หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 804 ต่างคนต่างเผยทักษะเทพ
ขณะที่ดวงตาของไฉ่เซียวกับโยวหมิงเปลี่ยนเป็นคมกริบ
บรรยากาศทั่วบริเวณก็หยุดชะงักขณะที่รังสีสังหารชวนใจสั่นแผ่ซ่านขึ้น
ม่านตาทุกคนหดเกร็งลง แม้แต่ซูปี้เยี่ย หงหยูและติงเฉวียนก็ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับคลื่นพลังแก่กล้ากระเพื่อมบนพื้นผิวร่างกายปกป้องพวกเขาจากคลื่นกระแทกที่มาจากการต่อสู้
ไฉ่เซียวยืนกลางอากาศ เรือนผมยาวสยายไปตามสายลม แววตานางเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกราวกับสามารถแช่แข็งฟ้าดินได้
รัศมีอันตรายที่ไม่อาจอธิบายได้แผ่ออกมาจากร่างกายนาง
ในทำนองเดียวกันนางก็สัมผัสได้ว่ารัศมีของโยวหมิงเปลี่ยนไปในการต่อสู้กับมู่เฉิน เขาตั้งใจจะปล่อยกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาเพื่อสังหารมู่เฉิน
ทว่านางไม่ได้เสียสมาธิกับเรื่องนี้ เนื่องจากนางรู้ว่าทั้งสองฝ่ายต่างพนันกันอยู่ ฟังยี่กำลังพนันว่าโยวหมิงจะสังหารมู่เฉินได้อย่างรวดเร็วก่อนที่ทั้งคู่จะร่วมมือ ฝ่ายนางก็พนันว่ามู่เฉินจะสามารถขัดขวางโยวหมิงได้และทำให้นางมีเวลาเพียงพอในการสังหารฟังยี่
ตอนนี้หน้าที่ของนางไม่ใช่กังวลเกี่ยวกับมู่เฉิน แต่ต้องจัดการฟังยี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ซึ่งนี่จะเป็นความช่วยเหลือใหญ่ที่สุดที่นางสามารถให้มู่เฉินได้
“ดูเหมือนเราจะใจตรงกันเลยเนอะ” ฟังยี่มองไฉ่เซียวที่เรือนผมยาวปลิวสยายในสายลมขณะที่เขาเกร็งร่างอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกอันตรายที่แผ่มาจากไฉ่เซียวทำให้เขารู้สึกเจ็บแสบไปทั่วร่าง ดังนั้นสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเช่นเดียวกัน
“แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดไว้หรอก” ไฉ่เซียวกล่าวอย่างไม่แยแส แต่ไอเย็นเยือกในคำพูดทำให้บรรยากาศลดฮวบลง
“จริงเรอะ?” ฟังยี่ยิ้ม ต้องบอกว่าเขาเก่งกล้าไม่น้อย ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับไฉ่เซียวในสภาวะอันตรายเช่นนี้ เขาก็ยังไม่ตื่นตกใจมีและสงบนิ่ง เขาไม่ได้ทำลายชื่อเสียงของการเป็นจอมยุทธ์อันดับหนึ่งบนบันทึกมังกรหงส์เลย จากจุดนี้เพียงอย่างเดียวชื่อเสียงของเขาในฐานะจอมยุทธ์รุ่นใหม่ของภูมิภาคทางเหนือก็ไม่ใช่ไม่สมชื่อ
“แต่กลัวว่าคนที่ทนไม่ไหวก่อนจะเป็นคนอื่นน่ะสิ”
“จริงเรอะ?” ไฉ่เซียวแค่นเสียง จากนั้นนางก็ไม่ลังเลวาดตราประทับ ทันใดนั้นตราประทับก็เปลี่ยนแปลงทำให้เกิดเป็นภาพเงาเลือนราง
มิติรอบตัวนางกระเพื่อมไหวรุนแรง ราวกับคลื่นยักษ์ที่มาพร้อมกับเสียงซัดสาดดังอย่างต่อเนื่อง คลื่นหลิงสีรุ้งปะทุออกจากร่างไฉ่เซียว ไม่กี่อึดใจก็ย้อมไปทั่วบริเวณ ทว่าภายใต้ภาพงดงามนี้กลับมีอันตรายถึงชีวิตแฝงอยู่
สีทั้งเจ็ดรวมตัวกันอย่างรวดเร็วด้วยอัตราชวนตะลึง คลื่นหลิงในฟ้าดินรวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้นทุกคนก็มองเห็นหลุมวนสายรุ้งปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วในฝ่ามือของไฉ่เซียว
หลุมวนเจ็ดสีขยายขนาดเร็วรี่จนมีขนาดร้อยจั้งในไม่กี่อึดใจ ดูราวกับหลุมดำ เว้นแต่ว่านี่ไม่ได้เป็นสีดำ แต่เป็นสายรุ้งเจ็ดสี แต่นี่ก็ทำให้ดูแปลกประหลาดยิ่งขึ้น
กระแสน้ำวนเจ็ดสีก่อตัวตรงหน้าไฉ่เซียว ทำให้มิติรอบตัวแตกสลาย เกิดรอยร้าวสีดำแผ่ขยายจนมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว
ทุกคนตะลึงกับพลังทำลายล้างของกระแสน้ำวนเจ็ดสี จอมยุทธ์บางคนไม่สามารถปกปิดความหวาดกลัวในใจได้ รีบถอยหนีอย่างรวดเร็ว
ทุกคนสัมผัสได้ว่าการโจมตีของไฉ่เซียวน่ากลัวเพียงใด
สีทั้งเจ็ดพร่างพราวในดวงตาของไฉ่เซียว ทำให้นางดูงดงามน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ทว่าสายตาเย็นชาของนางพุ่งตรงไปที่ฟังยี่อย่างเดียว อึดใจเรียวนิ้วก็ชี้ไปพร้อมกับเสียงโปร่งใสดังขึ้นบนท้องฟ้า
“วิทยายุทธรุ้งกลืนฟ้า กลืนกินทำลายล้างสวรรค์!”
เมื่อเสียงเย็นเยือกดังออกจากปากของไฉ่เซียว ฟังยี่ก็เกร็งตัว ก่อนที่มิติรอบตัวเขาจะบิดเบี้ยวอย่างรวดเร็วพร้อมกับเขาหายตัวไป แม้แต่รัศมีและความผันผวนคลื่นหลิงยังสลายหายไปราวกับอากาศธาตุ
“ฮึ่ม!”
ทว่าท่าทางของไฉ่เซียวไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ เมื่อเห็นฟังยี่หายตัวไป กระแสน้ำวนสายรุ้งสั่นคลอนก่อนจะหายไปด้วยเช่นกัน
ชั่วขณะนั้นเมื่อกระแสน้ำวนสายรุ้งหายไป ท้องฟ้าไกลออกไปพันจั้งก็แตกสลาย มิติบิดเบี้ยวขณะที่ร่างเลือนรางหนึ่งพุ่งผ่าน
ทว่าทันทีที่ร่างแสงปรากฏ มิติเบื้องบนก็แตกออกพร้อมกับกระแสน้ำวนสายรุ้งเผยออกมา เสาแสงสีรุ้งส่องลงมาปกคลุมร่างของฟังยี่
เมื่อถูกเสาแสงล้อมไว้ ร่างฟังยี่ก็ชะงัก เขาตระหนักได้ว่ามิติรอบตัวถูกแช่แข็งจนไม่สามารถผ่ามิติหลบหนีไปได้
นอกจากนี้กระแสน้ำวนสายรุ้งที่ด้านบนยังปล่อยแรงดึงดูดน่ากลัวออกมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้พลังนั้น ไม่เพียงแต่ร่างของเขาจะเคลื่อนเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่คลื่นหลิงในร่างก็ยังแสดงสัญญาณว่าจะถูกสูบออกไปด้วย!
“พลังดูดกลืนน่ากลัวอะไรอย่างนี้!”
ในที่สุดสีหน้าของฟังยี่ก็เปลี่ยนไป กระแสน้ำวนสายรุ้งนี้ราวกับหนอนเจาะกระดูกที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นอกจากนี้เมื่อถูกปกคลุมก็ราวกับจะไม่หยุดจนกว่าจะได้ดูดกลืนคนที่เป็นเป้าหมายเข้าไป
ฟังยี่เงยหน้าขึ้นมองกระแสน้ำวนสายรุ้งที่หมุนคว้าง เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายถึงชีวิตที่แผ่มาจากมัน หากเขาถูกดูดเข้าไปละก็ แม้แต่ตัวเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถหลุดหนีออกมาได้ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่
เขาไม่เคยประมาทไฉ่เซียว แต่กระบวนท่าที่อีกฝ่ายแสดงออกมาตอนนี้ทำให้หัวใจเขาเต้นไม่เป็นส่ำหมดแล้ว หญิงสาวลึกลับคนนี้มาจากไหนกันแน่?
ทว่าความคิดก็แวบเข้ามาในใจเพียงชั่วครู่ ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์มาคิดเรื่องพรรค์นั้นแล้ว เขาต้องต้านการโจมตีของไฉ่เซียวให้ได้ อย่างน้อยเขาก็ต้องประวิงเวลาไว้!
จนกว่าโยวหมิงจะฆ่ามู่เฉิน!
ตู้ม!
แววเร่งรีบวาบขึ้นในดวงตาของฟังยี่ อึดใจเขาก็วาดตราประทับเร็วรี่ขณะที่แสงเจิดจ้ากำจายออกมารอบตัว ระลอกพลังล้ำลึกแผ่ออกมาจากร่างของเขาบางจาง
“กระบวนท่าเสินทง บัวเทพเจาะสวรรค์!”
พร้อมกับเสียงคำรามของฟังยี่ที่ดังทั่วขอบฟ้า แสงหลิงก็มารวมตัวใต้ร่างเขา ก่อร่างเป็นดอกบัวขนาดหลายสิบจั้ง ดอกบัวมีสีฟ้าอมเขียวเข้มที่เต็มไปด้วยลวดลายโบราณบนกลีบดอกกระเพื่อมระลอกคลื่นล้ำลึกออกมา ทำให้เกิดความผันผวนของคลื่นหลิงที่ทรงพลังมาก
ชัดว่าฟังยี่ก็ใช้กระบวนท่าปกป้องตัวที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาแล้ว
ดอกบัวที่ปรากฏใต้ฝ่าเท้าของฟังยี่ค่อยๆ ลอยขึ้น เปลี่ยนเป็นม่านแสงปกคลุมร่างเขาอาไว้ ดูราวกับว่าต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย ดอกบัวก็ไม่สลายตัวลง
การปรากฏขึ้นของดอกบัว ทำให้ความเร็วที่ฟังยี่ถูกดูดเข้าไปในกระแสน้ำวนสายรุ้งชะลอลง ดอกบัวปลดปล่อยพลังงานประหลาดต้านทานพลังดูดกลืนจากกระแสน้ำวนสายรุ้งเอาไว้
พลังงานทั้งสองปะทะกัน กระทั่งมิติยังบิดเบี้ยวเป็นระยะ…ระยะ
ไฉ่เซียวมุ่นคิ้วเมื่อเห็นภาพนี้ ทักษะหลากหลายของฟังยี่ช่างเหนือความคาดหมายของนางนัก อันดับหนึ่งของจอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งภูมิภาคทางเหนือไม่ใช่ธรรมดาเลยจริงๆ
แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดนางเพียงแค่นี้
ไฉ่เซียวโบกมือขึ้น ความเร็วของกระแสน้ำวนสายรุ้งก็เพิ่มขึ้น แรงดูดก็กำจายออกมาน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ภายใต้พลังดูดกลืน แม้จะมีดอกบัวปกป้องอยู่ ร่างฟังยี่ก็ยังเคลื่อนเข้าหากระแสน้ำวนสายรุ้งอย่างช้าๆ …
แม้อัตราจะช้า แต่ก็เป็นสิ่งที่ฟังยี่ไม่สามารถต้านทานได้ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ก็รอเพียงเวลาที่เขาจะถูกดูดเข้าไปในกระแสน้ำวนสายรุ้งนั่น ทันทีที่หลุดเข้าไป ไม่ว่าจะมีกลยุทธ์ใด เขาก็คงไม่อาจหลุดหนีออกมาทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่แล้ว
เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ สีหน้าก็เต็มเปี่ยมด้วยความหวาดผวา แม้แต่จอมยุทธ์ทรงพลังอย่างฟังยี่ยังไม่สามารถต้านทานหญิงสาวลึกลับคนนี้ได้
“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ฟังยี่แพ้แน่” ติงเฉวียนอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นขณะสีหน้าฉายแววตกตะลึงขณะจ้องมองการต่อสู้
ซูปี้เยี่ยกับหงหยูพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทว่าสายตาของพวกนางก็เบนไปยังสมรภูมิอีกแห่งหนึ่ง ในทำนองเดียวกันที่นั่นก็เริ่มกำจายความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่ากลัวอออกมา
“แต่ว่าฟังยี่อาจซื้อเวลาไหวอยู่นะ ถ้าโยวหมิงสามารถกำจัดมู่เฉินได้ก่อน เขาก็ร่วมมือกับฟังยี่และพลิกสถานการณ์ได้”
ความคิดเช่นนั้นเป็นเรื่องตรรกะธรรมดาของทุกคน ดังนั้นสายตานับไม่ถ้วนจึงเบนไปทางต้นตอของคลื่นหลิงที่โหมกระหน่ำ จอมยุทธ์สองคนหมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างกายอย่างรุนแรงอยู่
ขณะที่ไฉ่เซียวกับฟังยี่ตึงกันอยู่ ใครๆ ก็รู้ว่าอีกสมรภูมิจะเป็นตัวตัดสินผลลัพธ์
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน มู่เฉินกับโยวหมิงเผชิญหน้ากันอยู่ห่างๆ ภายในพายุคลื่นหลิงที่ถั่งโถม โยวหมิงมีสีหน้าเรียบเฉยพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตกระเพื่อมรอบร่าง เขามองมู่เฉินที่ยืนอยู่บนศีรษะของร่างเทพสุริยะก็พึมพำออกมา “ถึงเวลาที่จะจบศึกนี้แล้ว”
เขารู้สึกได้ว่าฟังยี่อยู่ในสถานการณ์ไม่ดีนัก ดังนั้นเขาเข้าใจว่าถึงเวลาที่จะกำจัดมู่เฉินแล้ว
มือทั้งคู่ของโยวหมิงประสานกันพลางหลับตาลงช้าๆ ริมฝีปากสั่นระริก ราวกับมีเสียงโบราณดังออกมา
นั่นเป็นเหมือนเสียงที่มาจากโลกใต้พิภพที่เต็มไปด้วยความน่าขนลุกที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้อุณหภูมิบริเวณนี้ลดต่ำลง มากถึงขนาดเกล็ดหิมะโปรยปรายลงมา ทว่าเกล็ดหิมะเหล่านั้นกลับมีสีดำ นอกจากนี้ยังเย็นจัดราวกับว่าสามารถแช่แข็งอากาศได้
เกล็ดหิมะสีดำร่วงหล่นไม่หยุดแล้วรวมตัวกันเบื้องหลังโยวหมิง จากนั้นก็ปะทุกลายเป็นเกลียวเพลิงสีดำที่ดูราวกับของเหลวไหลอยู่รอบตัวโยวหมิง
ฉากที่แปลกประหลาดนี้ ทำให้จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนดูดอากาศเย็นเข้าไปในปาก นั่นเป็นเพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าแม้แต่คลื่นหลิงยังถูกแช่แข็งในสถานที่ที่เพลิงสีดำไหลผ่าน
โยวหมิงเงยหน้าขึ้น ม่านตาสีดำเมื่อมจับจ้องมู่เฉิน จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วลงพร้อมกับเพลิงสีดำที่เบื้องหลังกวาดตัวออกมาราวกับมังกรไฟจากโลกใต้พิภพ ตามด้วยเสียงหวีดหวิว บินฉวัดเฉวียนออกไปทุกทิศทาง
ในเวลาเดียวกันเสียงไม่แยแสของโยวหมิงก็ดังสะท้อนทั่วบริเวณ พร้อมกับความเย็นเยือกไม่มีที่สิ้นสุด
“คัมภีร์เทพยมโลก เพลิงเทพใต้พิภพล้างผลาญ!”