หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 814 พิธีมอบยศราชัน
เทือกเขาหลงเฟิ่ง
พร้อมกับการจากไปของไฉ่เซียว สายตานับไม่ถ้วนก็ละจากสถานที่แห่งนี้ เมื่อเห็นว่าเรื่องวันนี้สิ้นสุดลง พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรต้องอยู่ต่อ แต่ละคนพกความตกตะลึงสุดขีดไปด้วย คิดว่าอีกไม่กี่วันเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่และภายในเขตหลงเฟิ่งคงจะกระจายไปทั่วภูมิภาคทางเหนือราวกับพายุ
มู่เฉินที่เคยเป็นจอมยุทธ์ไร้ชื่อในอดีต บัดนี้คือม้ามืดที่เจิดจรัสที่สุดในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่ภูมิภาคทางเหนือ
มู่เฉินมองฝูงชนที่จากไปก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา ในที่สุดศึกมังกรหงส์ก็ถึงเวลาปิดฉากแล้ว
“เจ้าปฏิเสธคำเชิญของแคว้นหวู่จิ้งฮั่วงั้นหรือ?” เวลาเดียวกัน เสียงประหลาดใจของมั่นถัวหลัวก็ดังขึ้น นางรู้สึกแปลกใจที่มู่เฉินปฏิเสธคำเชิญของไฉ่เซียว เพราะไม่ว่าจะเป็นอย่างไรแคว้นหวู่จิ้งฮั่วก็คือยักษ์ใหญ่ที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์เทียบไม่ติดฝุ่นเลย
“ถ้าจะบอกเจ้าว่าก่อนที่ข้าจะเข้าร่วมอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ข้าเคยปฏิเสธคำเชิญแคว้นหวูมาแล้วด้วย เจ้าจะตกใจมากกว่าไหม?” มู่เฉินยิ้มตาหยี
ม่านตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวขยายกว้างขึ้น หากเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามทั่วไปเอ่ยเช่นนี้นางคงหัวเราะท้องแข็ง แต่เมื่อหลุดจากปากของมู่เฉิน นางกลับไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อ นี่ยิ่งทำให้นางประหลาดใจ เนื่องจากนางรู้ดีว่าไม่ว่าจะเป็นแคว้นหวู่จิ้งฮั่วหรือแคว้นหวูก็ไม่ใช่แค่ใครก็ตามที่สามารถรับคำเชิญจากพวกเขาได้ แต่มู่เฉินได้รับคำเชิญทั้งที่ยังมีพลังยุทธ์ตื้นเขิน ดังนั้นแม้แต่นางเองก็ยังรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อ
“แคว้นหวู่จิ้งฮั่วกับแคว้นหวูยิ่งใหญ่ การอยู่ใต้ชื่อของพวกเขาจะทำให้เส้นทางการฝึกฝนของข้าง่ายดายขึ้น แต่ว่า…นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ” มู่เฉินยิ้มบางให้มั่นถัวหลัวที่กำลังอึ้งไป
ได้ยินคำพูดของมู่เฉิน มั่นถัวหลัวก็ตกอยู่ในความเงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะมองเขาด้วยแววชื่นชมที่หาดูได้ยาก บางคนมีความสุขอยู่ในความสงบสุข ต่อให้เขามีพรสวรรค์โดดเด่น แต่โอกาสของเขาก็จะถูกจำกัด ในขณะที่ความกล้าหาญของมู่เฉินในการเดินบนเส้นทางยุทธ์ที่อันตรายกลับทำให้มั่นถัวหลัวรู้สึกชื่นชมขึ้นมา
“ตอนนี้ข้าเริ่มเข้าใจแล้วว่าเจ้าครอบครองร่างเทพสุริยะได้ยังไง” มั่นถัวหลัวพยักหน้า
มู่เฉินยิ้มกริ่มรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อยที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวจากมั่นถัวหลัว
“กลับอาณาเขตกงเวทสวรรค์กันเถอะ ครั้งนี้เจ้าทำดีมากและช่วยอาณาเขตกงเวทสวรรค์ให้ได้หน้ากลับคืนมาไม่น้อย จิ่วโยวกำลังรอฉลองไปกับเจ้าอยู่”
มั่นถัวหลัวยิ้มก่อนจะหยุดครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อ “กลับไปครั้งนี้ พิธีมอบยศราชันจะเริ่มต้นขึ้น… ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นผู้บัญชาการคนที่สิบแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ในพิธีมอบยศครั้งนี้”
มู่เฉินอึ้งไปขณะมองมั่นถัวหลัวด้วยความรู้สึกตกใจและซับซ้อน ตอนที่เขามาถึงอาณาเขตกงเวทสวรรค์ผู้บัญชาการทั้งหลายในอาณาเขตกงเวทสวรรค์เป็นหอคอยสูงตะหง่านสำหรับเขา แต่ตอนนี้เขากลับสามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาแล้ว แม้ว่ามู่เฉินจะไม่สนใจกับตำแหน่งผู้บัญชาการขนาดนั้น แต่ก็แสดงถึงผลของการทำงานหนักในปีที่ผ่านมา
“แต่ว่าข้ามีขุมพลังจื้อจุนขั้นสามเท่านั้น… นี่จะไม่เป็นปัญหาถ้าเข้ารับตำแหน่งหรือ?” มู่เฉินไม่รู้สึกตื่นเต้นกับคำสัญญาของมั่นถัวหลัว เขากลับขมวดตอบแทน
คิ้วของมั่นถัวหลัวเลิกขึ้น เนื่องจากนางเข้าใจถึงอารมณ์สงบของมู่เฉิน ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกประหลาดใจกับประสาทสัมผัสอันเฉียบแหลมของเขาพลางพยักหน้า “พิธีมอบยศราชันเป็นงานสำคัญในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ อาณาเขตกงเวทสวรรค์กว้างใหญ่ไพศาลและมีกองกำลังมากมาย แค่จำนวนเจ้าเมืองก็เกือบพันแล้ว โดยที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เคยสร้างผลงานให้กับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ โดยทั่วไปผู้บัญชาการคนใหม่จะเลือกขึ้นมาจากพวกเขา ดังนั้นจึงมีคนจำนวนมากจับตามองตำแหน่งผู้บัญชาการคนที่สิบอยู่”
มู่เฉินเอ่ยเสียงเรียบ “งั้นแบบนี้ข้าถอยดีกว่า”
เขาไม่เห็นว่าผู้บัญชาการคนที่สิบจะมีความสำคัญอะไรหนักหนา บางทีในมุมมองของเขา ผลประโยชน์ที่เขาจะได้จากการเป็นผู้บัญชาการก็คงแค่เพิ่มชื่อเสียงให้กับหอวิหคโลกันตร์เล็กน้อยเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้มีนัยสำคัญมากนัก
“ไม่ได้” มั่นถัวหลัวเอ่ยเสียงเบา
มู่เฉินถูจมูกแก้เก้อ เขาคิดว่าตัวเองท้าทายอำนาจของมั่นถัวหลัวเข้าแล้ว ไม่ว่ายังไงนางก็คือประมุขหนึ่งเดียวของอาณาเขตกงเวทสวรรค์
“ในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ หากไม่นับเจ้าก็มีจอมยุทธ์สองคนที่มีโอกาสเลื่อนตำแหน่ง” มั่นถัวหลัวพูดเสียงเรียบเอ่ยต่อ “คนหนึ่งคือเจ้าเมืองเทียนหลัว เมืองใหญ่ที่สุดใต้การปกครองของอาณาเขตกงเวทสวรรค์—ฉินจง”
“เมืองเทียนหลัว ฉินจง?” มู่เฉินพึมพำ เขาไม่ถึงกับรู้สึกว่าชื่อนี้แปลกหู เนื่องจากเคยได้ยินจากปากของจิ่วโยวมาบ้าง ฉินจงถือว่าอาวุโสในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ แรงสนับสนุนแทบจะเท่าผู้บัญชาการทั้งเก้า ทว่าพลังของเขาไม่สามารถบรรลุระดับจื้อจุนขั้นห้าได้สักที ดังนั้นจึงไม่สามารถขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการ
“ส่วนอีกคนคือเจ้าสำนักภูตจันทรา ชิวไท่ยิง…”
“ชิวไท่ยิง” มู่เฉินขมวดคิ้ว นี่เป็นยอดฝีมืออีกคนที่มีชื่อเสียงในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ครั้งหนึ่งเป็นทัพหน้าเปิดเขตแดนขนาดใหญ่ให้กับอาณาเขตกงเวทสวรรค์
“ถ้าเป็นพวกเขาทั้งคู่ก็มีคุณสมบัติเหนือกว่าข้านะ” มู่เฉินเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา แม้หนึ่งปีที่เขาเข้าร่วมอาณาเขตกงเวทสวรรค์จะมีชื่อเสียงดังเป็นพลุแตก แต่เทียบกับทั้งสองคนนี้ เขายังนับว่าเตาะแตะเหลือเกิน หากเขารับตำแหน่งผู้บัญชาการ ก็คงจะเรียกปัญหามาไม่น้อย
“ฉินจงภักดีต่ออาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้า ดังนั้นหากเขาได้รับตำแหน่งข้าก็เห็นด้วย” ดวงตาของมั่นถัวหลัวเปล่งประกายริ้วเย็นชาสายหนึ่งขณะเอ่ยต่อ “แต่แม้ว่าชิวไท่ยิงจะมีความสามารถ ความทะเยอทะยานกลับล้ำฟ้า จากข้อมูลที่ข้าได้รับมา เขาเหมือนจะมีความสัมพันธ์ลับๆ บางอย่างกับตำหนักสุดนภา”
มู่เฉินตกใจไปเมื่อได้ยิน ด้วยสถานะที่ผ่านมาชัดว่าเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนนั้น
“แต่ข้อมูลพวกนั้นมักถูกเสมอ บวกกับความจริงที่ชิวไท่ยิงทำคุณูปการให้อาณาเขตกงเวทสวรรค์มามาก คนอื่นๆ คงรู้สึกว่าข้าใจร้ายหากจัดการเขาโดยไร้การไต่สวนน่ะ” มั่นถัวหลัวเอ่ยเสียงเรียบ
“ถ้าเป็นเวลาอื่น ข้าจะค่อยๆ ตรวจสอบอย่างแนบเนียน แต่ตอนนี้เราไม่มีเวลาเหลือมากนัก”
มู่เฉินขมวดคิ้ว “เป็นเพราะ…สงครามล่างั้นหรือ?”
มั่นถัวหลัวพยักหน้า “ก่อนสงครามล่าจะเริ่มขึ้น จะต้องมีผู้บัญชาการให้ครบสิบ แต่ข้าจะยอมให้คนที่อาจมีความคิดเป็นอื่นมารับตำแหน่งผู้บัญชาการคนที่สิบของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไม่ได้ อันตรายที่ซ่อนอยู่นี่คงเอาไว้ไม่ได้”
“เจ้าหมายถึง?” มู่เฉินพึมพำ
“ในระหว่างพิธีมอบยศราชัน ชิวไท่ยิงจะต้องยื่นคำขอรับตำแหน่งผู้บัญชาการตามธรรมเนียม ถึงตอนนั้นข้าจะให้ฉินจงขัดขวาง หากฉินจงขัดขวางสำเร็จทุกอย่างก็ราบรื่น แต่ถ้าพลาด…” ม่านตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวจ้องมองมู่เฉิน “เจ้าจะต้องลงมือและคว้าตำแหน่งผู้บัญชาการลำดับสิบมาให้ได้!”
มู่เฉินยิ้มขมขื่น “ข้าว่าแล้วไม่ใช่เรื่องดี นี่ไม่ใช่งานง่ายเลยนะ”
แม้มู่เฉินจะยังไม่เคยพบกับชิวไท่ยิง แต่เขาก็รู้ว่าจอมยุทธ์ที่สร้างชื่อเสียงในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ได้ขนาดนี้ย่อมไม่ใช่ธรรมดา จากการคาดเดาของมู่เฉิน พลังของชายคนนั้นคงไม่ด้อยกว่าโยวหมิง
ทันทีที่สู้กัน แม้แต่มู่เฉินยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะได้ไหม
“วางใจเถอะ ถ้าเจ้าทำเรื่องนี้สำเร็จ ข้าจะเติมเต็มคำขอทุกอย่างของเจ้าเลย” มั่นถัวหลัวเอ่ยพลางหรี่ตายิ้ม
“จริงหรือ?” พอได้ยินคำพูดของนาง มู่เฉินก็อดถามยืนยันอีกครั้งไม่ได้
มั่นถัวหลัวพยักหน้า ทว่าเมื่อเห็นมุมปากของมู่เฉินที่โค้งขึ้น นางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
เมื่อเห็นนางยืนยัน มู่เฉินก็ไม่คิดเกรงใจรีบกำมือ ไผ่หยกชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นก่อนที่เขาจะส่งให้กับมั่นถัวหลัว “ถ้าข้าจัดการงานสำเร็จ ก็ช่วยรวบรวมสิ่งเหล่านี้ให้ข้าละกัน”
มั่นถัวหลัวรับไผ่หยกมาด้วยความสงสัยจากนั้นก็เหลือบมองแวบหนึ่ง สีหน้าของนางแข็งค้างไปเมื่อเห็นตัวอักษรจางๆ บนไผ่หยก
เลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณ-สิบหยด
เลือดนกกระจอกกลืนฟ้า-สิบหยด
เลือดอสูรไร้ตน-สิบหยด
…
บนชิ้นไผ่หยกมีชื่อเลือดเทพอสูรแตกต่างกันสิบชนิด ทั้งหมดเป็นเทพอสูรที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในมหาพันภพ ดังนั้นเลือดของพวกมันจึงหายากและมีราคาสูงยิ่ง
“เจ้าต้องการเลือดเทพอสูรมากมายขนาดนี้มาทำอะไร?!” มั่นถัวหลัวกัดฟัน แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างอาณาเขตกงเวทสวรรค์ยังไม่สามารถรวบรวมเลือดเทพอสูรพวกนี้ได้ครบในระยะเวลาสั้นๆ เลย
“มีประโยชน์อยู่แล้ว” มู่เฉินยักไหล่ เลือดเทพอสูรทั้งสิบชนิดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเขาในการฝึกคัมภีร์หลงเฟิ่ง ตอนแรกที่รู้ว่าต้องใช้วัตถุดิบเหล่านี้เขาก็เกือบลมจับ เพราะเขารู้ว่าเป็นงานยากมากสำหรับตัวเองในการรวบรวมเลือดเทพอสูรเหล่านี้ แต่โชคดีที่มั่นถัวหลัวเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมา นี่ช่วยบรรเทาปัญหาของเขาได้อย่างใหญ่หลวง
“ว่ายังไง? รวบรวมไหวเปล่า?” มู่เฉินยิ้มตาหยีขณะมองใบหน้าแข็งค้างของมั่นถัวหลัว
มั่นถัวหลัวถลึงมองมู่เฉินอย่างหมั่นไส้ “เจ้าวางแผนเรื่องนี้มานานแล้วใช่ไหม?”
ด้วยนิสัยเจ้าเล่ห์ของมู่เฉิน เขาคงคิดไว้แล้วว่าจะรีดไถนางอย่างไรทันทีที่นางเอ่ยถึงพิธีมอบยศราชัน สีหน้ายุ่งยากของเขาตอนแรกดูเสแสร้งนัก
พอได้ยินคำพูดของนาง มู่เฉินก็หัวเราะอย่างซุกซน
“ตราบใดที่เจ้ารับตำแหน่งผู้บัญชาการคนที่สิบได้ ข้าจะปล่อยให้เจ้าตักตวงผลประโยชน์ในครั้งนี้ แม้ว่าอาณาเขตกงเวทสวรรค์ของข้าจะไม่สามารถรวบรวมของพวกนี้มาได้ทั้งหมด แต่ข้าจะตระเวนไปตามโรงประมูลทั่วทั้งภูมิภาคทางเหนือเพื่อรวบรวมพวกมันมาให้เจ้า” มั่นถัวหลัวแค่นเสียงเย็นชาก่อนมองมู่เฉินด้วยแววตาอันตราย “แต่ถ้าเจ้าพลาด ก็อย่ามาโทษข้าล่ะ”
เมื่อพูดจบนางก็หันหลังกลับพุ่งตัวเป็นลำแสงออกไป
สายตาแวบสุดท้ายจากมั่นถัวหลัว ทำให้มู่เฉินรู้สึกหนาวเยือกหัวใจก่อนจะส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขาเพิ่งเสร็จศึกมังกรหงส์ก็มีพิธีมอบยศราชันมาจ่อรอแล้ว…
“หวังว่าเจ้าเมืองฉินจงจะจัดการชิวไท่ยิงได้นะ”
มู่เฉินเบ้ปากจากนั้นก็เหาะตามหลังไปอย่างรวดเร็ว