวกเขาไม่อาจเพลี่ยงพล้ำในตอนนี้
กระแสพลังน่าสะพรึวกลัวไขว้พันกันบนท้องฟ้า เวลานี้ทั่วทั้งฟ้าดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
ตู้ม! ตู้ม!
ความโกลาหลขนาดใหญ่เกิดขึ้นจากการปะทะกันของทั้งสองฝ่าย จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนต่างพุ่งเข้าโรมรันพันตู ขณะคลื่นหลิงผันผวนออกมาจากพวกเขา ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ยอดเขาลูกแล้วลูกเล่าพังทลายลงกลายเป็นฝุ่นจากการปะทะของคลื่นหลิง รอยแตกขนาดใหญ่ดูราวกับเหวลึกฉีกขาดพื้นดินออก…
บนท้องฟ้า ฉิงหลิงยืนกอดอก ปล่อยให้คลื่นหลิงอาละวาดที่เบื้องล่าง สายตาของเขาดูเย็นชาลงหลายส่วนขณะจ้องมองมู่เฉิน รอยยิ้มที่มุมปากอัดแน่นด้วยความเหี้ยมเกรียม
“ตอนนี้เจ้าจะทำอะไรได้อีก?”
มู่เฉินมองไปที่ฉิงหลิงเช่นเดียวกัน แต่คิ้วที่ขมวดกลับค่อยๆ คลายลง จากนั้นเขาก็คลี่ยิ้มพลางพยักหน้า “ไม่ใช่รัศมีจั้นยี่เรอะ…ที่จริง นี่เป็นอย่างที่ข้าหวังไว้เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉิน ดวงตาของฉิงหลิงก็หดเกร็งลงพร้อมกับสายตาดุดันมากขึ้น
จนตอนนี้มู่เฉินก็ยังยโสโอหังอีกเรอะ? ช่างเป็นคนที่น่าอนาถใจนัก!