หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 819 ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า
คลื่นหลิงมหาศาลปกคลุมพื้นที่
ขณะที่แรงกดดันคลื่นหลิงยิ่งใหญ่กระจายออก ทำให้แม้แต่มิติยังเกิดริ้วกระเพื่อม ร่างสีดำยืนตระหง่านราวกับเทพปีศาจแผ่แรงกดดันน่าขนลุกออกมา
ตอนนี้จอมยุทธ์จำนวนมากรอบจัตุรัสต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไปจากแรงกดดันคลื่นหลิงทรงพลังที่แผ่ออกมาจากชิวไท่ยิง เพราะพวกเขาสัมผัสได้ว่าแรงกดดันนั้นอยู่เหนือขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ไปไกลแล้ว ซึ่งอยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าอย่างแท้จริง!
เทียบกับฉินจงที่อีกครึ่งก้าวจะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าแล้ว ชิวไท่ยิงแข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด!
เหล่าจอมยุทธ์รู้สึกตกใจอยู่ในใจ ที่แท้ชิวไท่ยิงก็บรรลุขุมพลังแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงมั่นใจนักกับการคว้าตำแหน่งผู้บัญชาการคนที่สิบ
สีหน้าของมู่เฉินกับจิ่วโยวเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด โดยเฉพาะมู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เนื่องจากเขารู้ว่าเป็นเรื่องยุ่งยากมากเพียงใดที่ชิวไท่ยิงได้บรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า
นั่นหมายความว่าชิวไท่ยิงมีคุณสมบัติแท้จริงในการเป็นผู้บัญชาการ!
ยิ่งกว่านั้นด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า เขาสามารถกวาดจอมยุทธ์ทุกคนที่อยู่ใต้ตำแหน่งผู้บัญชาการทั้งเก้าได้สบาย
ภายใต้ความโกลาหล มั่นถัวหลัวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็เกิดริ้วกระเพื่อมในม่านตาสีทองคำ แต่นางก็ยังคงมองการต่อสู้ในฐานะประมุข ไม่มีแววอารมณ์ใดๆ บนดวงหน้าเล็ก ราวกับว่านางเป็นองค์เทพที่กำลังมองดูสรรพสิ่งทั้งหลาย
ในสายตานางไม่ว่าชิวไท่ยิงจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่หรือขั้นห้าก็เป็นเพียงมดตัวหนึ่งเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้จอมยุทธ์ในสำนักผิดใจกันก่อนสงครามล่า นางคงจัดการสังหารเขาไปนานแล้ว ในสายตาของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน สิ่งที่เรียกว่า ‘กฎ’ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายดายตามอำเภอใจ
แต่ตอนนี้ เห็นชัดว่านางไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ดังนั้นจึงทำเอาไอเย็นเยือกถึงกับวูบไหวในม่านตาสีทองคำของนางเลยทีเดียว
บนลานพิธี ใบหน้าของฉินจงบิดเบ้จนน่าเกลียดขณะมองชิวไท่ยิง แรงกดดันทรงพลังที่กระจายออกมาจากอีกฝ่าย ทำให้แม้แต่เขายังรู้สึกกดดันเล็กน้อย
แม้เขาจะได้สัมผัสกับระดับจื้อจุนขั้นห้า แต่ก็ยังไม่ทะลุไปถึงระดับนั้น ซึ่งในสถานการณ์ที่ทั้งสองมีฝีมือพอๆ กัน ก้าวนั้นไม่ต่างอะไรกับเข้าสู่ประตูสวรรค์
“ยอมรับความพ่ายแพ้ซะ เจ้าไม่มีโอกาสแล้ว” ชิวไท่ยิงกอดอกพลางส่งยิ้มบางให้ฉินจง
สีหน้าของฉินจงเปลี่ยนไป จากนั้นก็สูดหายใจลึก ไม่มีแววยอมแพ้ในดวงตา ไม่ว่าโอกาสชนะของเขาจะมีเท่าไร แต่เขาก็ไม่มีทางยอมแพ้กลางคันแน่นอน
ฉินจงเหลือบมองชิวไท่ยิงก่อนที่สีหน้าจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลง มือทั้งคู่ประสานกัน ประกายแสงสีหยกระยิบระยับก็ระเบิดออกจากร่างเขา ขณะเดียวกันร่างหม้อกลั่นหยกศักดิ์สิทธิ์ใต้เท้าก็ระเบิดแสงสว่างเจิดจ้าออกมา
ดวงตาผู้คนนับไม่ถ้วนหดเกร็ง พวกเขามองออกว่า ฉินจงตั้งใจจะเทหมดหน้าตักแล้ว
“ดื้อด้านนัก” ชิวไท่ยิงหรี่ตาลงและส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่มีเพียงตัวเขาที่ได้ยิน
ตู้ม!
แสงสว่างเจิดจ้าแทบจะปกคลุมขอบฟ้าครึ่งหนึ่ง จากนั้นแสงสีหยกน่าตกใจก็รวมตัวกันอยู่เหนือร่างของฉินจง ก่อนจะก่อตัวเป็นหม้อกลั่นหยกขนาดประมาณหนึ่งพันจั้ง
หม้อกลั่นโบราณมีการสลักลวดลายซับซ้อนไว้ เมื่อลวดลายสั่นไหวก็ราวกับอุโมงค์ลม ดูดคลื่นหลิงในบริเวณนี้เข้าไปอย่างไม่สิ้นสุด
แรงกดดันทรงพลังแผ่ออกไปพร้อมกับมัน
จอมยุทธ์จำนวนมากสีหน้าขรึมลง แม้ว่าฉินจงจะยังไม่บรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่ประมาทได้ ดังนั้นกระบวนท่าครั้งนี้จึงทรงพลังมากเช่นกัน
“คัมภีร์เทพหยู้ติ่ง หม้อกลั่นฟ้าธารดารา!”
ลำแสงยิงออกจากดวงตาทั้งสองข้างของฉินจง ขณะที่เสียงเขาคำรามก้องราวฟ้าผ่า ตราประทับเปลี่ยนไป คลื่นหลิงในร่างก็พวยพุ่งออกมาเทลงไปในหม้อยักษ์
ฟิ้ว!
หม้อกลั่นขนาดใหญ่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า สุดท้ายก่อร่างเป็นสายธารสีหยกขนาดใหญ่กวาดผ่านขอบฟ้า มิติแตกเป็นเสี่ยงขณะที่ประกายแสงสีหยกนับไม่ถ้วนลอยอยู่บนท้องฟ้า ราวกับแม่น้ำดวงดาวสายหนึ่ง
จอมยุทธ์จำนวนมากมีสีหน้าเคร่งเครียดลงขณะที่มองการโจมตีนี้ นี่คือการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดที่ฉินจงครอบครองหลังจากใส่พลังทั้งหมดลงไป นี่เป็นการโจมตีที่สามารถสังหารจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันได้เลยทีเดียว
ทว่าเมื่อสายธารสีหยกซัดเข้ามา ชิวไท่ยิงกลับยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย มีเพียงแสงเย็นเยือกบางจางวาบขึ้นในดวงตา เขาเงยหน้าขึ้นขณะสายธารสีเขียวไร้ขอบเขตสะท้อนอยู่ในม่านตา
“ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าความแตกต่างระหว่างเจ้ากับระดับจื้อจุนขั้นห้ามีมากเพียงใด” ชิวไท่ยิงฉายยิ้มไม่แยแส จากนั้นก็ค่อยๆ ยกมือขวาขึ้น แขนทั้งแขนของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว มากจนมีของเหลวเหนียวหนืดสีดำหยดลงมาจากปลายนิ้ว
ฮึ่ม!
ร่างมหาจันทราสั่นสะท้านใต้ฝ่าเท้าเขา ขณะแสงสีดำนับไม่ถ้วนยิงออกจากร่างเทห์สวรรค์สีดำ รวมตัวกันที่ปลายนิ้วของชิวไท่ยิงอย่างรวดเร็ว
ชี่! ชี่!
แสงสีดำรวมตัวกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยวสีดำขนาดร้อยจั้งภายในไม่กี่อึดใจเหนือปลายนิ้วของชิวไท่ยิง จันทร์เสี้ยวกำจายไอเย็นเยือกไร้สิ้นสุดออกมา แม้แต่อากาศยังเยือกแข็งไปในเวลานี้
หยดของเหลวสีดำหยดลงจากจันทร์เสี้ยวสีดำ เมื่อหยดลงก็กัดกร่อนมิติจนหายไป แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการกัดกร่อนอันน่ากลัว
“คัมภีร์เทพไท่ยิง มหาจันทรา!”
เสียงไม่แยแสดังออกมาจากปากของชิวไท่ยิง จากนั้นเขาก็พลิกนิ้ว จันทร์เสี้ยวสีดำที่แผ่ไอเย็นน่าสะพรึงกลัวก็ทะลุผ่านมิติก่อนจะปะทะกันสายธารสีหยก!
ปัง!
เสียงที่เกิดจากการชนกันฟังราวกับกระแสน้ำสองสายปะทะกัน วินาทีนั้นแม้แต่ฟ้าดินยังสั่นสะเทือน
ผู้คนเงยหน้าขึ้นมองไปที่จุดปะทะ มิติบิดเบี้ยวรุนแรงตรงที่เกิดการชนกัน จันทร์เสี้ยวกับสายธารปลดปล่อยพลังอย่างบ้าคลั่ง พยายามทำลายฝ่ายตรงข้ามให้ย่อยยับ
ทว่าชิวไท่ยิงเป็นฝ่ายเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด เมื่อไอเย็นกัดกร่อน ก็มีเกล็ดน้ำแข็งสีดำปรากฏบนสายธารสีหยกอย่างช้าๆ
ใบหน้าของฉินจงซีดลง
“ข้าบอกแล้วเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก” รอยยิ้มเย็นผุดบนใบหน้าของชิวไท่ยิง จากนั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมกับตราประทับเปลี่ยนไปฉับพลัน
ตู้ม!
ไอเย็นเยือกจากจันทร์เสี้ยวสีดำกระจายออก เปลี่ยนเป็นแสงสีดำพุ่งผ่านขอบฟ้า ทันใดนั้นสายธารสีหยกก็ขาดสะบั้นจากกันอย่างรวดเร็ว ก่อนกลายเป็นประกายแสงระเบิดออก
พรูด
เมื่อสายธารสีหยกแตกสลาย ใบหน้าของฉินจงก็ซีดลงพร้อมกับพ่นเลือดออกมาคำหนึ่ง
สายตาของชิวไท่ยิงเย็นชา จากนั้นร่างก็หายไปอย่างฉับพลัน ขณะเดียวกันหอกยาวสีดำก็ปรากฏบนมือของร่างมหาจันทราแทงไปข้างหน้า แหวกผ่านมิติ
หอกยาวแทงทะลุมิติโดยตรง ไปปรากฏเบื้องหน้าร่างหม้อกลั่นหยก จากนั้นก็เสือกแทงอย่างรวดเร็ว ไอเย็นเยือกสีดำแผ่ออกมา ทำให้เกิดชั้นน้ำแข็งปกคลุมบนผิวร่างหม้อกลั่นหยกศักดิ์สิทธิ์
ใบหน้าของฉินจงเปลี่ยนไปรุนแรง
“เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะ!” เสียงเย็นดังมาจากด้านหน้าขณะร่างร่างหนึ่งปรากฏในพริบตา ชิวไท่ยิงเหลือบมองฉินจงด้วยสายตาเย็นชา ขณะที่พูดเขาก็เตะตัดคมกริบออกไปเกิดภาพมายา พร้อมกับพลังที่สามารถทำลายภูเขาได้ซัดลงที่กลางอกของฉินจง
พรูด!
ฉินจงรับการโจมตีหนักหน่วง พ่นเลือดออกมาหลายคำ ก่อนที่ร่างจะดิ่งพสุธาลงจากท้องฟ้าราวกับลูกปืนใหญ่ สร้างรอยลึกพันจั้งบนลานพิธี
ปัง!
ขณะที่ฉินจงได้รับการโจมตีหนัก ร่างหม้อกลั่นหยกศักดิ์สิทธิ์ก็แตกสลายกลายเป็นจุดแสง
ทั่วบริเวณเงียบกริบ จอมยุทธ์จำนวนมากมองภาพนี้ด้วยสีหน้าสั่นไหว ไม่มีใครคิดเลยว่าฉินจงจะพ่ายแพ้เร็วและน่าสังเวชขนาดนี้
ดวงตาของเหล่าผู้บัญชาการหดลง เนื่องจากพลังของชิวไท่ยิงไม่ใช่สิ่งที่มองข้ามได้จริงๆ
มู่เฉินกับจิ่วโยวพากันขมวดคิ้ว ฉินจงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชิวไท่ยิงจริงๆ หรือ?
ภายใต้สายตาจำนวนมาก ร่างมหาจันทราใต้ฝ่าเท้าชิวไท่ยิงก็ค่อยๆ สลายหายไป เขากอดอก พลิ้วตัวลงบนลานพิธีมอบยศราชันอย่างช้าๆ
สายตาเฉยเมยของเขามองฉินจงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ลูกเตะของเขาเมื่อครู่ทำให้ไอเย็นมหาจันทรารุกรานเข้าสู่ร่างของอีกฝ่าย จนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้ประจักษ์แล้ว
ชิวไท่ยิงเอาชนะฉินจงได้ก็เบนสายตาไปทางมั่นถัวหลัว ขณะที่ความเคารพนับถือปรากฏบนใบหน้า เขาก้มตัวประสานมือคำนับ “ท่านประมุข ผลลัพธ์ของการต่อสู้พิธีมอบยศราชันตัดสินได้หรือยังขอรับ?”
เมื่อพูดจบ สายตาจำนวนมากก็พุ่งไปที่มู่เฉินอย่างอิหลักอิเหลื่อ เพราะทุกคนรู้ว่ามู่เฉินเป็นคนที่สามที่มีคุณสมบัติในการชิงตำแหน่งผู้บัญชาการ
แต่การกระทำของชิวไท่ยิงในตอนนี้เท่ากับมองข้ามมู่เฉินอย่างชัดเจน
เห็นได้ชัดว่าชิวไท่ยิงไม่รู้สึกว่ามู่เฉินเป็นอันตรายต่อเส้นทางผู้บัญชาการของเขา
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน มู่เฉินยังคงท่าทีสงบนิ่ง เพียงแค่เม้มปากเล็กน้อย
“มู่เฉิน…ครั้งนี้ยอมไปก่อนมั้ย” ถังปิงอ้ำอึ้งก่อนจะพูดเสียงเบา หลังจากเห็นพลังที่ชิวไท่ยิงแสดงออกมา นางก็อดเป็นห่วงมู่เฉินไม่ได้
นั่นเป็นเพราะชิวไท่ยิงเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าแท้จริง นอกจากจิ่วโยวแล้วก็คงไม่มีใครในหอวิหคโลกันตร์สามารถสู้เขาได้อีก
“ของเหลวจื้อจุนสองแสนหยดนั้น ถือว่าเป็นกำลังช่วยจากหอวิหคโลกันตร์นะ” ถังปิงเสริม
พอได้ยินคำพูด มู่เฉินก็ได้แต่มองนางอย่างช่วยไม่ได้ ยัยคนเห็นแก่เงิน….
จิ่วโยวขมวดคิ้วมองมู่เฉินเอ่ยเสียงเบาๆ “แม้แต่ฉินจงยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย ถ้าเจ้าไป…ข้าคิดว่าโอกาสที่เจ้าจะชนะคงมีไม่สูง”
นางเข้าใจเกี่ยวกับพลังของมู่เฉินอยู่บ้าง แต่ชิวไท่ยิงรู้สึกจะไม่อยู่ในรายชื่อของคนที่มู่เฉินสามารถต่อกรได้ด้วยขุมพลังจื้อจุนขั้นสาม
ทั่วบริเวณเงียบกริบขณะที่ทุกคนเบนสายตาไปทางมู่เฉิน แม้แต่มั่นถัวหลัวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็ยังเลื่อนสายตามาช้าๆ
ชัดว่าทุกคนกำลังรอคอยคำตอบของมู่เฉินอยู่
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน มู่เฉินก็สูดหายใจลึก จากนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้า ในรอยยิ้มไม่มีแววหวาดกลัวใดๆ เลย
มองเห็นรอยยิ้มของมู่เฉิน จิ่วโยวกับถังปิงก็รู้ถึงการตัดสินใจของเขาแล้ว
เท้าของมู่เฉินแตะพื้นร่างก็พลิ้วลงบนลานพิธีภายใต้สายตานับไม่ถ้วน เขาประสานมือคารวะชิวไท่ยิงด้วยรอยยิ้ม เสียงก้องกังวานส่งผลให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทั่วบริเวณ
“มู่เฉินแห่งหอวิหคโลกันตร์ขอคำชี้แนะจากเจ้าสำนักชิวด้วย”