หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 821 บรรลุ
คุกน้ำแข็งที่สร้างจากน้ำแข็งดำพวยพุ่งด้วยไอเย็นสีดำสุดขั้ว
ความเย็นนี้สามารถแช่แข็งคลื่นหลิงได้เลยทีเดียว และตอนนี้ในคุกมู่เฉินก็ยืนนิ่งพร้อมกับประสานมือไว้ด้วยกัน
เมื่อมือประสานกัน เสียงครางกระหึ่มก็ดังขึ้นในร่างกาย จากนั้นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ไหลทะลักราวกับน้ำป่าไหลหลาก เติมเต็มแขนขาและกระดูกของเขา
แรงกดดันคลื่นหลิงที่ผันผวนรอบตัวพุ่งสูงในระดับน่าทึ่ง ซ้อนทับกันเป็นชั้นขณะผลักดันไปสู่ระดับที่ทรงพลังมากขึ้น
มู่เฉินได้รับโอกาสหลายอย่างในเขตหลงเฟิ่ง ดังนั้นคลื่นหลิงในร่างกายเขาจึงพุ่งสูงถึงระยะปลายสุดของระดับจื้อจุนขั้นสามแล้ว ทว่าเขารู้ว่าพัฒนาการของตนเองเร็วเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดจะบรรลุขุมพลังทันที เนื่องจากเกรงว่าจะเสี่ยงให้เกิดความไม่เสถียรในเรื่องรากฐานพลัง
ในเขตหลงเฟิ่งเขาชำระเลือดมังกรหงส์ไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่คิดจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นสี่ แม้ว่าเขาจะรู้ถ้าบรรลุขุมพลังดังกล่าวได้จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับตนเองที่จะจัดการกับโยวหมิง
ดังนั้นเขาจึงกดสิ่งนี้ไว้จนกระทั่งกลับมายังอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขาใช้เวลาครึ่งเดือนเก็บตัวเพื่อควบคุมการเพิ่มความแข็งแกร่งจากเขตหลงเฟิ่งอย่างเต็มที่ ดังนั้นตอนนี้คลื่นหลิงในร่างของมู่เฉินจึงอยู่ในสถานะสมบูรณ์แบบมาก
ตอนนี้เขาแค่ทำเพียงกระตุ้นคลื่นหลิงในร่างเล็กน้อย มันก็จะปล่อยคลื่นหลิงให้ไหลทะลักไปตามอำเภอใจทำให้เขาบรรลุขุมพลังไปได้ง่าย
ทุกสายตารอบลานพิธีมองไปที่คุกน้ำแข็ง หลายคนส่ายหน้าด้วยความเวทนา เพราะคิดว่ามู่เฉินล้มเหลวแล้ว
ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสามจะสามารถเผชิญหน้าได้
“พี่ใหญ่จิ่วโยว มู่เฉิน…” ถังปิงกับพรรคพวกอดไม่ได้ที่จะพูดเสียงต่ำ ความกังวลฉายบนใบหน้าทุกดวง
จิ่วโยวขมวดคิ้วจ้องมองคุกน้ำแข็ง จากสัมผัสเฉียบคม นางรับรู้ได้ถึงความผันผวนประหลาดที่แผ่ออกมาจากภายใน ดังนั้นนางจึงไม่ได้พูดอะไร
บนบัลลังก์ทอง ดวงตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวก็วูบไหวเล็กน้อย จากนั้นริมฝีปากก็เผยอขึ้น ไอ้นั่นก็ถือว่าไม่ไหว
“การต่อสู้น่าเบื่อถึงจุดจบแล้ว”
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน ชิวไท่ยิงก็ยิ้มอย่างไม่แยแส ในสายตาของเขาช่องว่างพลังระหว่างเขากับมู่เฉินห่างกันเกินไป มู่เฉินมีกลยุทธ์น่าทึ่งหลากหลายก็จริง แต่น่าเสียดายที่ยังไม่สามารถมช่องว่างระหว่างขุมพลังได้
ทว่าการได้บดขยี้ใครสักคนที่มีชื่อเสียงที่กระจายไปราวกับไฟลามทุ่งในภูมิภาคทางเหนือได้ ทำให้ชิวไท่ยิงรู้สึกสุขใจนัก แม้แต่อัจฉริยะโดดเด่นก็ยังเป็นคนที่เขาจัดการได้อย่างง่ายดายในสายตาเขา
ชิวไท่ยิงแสยะยิ้มในหัวใจ จากนั้นก็เหยียดมือไปในทิศทางของคุกน้ำแข็งดำก่อนจะเริ่มกำมือ
ตู้ม!
ทว่าขณะที่ชิวไท่ยิงกำมือเตรียมทำลายคุกน้ำแข็ง คลื่นหลิงเปล่งประกายก็ระเบิดออกราวกับภูเขาไฟ
ท่ามกลางไอความร้อนนั่นยังแผ่สายฟ้าไร้รูปร่าง ไม่ว่าจะเป็นเพลิงม่วงหรือสายฟ้าก็ต่างเป็นพลังขั้วหยางซึ่งรุนแรงอย่างยิ่ง เมื่อพุ่งออกมาก็ระเหยคุกน้ำแข็งจนหมด
“อะไรน่ะ?!” ใบหน้าของชิวไท่ยิงเปลี่ยนไปทันที
เสาคลื่นหลิงขนาดใหญ่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเสาแสงหายไป ร่างสูงโปร่งก็ปรากฏตัวบนท้องฟ้า
วาบ!
ทุกคนเบนสายตาไปยังทิศทางนั้น
นี่ยังคงเป็นภาพมู่เฉินผมยาวเหยียดที่มีดวงตาสีดำล้ำลึกน่ากลัว ทว่าตอนนี้คลื่นหลิงรอบตัวเขาได้แข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลายเท่า!
คลื่นหลิงที่พวยพุ่งฉับพลันทำให้ผู้คนอุทานออกมา “เขาบรรลุขุมพลังหรือ?!”
ผู้คนที่แสดงความสงสารบนใบหน้าอดอุทานไม่ได้ เนื่องจากไม่มีใครคิดว่ามู่เฉินจะบรรลุขุมพลังในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ ความสำเร็จของหนุ่มนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเทียบได้
“แต่ถึงแม้เขาจะบรรลุขุมพลังได้ ก็ยังเป็นแค่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ ช่องว่างพลังระหว่างเขากับชิวไท่ยิงยังห่างไกลนัก” บางคนส่ายหน้า เห็นได้ว่าพวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะสู้กับชิวไท่ยิงได้ ต่อให้เขาบรรลุขุมพลังแล้วก็ตาม เพราะการก้าวข้ามพัฒนาการของเขาเป็นแค่การถมช่องว่างให้ใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้เหนือกว่าอีกฝ่ายเลย
จอมยุทธ์หลายคนพยักหน้า ยังมีช่องว่างระหว่างจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่กับขั้นห้าอยู่
ภายใต้เสียงกระซิบรอบด้าน ใบหน้าของชิวไท่ยิงก็มืดครึ้มไปขณะมองมู่เฉิน เห็นชัดว่าสถานการณ์นี้ชักเหนือความคาดหมายของเขาแล้ว
“แม่ทัพมู่เฉินสมกับเป็นจอมยุทธ์หัวกะทิจริงๆ สามารถบรรลุขุมพลังได้แม้แต่ในเวลาเช่นนี้” ชิวไท่ยิงยิ้มบางเอ่ยต่อ “แต่ต่อให้เจ้าบรรลุเข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นสี่ ก็ไม่ได้มีผลอะไร ข้าแนะนำให้จบการต่อสู้นี้เถอะ ข้าคิดว่าตนเองคงไม่ยั้งมือได้อีกต่อไปแล้ว”
ได้ยินคำพูดนั่น มู่เฉินก็ตอบอย่างไร้อารมณ์ “งั้นใครจะถือเป็นผู้ชนะ?”
ใบหน้าของชิวไท่ยิงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมกับรอยยิ้มเยาะโค้งบนมุมปากเอ่ยเสียงราบเรียบ “ในเมื่อแม่ทัพมู่เฉินต้องการแยกผู้แพ้ผู้ชนะ งั้นข้าสงเคราะห์ให้แล้วกัน”
เมื่อพูดจบ ริ้วไอสังหารก็วูบวาบในดวงตา คำพูดก่อนหน้าถือว่าไว้หน้าให้มู่เฉิน แต่ใครจะคิดว่าเขาจะโอหังไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำกล้าถามกลับมาเช่นนี้
มือบางของชิวไท่ยิงกำขึ้น ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ คลื่นหลิงสีดำกวาดออกทุกทิศทาง ก่อเป็นกระบี่สีดำเมื่อมขนาดใหญ่ ฉีกผ่านมิติอย่างรวดเร็วฟาดฟันลงบนร่างมู่เฉิน
ดวงตาสีดำมืดของมู่เฉินวูบไหว แต่เขาก็ไม่ได้หลบ มือประสานกันขณะที่คลื่นหลิงไร้ขอบเขตโชติช่วงด้วยเพลิงสีม่วงและแล่นแปลบปลาบด้วยสายฟ้าไร้รูปทรงก็รวมตัวกันกวาดออกมา ปะทะกับกระบี่สีดำขนาดใหญ่ที่แผ่ความเย็นเยือก
ปัง!
พลังสองสายปะทะกัน แต่ครั้งนี้การโจมตีของชิวไท่ยิงไม่สามารถเอาชนะได้เหมือนก่อนหน้า ทั้งสองด้านอยู่ในสภาวะชะงักงัน ก่อนที่คลื่นหลิงจะขาดออกจากกัน เมื่อคลื่นหลิงแตกออก รอยร้าวก็ปรากฏขึ้นบนกระบี่สีดำเย็นเยือก
เห็นชัดว่าหลังจากเข้าสู่ระดับจื้อจุนขั้นสี่ คลื่นหลิงของมู่เฉินที่เคยหลอมรวมเพลิงอมตะกับสายฟ้าไร้รูปร่างก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไรมากในการปะทะกับชิวไท่ยิงแล้ว
อย่างน้อยก็เป็นไปไม่ได้ที่ชิวไท่ยิงจะปราบมู่เฉินไว้ได้เพียงเพราะแรงกดดันคลื่นหลิงแล้ว
ชิวไท่ยิงก็รู้สึกได้ถึงสถานการณ์นี้ ใบหน้าจึงมืดครึ้มลงอีกหลายส่วน
มู่เฉินยังคงสงบนิ่ง เมื่อเข้าสู่สภาวะฤทัยปีศาจ เขาอยู่ในสภาวะนิ่งสงบโดยสมบูรณ์ นี่เป็นสถานะการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบที่สุด เนื่องจากพลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นใหญ่หลวงในสภาวะนี้ นั่นเป็นเพราะเขาสามารถใช้ประโยชน์จากคลื่นหลิงทุกเส้นสายได้เต็มกำลัง ไม่มีส่วนใดสูญเปล่าเลย
“แม่ทัพมู่เฉินมีสามารถแท้จริง วันนี้ข้าจะดูว่าเจ้ามีกลยุทธ์อะไรบ้างกันแน่!” ชิวไท่ยิงสาดสีหน้าเย็นเยือก จากนั้นก็กระทืบเท้า ทันใดนั้นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็พวยพุ่ง ร่างสีดำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นพร้อมกับพลังมากล้นและหนาวเหน็บพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
นั่นคือร่างมหาจันทรา
เห็นชัดว่าชิวไท่ยิงเข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพาแรงกดดันคลื่นหลิงเพียงอย่างเดียวในการจัดการกับมู่เฉิน ดังนั้นเขาจึงต้องแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมา
เขาต้องให้มู่เฉินรู้ว่าต่อให้บรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่แล้ว ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของการดวลนี้ได้
ชิวไท่ยิงปรากฏตัวบนร่างมหาจันทรา สายตาคมกริบจ้องมองมู่เฉิน จากนั้นเขาก็กางมือบางออก คลื่นหลิงสีดำเมื่อมรวมตัวอย่างป่าเถื่อนที่ปลายนิ้ว จันทร์เสี้ยวสีดำเผยออกมาอีกครั้ง
ดวงตาทุกคนสั่นไหวขณะมองภาพนี้ ก่อนหน้าฉินจงก็แพ้ให้กับชิวไท่ยิงด้วยกระบวนท่านี้ ดังนั้นทุกคนจึงรู้ซึ้งถึงพลังของจันทร์เสี้ยวสีดำดี
ดวงตาสีดำของมู่เฉินกระเพื่อมไหว เขาสะบัดมือ ทำให้เกิดแสงสีทองพร่างพรายกวาดออกมาใต้ฝ่าเท้า ก่อนจะก่อร่างสีทองขนาดใหญ่ที่มีดวงตะวันสีทองลุกโชนลอยอยู่ด้านหลังศีรษะ
เรียกร่างเทพสุริยะออกมา คลื่นหลิงในบริเวณนี้ก็กระเพื่อมรุนแรง แสงสีทองกระจายออกไปทั่วฟ้าดิน แม้แต่ไอเย็นที่ไหลเวียนอยู่รอบร่างมหาจันทราก็ไม่สามารถรุกล้ำเข้ามาในขอบเขตแสงสีทองได้
ทุกคนบอกได้ว่าร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินน่าเกรงขามเพียงใด แม้จะเผชิญหน้ากับร่างเทห์สวรรค์ของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า ก็ไม่ได้ดูด้อยกว่าแม้แต่น้อย
“หึ!”
เห็นร่างเทพสุริยะใต้เท้ามู่เฉิน สายตาชิวไท่ยิงก็หดลง ชัดเจนที่เขารู้สึกว่าร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินพิเศษเพียงใด ทว่าเขาก็ทำเพียงแค่นเสียงเย็นในใจ ต่อให้ร่างเทห์สวรรค์ที่มู่เฉินฝึกจะไม่ธรรมดาและต่อให้เป็นร่างเทห์สวรรค์ที่ทรงพลังก็ต้องใช้คลื่นหลิงของผู้ฝึกมาสนับสนุนอยู่ดี
“ในเมื่อเจ้ามั่นใจในตัวเองนัก…”
รอยยิ้มเย็นโค้งบนมุมปากของชิวไท่ยิง อึดใจเขาก็หงายฝ่ามือขึ้นท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วน ทันใดนั้นคลื่นหลิงสีดำเมื่อมก็พวยพุ่งออกจากร่างมหาจันทรา รวมตัวกันภายใต้ฝ่ามือของชิวไท่ยิง จากนั้นทุกคนก็ต้องสูดหายใจลึกสุดปอด เพราะพวกเขาเห็นจันทร์เสี้ยวห้าดวงปรากฏอยู่ภายใต้ฝ่ามือชิวไท่ยิง
การดวลกันเมื่อครู่ ฉินจงไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่จันทร์เสี้ยวดำดวงเดียว แต่ตอนนี้มีทั้งหมดห้าดวง แม้ว่ามู่เฉินจะมีขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ เขาก็คงไม่สามารถต้านทานได้!
เห็นชัดว่าชิวไท่ยิงไม่คิดให้โอกาสมู่เฉินแล้ว เขาต้องการเอาชนะอีกฝ่ายอย่างเด็ดขาดภายใต้สายตาทุกคน!