หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 818 ฉินจงปะทะชิวไท่ยิง
“หอวิหคโลกันตร์—มู่เฉิน”
เมื่อประโยคสุดท้ายเปล่งออกมาจากปากของมั่นถัวหลัว เสียงในจัตุรัสก็เหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนที่ทุกสายตาตกตะลึงจะเบนมายังมู่เฉินพร้อมกับเสียงฮือฮา
“มู่เฉิน? แม่ทัพคนใหม่แห่งหอวิหคโลกันตร์น่ะเหรอ?”
“เขามีสิทธ์ชิงตำแหน่งผู้บัญชาการด้วย…นี่ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ? เขาเพิ่งเข้าร่วมอาณาเขตกงเวทสวรรค์เกือบปีเองนะ”
“ถึงศักยภาพของเขาในศึกมังกรหงส์จะโดดเด่น แต่พิธีมอบยศราชันยากยิ่งกว่าอีกนะ แม้ว่ามู่เฉินจะเอาชนะในศึกมาได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะความช่วยเหลือของธิดาเทพจักรพรรดิอัคคี”
“ได้ข่าวว่ามีเหตุผลนี้จริง..”
“…”
เสียงกระซิบด้วยความสงสัยปนอิจฉาอย่างไม่ปิดบังดังก้องฟ้า เนื่องจากเวลาที่มู่เฉินอยู่ในอาณาเขตกงเวทสวรรค์นับว่าสั้นเกินไป แต่เขากลับเติบโตแบบก้าวกระโดด ความสำเร็จที่คนอื่นๆ ต้องใช้เวลาสั่งสมหลายปี มู่เฉินกลับทำสำเร็จในเวลาไม่ถึงปี
ความแตกต่างนี้ทำให้พวกเขารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมอยู่ในใจ เสียงวิพากษ์วิจารณ์จึงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ชิวไท่ยิงเหลือบมองมู่เฉินด้วยรอยยิ้มบาง แต่เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมามากนัก เพราะในสายตาเขา มีเพียงฉินจงที่เป็นภัยคุกคามต่อเขา สำหรับมู่เฉินต่อให้มีพรสวรรค์โดดเด่นปานใด ก็ยังอ่อนอาวุโสเกินไป ไม่อาจสร้างความระแวงในใจได้
เขาจะต้องเป็นผู้บัญชาการคนที่สิบให้ได้!
มู่เฉินไม่สนใจกับเสียงเซ็งแซ่ด้วยความกังขา เขาหลุบตาลงคงท่าทีสงบนิ่ง ถังปิง ถังโหยวและคนจากหอวิหคโลกันตร์ที่ยืนเบื้องหลังเขาต่างรู้สึกขุ่นเคือง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเนื่องจากจิ่วโยวห้ามปรามเอาไว้
ตอนนี้ข้อโต้แย้งไร้ประโยชน์ เนื่องจากพลังจะเป็นตัวตัดสินทุกอย่างเอง
บนบัลลังก์ทอง ไม่มีระลอกคลื่นใดบนใบหน้ามั่นถัวหลัว นางมองจัตุรัสที่เต็มไปด้วยความโกลาหลก็สะบัดมือ ทำให้ทุกเสียงเงียบลงทันใด
ในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ นางเป็นผู้ปกครอง ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนคำพูดของนางได้
“ในเมื่อทุกคนมากันครบแล้ว ก็เริ่มพิธีมอบยศราชันเถอะ” นางสะบัดมือเบาๆ น้ำเสียงทรงอำนาจก็ทำเอาฟ้าดินสั่นสะเทือน
ตึ้ง!
เสียงระฆังกังวานไปทั่วบริเวณ ขณะที่จอมยุทธ์จำนวนมากมีดวงตาร้อนผ่าว พวกเขารู้ว่าพิธีมอบยศราชันครั้งนี้จะต้องดุเดือดเลือดพล่านอย่างแน่นอน
วาบ!
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน ชิวไท่ยิงก็ยิ้มบางเคลื่อนกายไปปรากฏบนลานพิธีพลางเอามือไพล่หลัง สายตาของเขาละมู่เฉินไป จับจ้องที่ฉินจง “พี่ฉินจง ข้าขอรับคำชี้แนะหน่อย”
ฉินจงเหลือบมองมู่เฉิน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเผยรอยยิ้มบนใบหน้า เขาก็แตะเท้าพลิ้วตัวลงบนลานพิธี ยืนตรงข้ามกับชิวไท่ยิง
ทั้งคู่ประจันหน้ากัน คลื่นหลิงมหาศาลกวาดออก แรงกดดันหนักหน่วงแผ่ขยายในลานพิธี ทำให้จอมยุทธ์จำนวนมากมีสีหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วน
สายตาคมกริบของฉินจงจับจ้องที่ชิวไท่ยิงพลางกำหมัดช้าๆ ความนิยมที่อีกฝ่ายมีเริ่มมากขึ้นในหมู่จอมยุทธ์มากประสบการณ์ของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ดังนั้นการได้รับขนานนามว่าจ่อตำแหน่งผู้บัญชาการจึงไม่ใช่เรื่องผิด
พิธีมอบยศราชันในวันนี้คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว
ตู้ม!
คลื่นหลิงจำนวนมหาศาลกวาดออกราวกับพายุจากฉินจง จากนั้นสายตาเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยือก กระทืบเท้าทะยานขึ้นสู่ขอบฟ้า ฝ่ามือทั้งสองเปล่งประกายสีเขียวหยก ดูราวกับสร้างมาจากหยกขาว เปี่ยมด้วยพลังยิ่งใหญ่อยู่รอบๆ
“ฝ่ามือหม้อกลั่นหยก!”
ฉินจงตะโกนออกมา อักขระหม้อกลั่นหยกปรากฏบนกลางฝ่ามือเลือนราง ก่อนที่ตราประทับฝ่ามือขนาดใหญ่จะพุ่งพรวดออกมา มิหนำซ้ำยังมีอักขระหม้อกลั่นบนฝ่ามือ ปลดปล่อยพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดออกมาราวกับว่าสามารถบดขยี้ภูเขาได้
“ฮ่าๆ ข้าได้ยินทักษะวิชาหม้อกลั่นหยกของพี่ฉินจงมานานแล้ว วันนี้ขอลิ้มลองสักหน่อย” ชิวไท่ยิงยิ้มไม่แยแสเมื่อเผชิญกับพลังโจมตีของฉินจง จากนั้นฝ่ามือทั้งคู่ก็วาดเป็นวง ควันดำพวยพุ่ง ซึ่งเปี่ยมไปด้วยคลื่นหลิงเย็นเยือกที่สามารถแช่แข็งได้แม้กระทั่งอากาศ
ฟิ้ว!
ควันดำดูราวกับมีชีวิต สุดท้ายก็ก่อตัวเป็นอสรพิษยักษ์ก่อนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและปะทะกับฝ่ามือหม้อกลั่นหยกอย่างจัง
ตึง!
คลื่นหลิงรุนแรงกวาดออก ผลกระทบทำให้มิติถึงกับบิดเบี้ยว
สายตาของฉินจงวูบไหวขณะวาดตราประทับ แสงเจิดจ้าพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากร่างเขา ทั่วทั้งร่างกายเปลี่ยนเป็นหยกขาวก้อนหนึ่ง
“นั่นมัน…” มู่เฉินมองร่างกายฉินจงด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าร่างของฉินจงเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น
“นี่คือกายาหม้อกลั่นหยก วิทยายุทธชำระกายที่ฉินจงได้รับจากซากอารยธรรมโบราณ เป็นเพราะสิ่งนี้เขาถึงขึ้นเป็นเจ้าเมืองเทียนหลัวได้” จิ่วโยวอธิบาย
วาบ!
ขณะที่จิ่วโยวกับมู่เฉินสนทนากัน ร่างของฉินจงที่เปล่งประกายก็หายไป เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ด้านหลังของชิวไท่ยิงก่อนจะเหวี่ยงหมัดออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพลังบดขยี้ภูเขาซัดตรงไปแผ่นหลังของอีกฝ่ายราวกับสายฟ้าแลบ
เผชิญกับการโจมตีฉับพลัน แม้แต่ชิวไท่ยิงก็ดูจะไม่สามารถโต้กลับได้เมื่อหมัดของฉินจงพุ่งเข้ามา
ชี่
หมัดของฉินจงแทงทะลุหน้าอกของชิวไท่ยิงอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อทะลุผ่านไป สีหน้าของฉินจงกลับเปลี่ยนไปฉับพลัน เพราะเขาเห็นจุดที่ฝ่ามือมือของเขาทะลวงผ่านร่างของชิวไท่ยิงเปลี่ยนเป็นกลุ่มควัน
ฉินจงรู้สึกอันตรายในใจทันที คิดจะถอนหมัดออกไปโดยไว
“ฮ่าๆ พี่ฉินจง เสียมารยาทไปนะหากไม่โต้กลับ ทำไมเจ้าไม่ลองรับกายาหมอกภูตของข้าดูมั่งล่ะ?” รอยยิ้มประหลาดกระตุกขึ้นที่มุมปากของชิวไท่ยิง ควันบนอกแข็งตัวขึ้น ความเย็นสุดขั้วแช่แข็งแขนของฉินจงและลามขึ้นมาตามท่อนแขนหวังจะแช่แข็งไปทั้งร่าง
ไอเย็นเยือกน่ากลัวรุกเข้าในร่างกายของฉินจง ราวกับต้องการแช่แข็งคลื่นหลิงในร่างเช่นกัน นี่ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปฉับพลัน สายตามืดครึ้มลงพร้อมกับคลื่นหลิงระเบิดออกจากร่างไม่ยั้ง
ตู้ม!
คลื่นหลิงมหาศาลกวาดออกกลายเป็นแรงกดดันหลิงทรงพลัง สร้างความปั่นป่วนในทันที เพราะทุกคนบอกได้ว่าความแข็งแกร่งของคลื่นหลิงฉินจงก้าวผ่านขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ไปแล้ว อีกก้าวเดียวก็จะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า
“ดูเหมือนฉินจงจะพัฒนาฝีมือบ้างแล้วในหลายปีมานี้ หากเขามีเวลาเพิ่มอีกหน่อย การบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็ใกล้เข้ามาแล้ว” มีบางคนถอนหายใจ ฉินจงอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นสี่มาหลายปี ในที่สุดก็มีพัฒนาการบ้างแล้ว
แววประหลาดใจวาบในดวงตาของมู่เฉิน ฉินจงมีไพ่ตายอยู่บ้าง ด้วยพลังเช่นนี้เขาก็เทียบได้กับโยวหมิง ซึ่งฝ่ายนั้นก็อีกครึ่งก้าวจะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าเหมือนกัน
ปัง!
คลื่นหลิงกวาดออกบนลานพิธีขณะที่น้ำแข็งสีดำบนแขนของฉินจงก็แตกเป็นเสี่ยงพร้อมกับเขาเคลื่อนถอยหลัง เวลาเดียวกันแรงสั่นสะเทือนของคลื่นหลิงก็ทำให้ไอเย็นเยือกที่รุกเข้ามาในร่างเขาสลายตัว
“ที่แท้เจ้าเมืองฉินจงอีกครึ่งก้าวก็จะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าแล้ว ยินดีด้วย” ขณะที่ควันดำพวยพุ่ง ชิวไท่ยิงก็ค่อยๆ หันกลับมาพร้อมกับยกยิ้ม
ฉินจงยังคงท่าทีสงบนิ่งขณะคลื่นหลิงมหาศาลปกคลุมรอบเขาราวกับมหาสมุทร ทุกการเคลื่อนไหวปลดปล่อยพลังทรงประสิทธิภาพที่สามารถบดขยี้ภูเขาได้
สายตาของเขาจับจ้องที่ชิวไท่ยิง แม้อีกครึ่งก้าวเขาจะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็จริง แต่ไม่รู้ทำไมเขาจึงรู้สึกถึงแรงกดดันเบาบางที่แผ่ออกมาจากอีกฝ่าย
ดูเหมือนว่าเขาต้องเทหมดหน้าตักแล้ว
ฉินจงสูดหายใจลึก วาดตราประทับเร็วรี่ปานฟ้าแลบ ทันใดนั้นแสงหยกเรืองรองก็ระเบิดออก ก่อตัวเป็นร่างใหญ่โต
ร่างนั้นดูเหมือนทำมาจากหยกขาว มีลวดลายหม้อกลั่นโบราณปรากฏบนร่างสีขาวหยกขณะที่พลังงานแก่กล้ากระเพื่อมออกมาทั่วบริเวณนี้ ทำให้คนอื่นๆ รู้สึกกดดัน
“นั่นคือ…ร่างหม้อกลั่นหยกศักดิ์สิทธิ์ของฉินจง!” เมื่อร่างหยกปรากฏตัว ก็เรียกเสียงฮือฮาขึ้นทั่วบริเวณ เนื่องจากพวกเขาคุ้นเคยดีกับร่างเทห์สวรรค์ของฉินจง
ฉินจงปรากฏบนศีรษะของร่างหยกขาวน้ำพลางมองมาที่ชิวไท่ยิง
“ในที่สุดเจ้าก็เรียกร่างหม้อกลั่นหยกศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้ว” ชิวไท่ยิงเงยหน้าขึ้นมองร่างสีขาวพร่างพราวด้วยรอยยิ้มไม่แยแสบนใบหน้า
“ดูเหมือนข้าจะออมมือไม่ได้แล้วหากต้องการเอาชนะเจ้านะ พี่ฉินจง” ชิวไท่ยิงยิ้มพลางสะบัดมือ ควันดำพวยพุ่งขึ้นสู่ขอบฟ้าก่อนจะก่อเป็นร่างสีดำขนาดใหญ่
ควันดำม้วนตัวรอบร่างใหญ่ราวกับมังกรดำ ไอเย็นเยือกทำให้อุณหภูมิในบริเวณนี้ลดฮวบลง
“นั่นคือร่างมหาจันทราของชิวไท่ยิง!” ใครบางคนอุทาน
มู่เฉินมองร่างใหญ่ทั้งสอง แม้ทั้งสองร่างจะมีอันดับท้ายตารางบนทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง แต่ทั้งฉินจงและชิวไท่ยิงต่างมีความเข้าใจลึกซึ้งในร่างเทห์สวรรค์ของตนเอง
“ไม่ง่ายเลยที่จะตัดสินตัวผู้ชนะ”
ภายใต้สายตาร้อนแรงนับไม่ถ้วน ชิวไท่ยิงก็ปรากฏตัวบนศีรษะของร่างมหาจันทราขณะมองฉินจงด้วยรอยยิ้มผิดแผกบนมุมปาก
“ยากที่จะตัดสินตัวผู้ชนะรึ? ข้าไม่คิดเช่นนั้นนะ…”
ชิวไท่ยิงค่อยๆ แบมือออก แววเย็นเยือกและคมกริบในดวงตาแรงกล้าขึ้น คลื่นหลิงราวกับควันสีดำกวาดตัวออกไปรอบกาย ก่อตัวเป็นพายุทอร์นาโด
ท้องฟ้าสว่างเปลี่ยนเป็นมืดมิดอย่างรวดเร็ว ควันดำปกคลุมดวงอาทิตย์ แรงกดดันคลื่นหลิงทรงประสิทธิภาพก็แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ
สัมผัสถึงแรงกดดันคลื่นหลิง ในที่สุดใบหน้าของฉินจงก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
ม่านตาของมู่เฉินและจิ่วโยวหดเกร็ง อดสูดหายใจลึกไม่ได้ นั่นเพราะแรงกดดันคลื่นหลิงนี้อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นห้าแล้ว!
ชิวไท่ยิงบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าเรียบร้อยแล้ว!