หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 823 ไพ่ตายของมู่เฉิน
คลื่นหลิงรุนแรงกวาดออกมาราวกับพายุพัดอาละวาด
ร่างยักษ์แสงสองร่างปะทะกันอย่างหนักหน่วงบนท้องฟ้า ขณะที่ใบมีดจันทร์เสี้ยวกับเสาปีศาจฟาดกันอย่างรุนแรง ผลกระทบของคลื่นหลิงที่ระเบิดออกมาจากจุดปะทะทำให้แม้แต่มิติยังสั่นสะเทือน
ขณะที่ทั้งสองต่อสู้กันดุเดือด ร่างของมู่เฉินก็จมลงในร่างเทพสุริยะ ชัดว่าเขาใช้การป้องกันจากร่างเทพสุริยะเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีดุเดือดของชิวไท่ยิงในตอนนี้
“คิดว่าซ่อนตัวในร่างเทห์สวรรค์เหมือนเต่าในกระดองก็จะรอดรึ?” เมื่อเห็นการกระทำของมู่เฉิน ชิวไท่ยิงก็เอ่ยเยาะเย้ย ความโกรธที่เกิดจากการถูกมู่เฉินขัดขวางครั้งแล้วครั้งเล่าหายไป แทนที่ด้วยความสะใจยิ่งนัก
เพราะใครก็บอกได้ว่าชิวไท่ยิงเป็นฝ่ายเหนือกว่าทุกประตูในเวลานี้ โอกาสของความสำเร็จกลับมาอยู่ในมือเขาแล้ว
ชิวไท่ยิงเค้นเสียงขณะที่คลื่นหลิงในร่างระเบิดราวกับภูเขาไฟ ทำให้ไอเย็นเยือกรอบร่างมหาจันทราดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม การโจมตีที่ซัดใส่มู่เฉินก็รุนแรงยิ่งขึ้น
ภายใต้การโจมตีดุเดือดของชิวไท่ยิง แสงสีทองรอบร่างเทพสุริยะก็เริ่มบิดเบี้ยว เห็นชัดว่าแม้แต่ร่างเทพสุริยะก็ไม่อาจเลี่ยงการโจมตีจากชิวไท่ยิงและร่างมหาจันทราได้
เหล่าจอมยุทธ์รู้สึกเวทนากับความพ่ายแพ้ของร่างเทพสุริยะ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเยาะเย้ยมู่เฉิน เนื่องจากพวกเขารู้ว่าแค่ความจริงที่มู่เฉินสามารถบีบให้ชิวไท่ยิงต่อสู้ในลักษณะนี้ ทั้งที่เขาเพิ่งบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ก็น่าตกตะลึงมากแล้ว
เพราะแม้แต่ฉินจงที่อีกครึ่งก้าวจะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็ไม่อาจทำให้ชิวไท่ยิงเผชิญหน้าอย่างจริงจังได้
ทว่าท่ามกลางเสียงถอนหายใจอย่างสงสารของคนอื่นๆ เหล่าผู้บัญชาการกลับขมวดคิ้วและมองร่างเทพสุริยะที่พ่ายแพ้อย่างช้าๆ ด้วยความสงสัย
นั่นเป็นเพราะประสาทสัมผัสที่ว่องไวของพวกเขา ทำให้สัมผัสได้ว่าคลื่นหลิงมหาศาลรอบร่างเทพสุริยะค่อยๆ จางหายไป ราวกับว่าคลื่นหลิงของมู่เฉินแสดงสัญญาณว่าไม่อาจคงสภาพร่างเทห์สวรรค์ได้แล้ว
บางทีคนอื่นอาจคิดว่าเป็นเพราะการโจมตีของชิวไท่ยิง แต่พวกเขากลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น เนื่องจากพวกเขาทราบดีถึงความแข็งแกร่งของมู่เฉิน แม้ว่าชายคนนี้จะเยาว์วัย แต่กลยุทธ์นับไม่ถ้วนก็ทำให้จอมยุทธ์ที่มีขุมพลังเหนือกว่ายังต้องหวาดกลัว
ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกงุนงงอยู่ในใจเกี่ยวกับมู่เฉินที่แสดงท่าทีตกต่ำเช่นนี้ออกมา
มีเพียงมั่นถัวหลัวกับสามจอมพลเท่านั้นที่แววตาเป็นประกายขณะที่มองร่างเทพสุริยะอย่างอัศจรรย์ใจ
ท่ามกลางแสงของร่างเทพสุริยะที่หม่นลงเรื่อยๆ พวกเขาเหมือนจะรู้สึกถึงระลอกคลื่นพลังประหลาดจางๆ ทว่าพวกเขาก็ไม่สามารถระบุได้ชัด เนื่องจากถูกคลื่นหลิงมหาศาลของร่างเทพสุริยะปกคลุมไว้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่ามู่เฉินไม่ได้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างที่ทุกคนคิด ดูเหมือนเขากำลังแอบเตรียมการบางอย่างอยู่
หลังจากตระหนักได้ถึงจุดนี้ มั่นถัวหลัวและสามจอมพลก็อดไม่ได้ที่จะใคร่รู้ขึ้นมา พวกเขาอยากรู้เหมือนกันว่ามู่เฉินจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างไร
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน คลื่นหลิงที่ผันผวนบนท้องฟ้าก็เกรี้ยวกราดมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าชิวไท่ยิงไม่ต้องการให้การต่อสู้นี้ยืดเยื้อออกไปอีกแล้ว ดังนั้นการโจมตีจึงดูดุดันมากขึ้น ดาบจันทร์เสี้ยวกวาดข้ามร่างเทพสุริยะราวกับสายฟ้าแลบ ทำให้รอยร้าวปรากฏบนร่างสีทอง
“ถึงเวลาจบศึกแล้ว!”
ชิวไท่ยิงยืนอยู่บนศีรษะร่างมหาจันทราขณะมองร่างเทพสุริยะที่กำลังหม่นแสงลงด้วยสายตาเย็นชาแฝงรังสีสังหารวาบไหว จากนั้นเขาก็วาดตราประทับขึ้นฉับพลัน คลื่นหลิงพุ่งเข้าไปในร่างมหาจันทราราวกับคลื่นน้ำ
ฮึ่ม!
แสงสีดำมืดปรวนแปรรอบร่างมหาจันทรา จากนั้นมันก็เปล่งเสียงคำรามลึกต่ำก่อนคลื่นหลิงจะรวมตัวบนหมัดของมันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นหมัดน้ำแข็งสีดำขนาดใหญ่
“หมัดมหาจันทรา!”
ชิวไท่ยิงตะเบ็งเสียง หมัดน้ำแข็งดำทะลวงผ่านมิติ ทำให้สะเก็ดน้ำแข็งดำปรากฏบนชั้นบรรยากาศรอบๆ หมัดขนาดใหญ่ ไอเย็นเยือกแผ่ออกมาอย่างน่ากลัว
หมัดของชิวไท่ยิงใช้พลังระดับจื้อจุนขั้นห้าถึงจุดขีดสุด เมื่อรวมกับพลังของร่างมหาจันทราเข้าไปด้วยแล้ว ก็กลายเป็นการโจมตีที่สามารถทำลายสวรรค์ได้
ดวงตาของจอมยุทธ์หลายคนสั่นสะท้าน พวกเขาสัมผัสได้ว่าหมัดนั้นร้ายกาจเพียงใด
เผชิญหน้ากับการจู่โจมรวดเร็วเช่นนี้ ร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินก็ไม่สามารถหลบหลีกได้ ทำได้เพียงมองหมัดน้ำแข็งดำทะลวงผ่านมิติซัดลงบนอกของร่างเทพสุริยะอย่างรวดเร็ว
ตู้ม!
ทันทีที่เกิดการปะทะ มิติก็กระเพื่อมไหว ทำให้เกิดผลกระทบจากคลื่นหลิงน่ากลัวพัดอาละวาดจากหมัดน้ำแข็ง ทุกคนต่างเห็นรอยร้าวแผ่ขยายบนร่างเทพสุริยะคลุมทั่วทั้งตัวราวกับแตกลายงา
จบแล้ว
ผู้คนถอนหายใจอย่างสงสาร การโจมตีเช่นนี้แม้แต่ร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินก็ไม่สามารถทนได้ หลังจากสูญเสียร่างเทพสุริยะแล้ว มู่เฉินก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับชิวไท่ยิงได้อีกต่อไป
ผลของการต่อสู้ครั้งนี้ถูกกำหนดแล้ว
ปัง!
รอยร้าวเพิ่มขึ้นบนร่างเทพสุริยะ ก่อนที่แสงสีทองจะพุ่งออกจากช่องว่างระหว่างรอยร้าวและระเบิด สุดท้ายร่างเทพสุริยะก็ไม่สามารถต้านทานได้พังทลายลง!
ชิวไท่ยิงยืนอยู่บนร่างมหาจันทรามองลงมาด้วยดวงตาสะท้อนแสงสีทอง เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็นตรงมุมปาก หลังจากทำลายร่างเทห์สวรรค์ของมู่เฉินได้แล้ว อีกฝ่ายก็ไม่มีโอกาสใดๆ ในการประลองครั้งนี้ ต่อให้มีกลยุทธ์ไม่ธรรมดาก็ตาม
เขาเป็นคนหัวเราะดังท้ายที่สุด ตำแหน่งผู้บัญชาการลำดับสิบแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เป็นของเขา—ชิวไท่ยิง!
“ฮ่าๆๆๆ”
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ขนาดคนนิสัยอย่างชิวไท่ยิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา มิหนำซ้ำเสียงหัวเราะยังดังก้อง ทุกคนรับรู้ได้ถึงความเบิกบานใจในเนื้อเสียงหัวเราะนั่น
แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าแย้งกับความพอใจของชิวไท่ยิง เพราะจากนี้เป็นต้นไปเขาจะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการลำดับสิบแห่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์ มีคนตำแหน่งสูงกว่าเขาเพียงสี่ตำแหน่งเท่านั้น เขานับได้ว่าเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง
เมื่อแสงสีทองโชติช่วงกระจายไปทั่วบริเวณ ชิวไท่ยิงก็ยังไม่หยุดหัวเราะ ทว่าเหล่าผู้บัญชาการที่ยังสังเกตแสงสีทองอยู่กลับดวงตาหดลงพร้อมกับแววตกตะลึงฉายบนใบหน้า
บนบัลลังก์ทอง ดวงตาสีทองคำของมั่นถัวหลัววาบวับ ขณะที่สามจอมพลก็อึ้งไปเล็กน้อย
เวลาเดียวกันกับการรับรู้ของพวกเขา เสียงเรียบนิ่งเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในบริเวณนี้ที่เต็มไปด้วยแสงสีทองระยิบระยับ
“ไม่เร็วไปหรือที่จะเฉลิมฉลอง?”
แม้เสียงนั้นจะไม่ชัดเจน แต่ก็ทำให้เสียงบ่นจิ๊จ๊ะด้วยความเวทนาเงียบลงทันทีพร้อมกับความแตกตื่นกวนตัว
มู่เฉินยังไม่แพ้อีกเรอะ? !
จอมยุทธ์หลายคนมีสีหน้าไม่อยากเชื่อแรงกล้าบนใบหน้า
เสียงหัวเราะของชิวไท่ยิงหยุดชะงัก สีหน้าของเขาเขียวคล้ำขณะมองไปทางทิศที่แสงสีทองกำจายออกมาพลางเอ่ยน้ำเสียงน่าขนลุก “ป่านนี้แล้วยังปากดีอีก คิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าแกรึไง?!”
รังสีสังหารพวยพุ่งในดวงตาของชิวไท่ยิง จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อ พายุรุนแรงกวาดออกพัดพาแสงสีทองออกไป
เมื่อแสงสีทองสลายตัว สถานการณ์ของมู่เฉินก็เผยต่อหน้าทุกคน ทำให้ทั่วบริเวณที่โกลาหลแต่เดิมเงียบกริบลงทันที หลายคนอดไม่ได้ที่จะอ้าปากตาค้าง
“นั่นมัน…”
ม่านตาของชิวไท่ยิงหดลงเมื่อมองตรงไป ตอนนี้มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้าด้วยสีหน้าขาวซีด โดยมีดอกบัวดำสี่ดอกลอยคว้างอยู่รอบตัวเขา
แม้ว่าดอกบัวทั้งสี่จะไม่มีการกระเพื่อมของคลื่นหลิงออกมา แต่ก็มองเห็นลวดลายโบราณนับไม่ถ้วนบนกลีบบัวที่เปล่งแสงเบาบาง แผ่คลื่นความผันผวนน่ากลัวออกมา
“นั่นคือ…ค่ายกล?!”
ซิวหลัวและคนอื่นๆ อุทานอย่างตกตะลึง แม้ว่าดอกบัวดำทั้งสี่จะดูเหมือนสงบนิ่ง แต่พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงแปลกประหลาดกระเพื่อมออกมา
นี่คือความผันผวนของค่ายกล!
ยิ่งกว่านั้นยังไม่ใช่ค่ายกลขั้นต่ำอีกด้วย!
นั่นเป็นเพราะแม้แต่พวกเขายังรู้สึกสะพรึงกับดอกบัวดำสี่ดอกขึ้นมาเหมือนกัน!
“ซื้ด…”
เสียงคนจำนวนมากสูดหายใจดัง ทุกคนต่างมีสีหน้าตกตะลึงและหวาดผวา เห็นชัดว่าพวกเขาอึ้งไปกับกระบวนท่าครั้งนี้ของมู่เฉิน
ใครจะคิดว่าภายใต้พลังแข็งแกร่งที่น่าทึ่งขนาดนี้ มู่เฉินยังมีตัวตนเป็นหลิงเจิ้นซืออีกด้วย!
ตอนนี้ทุกคนถึงได้เข้าใจว่าทำไมมู่เฉินถึงซ่อนอยู่ในร่างเทห์สวรรค์ ที่แท้เขาไม่ได้หลบหนีการต่อสู้ แต่กำลังใช้ร่างเทห์สวรรค์เป็นปราการป้องกันเพื่อสร้างค่ายกลอย่างเงียบ ๆ ต่างหาก!
“ค่ายกลที่ก่อร่างจากดอกบัวดำทั้งสี่ไม่ธรรมดาแน่นอน… ค่ายกลทรงพลังเช่นนี้มีแต่หลิงเจิ้นต้าซือระดับตี้เท่านั้นที่สามารถทำได้!” มีบางคนร้องออกมา
ค่ายกลที่สร้างโดยหลิงเจิ้นต้าซือระดับตี้เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าก็ไม่กล้าจะเผชิญหน้าโดยตรง!
“เป็นไปไม่ได้!”
ใบหน้าของชิวไท่ยิงเขียวคล้ำขณะที่แผดเสียงคั่งแค้น เขาไม่คิดเลยว่าชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อมมือจะเกิดเหตุการณ์จะตาลปัตรแบบนี้
“ข้าไม่เชื่อว่าแกเป็นหลิงเจิ้นต้าซือระดับตี้ ของดีแค่ภายนอกแบบนี้ใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก!” ชิวไท่ยิงตะโกนลั่น ใบหน้าบิดเบี้ยวไปหมด
ใบหน้าขาวซีดของมู่เฉินมองชิวไท่ยิงที่มีสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างเฉยเมย เขาไม่ได้พูดอะไรให้มากความ เพียงแค่เหยียดนิ้วออกแตะบนมิติตรงหน้า ก่อนเสียงนุ่มนวลจะดังขึ้นในใจ
ค่ายกลบัวยมทูตสมบูรณ์แบบ—ทำงาน!