หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 827 ของเหลวหลิงเสิน

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 827 ของเหลวหลิงเสิน

มู่เฉินยื่นมือออกรับขวดหยกอย่างรวดเร็ว

สายตามองเลือดกลั่นสีต่างๆ ที่บรรจุคลื่นหลิงบริสุทธิ์และทรงพลังอย่างยิ่ง เขาอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้น

ด้านหน้าตรงมิติบิดเบี้ยวก็คือมั่นถัวหลัวที่ยืนอยู่ ความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางเผยออกมา เมื่อเห็นสายตาของมู่เฉิน นางก็จือปากอย่างไม่พอใจ

“นี่คือเลือดเทพอสูรเหรอ? เจ้าไปซื้อมาจากโรงประมูลหรือ?” มู่เฉินถือขวดหยกทั้งสิบพร้อมกับข่มความลิงโลดในใจขณะเอ่ยถาม

“ก็ใช่น่ะสิ หรือเจ้าอยากให้ข้าตามล่าพวกเทพอสูรแล้วสังหารคั้นเลือดออกมาล่ะ? เจ้าคิดหรือว่าเทพอสูรพวกนั้นเป็นสัตว์อ่อนแอที่สังหารได้ง่ายๆ รึไง?”

มั่นถัวหลัวกลอกตาใส่มู่เฉินเอ่ยต่อ “เพื่อเลือดกลั่นเทพอสูรพวกนี้ ข้าต้องจ่ายของเหลวจื้อจุนปริมาณมหาศาล โชคดีที่โรงประมูลพวกนั้นยังเห็นว่าข้าเป็นผู้ปกครองอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ก็เลยขายพวกมันให้ข้าในราคาที่ถูกหน่อย ไม่อย่างนั้นถ้าเป็นคนอื่นต่อให้มีของเหลวจื้อจุนอยู่มากแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อพวกมันได้หรอก”

เมื่อได้ยินมู่เฉินก็พยักหน้าเขารู้ว่าเลือดเทพอสูรที่เขาต้องการไม่ใช่ของธรรมดา โดยมีหนึ่งหรือสองตัวจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ของบันทึกหมื่นอสูร โดยทั่วไปแล้วแก่นเลือดเทพอสูรพวกนี้หายากและมีราคาสูง จึงเป็นเรื่องยากที่จะรวบรวมในคราเดียวได้

เหตุผลที่โรงประมูลยอมขายเลือดเทพอสูรให้กับมั่นถัวหลัว ก็เพราะพวกเขาเห็นนางเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน ไม่เช่นนั้นหากมู่เฉินไปด้วยตัวเอง ก็คงจะกลับมามือเปล่า

“ขอบใจนะ”

มู่เฉินถือขวดหยกเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ เขารู้ว่าการให้มั่นถัวหลัวไปรวบรวมเลือดเทพอสูรที่เขาต้องการแทนรางวัลมีการโกงนางอยู่บ้าง เพราะจากมุมมองหนึ่งเขาก็มีความรับผิดชอบในการแก้ต่างเรื่องของมั่นถัวหลัวในฐานะสมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์และไม่มีคุณสมบัติที่จะเสนอเงื่อนไข

ไม่เพียงแต่มั่นถัวหลัวจะไม่ถือเรื่องนี้ นางยังใช้ความพยายามและเงินทองมหาศาลในการรวบรวมแก่นเลือดเทพอสูรมาให้เขา หลายวันที่ผ่านมานางไม่ได้ปรากฎตัวเลย ดูจากท่าทางเหนื่อยล้าของนาง เขาก็เดาได้ว่าช่วงนี้นางคงตระเวนไปทั่วในภูมิภาคทางเหนือเพื่อรวบรวมแก่นเลือดเทพอสูรเหล่านี้มา

การกระทำของนางทำให้มู่เฉินรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา

ใบหน้ามั่นถัวหลัวที่รู้สึกไม่ค่อยพอใจหลังเดินทางไปทั่วในตอนแรก ก็ฉายแววไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำขอบคุณอย่างจริงใจจากมู่เฉิน ในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ทุกคนต่างเคารพเทิดทูนนาง เป็นไปไม่ได้เลยที่คนอื่นจะปฏิบัติกับนางเหมือนที่มู่เฉินทำ เพราะนางรู้สึกได้ว่าเมื่อมู่เฉินพูดคุยกับนาง เขาไม่ได้ปฏิบัติกับนางในฐานะประมุขแต่เป็นสหายคนหนึ่ง

นี่เป็นความรู้สึกที่ทำให้นางสบายใจ บางทีอาจเป็นเพราะความรู้สึกนี้ทำให้นางปิดหูปิดตากับการกระทำท้าทายในบางครั้งของมู่เฉิน

แต่ด้วยความภาคภูมิใจที่ฝังลึกในกระดูก นางก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาให้เห็น ดังนั้นใบหน้าของนางจึงตึงขึ้นพร้อมกับเอ่ยท่าทีเป็นการเป็นงาน “ในฐานะประมุข ข้าต้องทำตามวาจาตนเอง เจ้าช่วยข้าจัดการชิวไท่ยิง ดังนั้นแก่นเลือดเหล่านี้เป็นรางวัลสำหรับเจ้า”

มู่เฉินยิ้ม ไม่หยอกล้อกับเจ้าดินแดนหยิ่งทระนงตัวน้อยอีก “แล้วตอนนี้เรื่องของชิวไท่ยิงเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”

พอพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของมั่นถัวหลัวก็ค่อยๆ ขรึมลง “เป็นอย่างที่ข้าคิด ตำหนักสุดนภาส่งสายลับแฝงเข้ามาในอาณาเขตกงเวทสวรรค์หลายคนและชิวไท่ยิงก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ข้าจัดการง้างปากเอารายชื่อมาแล้ว ต่อไปก็แค่ตามน้ำไปลากพวกคนต้องสงสัยมาจัดการให้เร็วที่สุด”

มู่เฉินพยักหน้า เรื่องนี้เขาช่วยอะไรไม่ได้ แต่ด้วยความสามารถของมั่นถัวหลัวก็คงจัดการได้อย่างละเอียด

“ยังมีเวลาอีกสองเดือนก่อนจะถึงสงครามล่า… เจ้าบอกข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสงครามมั่งได้ไหม? ตอนนี้ข้าก็เป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตกงเวทสวรรค์… ดังนั้นหากเป็นไปได้ข้าก็อยากจะมีส่วนร่วมเช่นกัน” มู่เฉินถามขณะมองมั่นถัวหลัวหลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง

แม้เขาจะได้ยินมามากเกี่ยวกับสงครามล่า แต่ก็ยังไม่รู้รายละเอียดมากนัก

มั่นถัวหลัวเหลือบมองมู่เฉินก่อนจะยืดเอวนั่งลงข้างเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉื่อยเนือย “จริงๆ แล้วไม่มีอะไรพูดมากนักหรอก สงครามล่าเป็นสงครามโหดร้ายที่กฎการอยู่รอดนิยามได้ตรงที่สุด แม้ว่าจะมีขั้วอำนาจชั้นยอดมากมายในภูมิภาคทางเหนือ แต่ก็เหมือนกับสถานที่หนึ่งที่หมาป่ามารวมตัวกัน ไม่ใช่สถานที่ที่เสือเป็นเจ้าป่าหรอกนะ”

“งั้นสงครามล่าก็คือมีหมาป่าอยากจะเป็นเสือใช่ไหม?” มู่เฉินถามขณะที่ดวงตาวูบไหว

“ในโลกนี้ไม่ขาดคนทะเยอทะยานหรอก” มั่นถัวหลัวพูดต่อ “มีเพียงการรวมภูมิภาคทางเหนือเป็นหนึ่งถึงจะโดดเด่นขึ้นในทวีปเทียนหลัว จนกลายเป็นหนึ่งในขั้วอำนาจยอดเยี่ยมของมหาพันภพได้”

“นี่เป็นกฎที่ไม่ได้พูดในภูมิภาคทางเหนือ ไม่มีใครรู้ว่าสืบทอดมาตั้งแต่เมื่อไร แต่เมื่อใดที่กฎตายตัวก็ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ เพราะถ้าเปลี่ยนแปลงก็หมายความว่าต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับขั้วอำนาจทุกแห่ง”

“ดังนั้นสงครามล่าจึงสืบทอดกันจนถึงทุกวันนี้ แต่จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่มีเสือปรากฏตัว… แต่ข้าคิดว่าอาจจะปรากฏตัวในครั้งนี้ก็ได้” เมื่อพูดถึงจุดนี้ แสงสายหนึ่งก็วาบผ่านม่านตาสีทองคำของมั่นถัวหลัว

มู่เฉินตกใจเล็กน้อยมองไปที่มั่นถัวหลัว “ทำไมเหรอ?”

“เจ้ารู้ตำแหน่งของสงครามล่าหรือไม่?” มั่นถัวหลัวหันหน้ามาและเอ่ยถาม

มู่เฉินอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า “สมรภูมิหยุ่นลั้ว?”

สมรภูมิหยุ่นลั้วคือดินแดนต้องห้ามในภูมิภาคทางเหนือ ว่ากันว่าในยุคโบราณเมื่อจักรวรรดิปีศาจต่างมิติบุกเข้ามาในมหาพันภพ สงครามก็กระจายเข้ามาในภูมิภาคทางเหนือ เกิดเป็นสงครามทำลายล้างมหาทวีปแห่งนี้

และสมรภูมิหยุ่นลั้วก็เป็นหนึ่งในสมรภูมิของเหตุการณ์ครั้งนั้น จอมยุทธ์จำนวนมากล้มหายตายจากในสงคราม ดังนั้นคนรุ่นหลังจึงเรียกสถานที่แห่งนั้นว่าสมรภูมิหยุ่นลั้ว ความโหดร้ายก็เห็นได้จากชื่อที่บ่งบอกถึงการตายตกตามกันไป

สมรภูมิหยุ่นลั้วมีชื่อเสียงมากในภูมิภาคทางเหนือ เนื่องจากมีมรดกจำนวนมากอยู่ในนั้น มีกระทั่งมรดกของจอมยุทธ์ตี้จื้อจุน ดังนั้นจึงดึงดูดคนจำนวนมากให้เข้าไป

แต่มีน้อยคนที่เข้าไปค้นหาสมบัติในสมรภูมิหยุ่นลั้วจะกลับออกมาได้ นั่นเพราะมีจอมยุทธ์จำนวนมากล้มตายอยู่ในสมรภูมิหยุ่นลั้ว ทำให้คลื่นหลิงภายในรุนแรงราวกับภูเขาไฟ เกิดพายุผลึกวิญญาณก่อตัวขึ้นเป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังหวาดกลัว

ดังนั้นเมื่อจำนวนคนที่ตายตกอยู่ในสมรภูมิหยุ่นลั้วมีมากขึ้นเรื่อยๆ ที่นั่นจึงกลายเป็นดินแดนชั่วร้ายต้องห้ามของภูมิภาคทางเหนือ

“ถูกต้อง สมรภูมิหยุ่นลั้ว” มั่นถัวหลัวพยักหน้าเอ่ยต่อ “ในยุคโบราณมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนบางคนสิ้นชีพในนั้น ซึ่งจุดประสงค์ของสงครามล่าครั้งนี้ก็คือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเหล่านั้น”

สายตามู่เฉินหดลง

“รู้จักของเหลวหลิงเสินไหม?” มั่นถัวหลัวถามขึ้นอีกครั้ง

มู่เฉินส่ายหน้างงๆ

“เมื่อจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนดับสูญ จุดจื้อจุนไห่จะสลายลงเมื่อเวลาผ่านไปและเมื่อจุดจื้อจุนไห่สลายจนถึงขีดสุด ก็จะก่อตัวเป็นของเหลวหลิงเสิน สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน” มั่นถัวหลัวเลียริมฝีปากเบาๆ พูดถึงของเหลวหลิงเสินแม้แต่ดวงตาของนางก็ยังฉายแววละโมบ

“ของเหลวหลิงเสินเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนอย่างพวกเรา… แต่พายุผลึกวิญญาณในสมรภูมิหยุ่นลั้วน่ากลัวมาก มีเพียงช่วงเวลาพิเศษที่พายุจะอ่อนกำลังลง ถึงตอนนั้นสงครามล่าก็จะเริ่มขึ้น”

“หมู่ตึกเทวะเข้าสู่สงครามล่ามาทั้งหมดห้าครั้งและเป็นสำนักที่ได้รับของเหลวหลิงเสินมากที่สุดในบรรดาขั้วอำนาจสูงสุดของภูมิภาคทางเหนือ… จากที่ข้ารู้มา ประมุขหมู่ตึกเทวะอยู่ในระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นระยะปลายสุดและสัมผัสขั้นปลายแล้ว หากเขาได้รับของเหลวหลิงเสินในครั้งนี้อีก เขาก็อาจบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายได้สำเร็จ”

“นอกจากเขาก็ยังมีจวนยมโลกกับประมุขขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ที่มีความเป็นไปได้เช่นกัน…”

สีหน้าของมั่นถัวหลัวเคร่งขรึมลง “และเมื่อจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายปรากฏตัว ก็จะไม่มีใครในภูมิภาคทางเหนือหยุดยั้งเขาได้ ถึงตอนนั้นเขาก็จะกลายเป็นพยัคฆ์ รวบรวมภูมิภาคทางเหนือให้เป็นปึกแผ่น”

“ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย?” มู่เฉินขมวดคิ้ว ระดับนั้นช่างห่างไกลและไม่คุ้นเคยกับเขา

มั่นถัวหลัวเหลือบตามองมู่เฉินและอธิบาย “มีการแบ่งขั้นในระดับตี้จื้อจุนเหมือนกัน ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสามขั้นได้แก่ต้น-ปลาย-เต็ม”

“ทุกขั้นมาพร้อมกับช่องว่างพลังขนาดใหญ่ ตอนนี้ในภูมิภาคทางเหนือประมุขทั้งหลายมีขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นเท่านั้น ทันทีที่ประมุขหมู่ตึกเทวะบรรลุขุมพลังในสงครามล่าครั้งนี้ สถานการณ์ก็จะลำบากอย่างมาก”

สายตาของมู่เฉินเคร่งขรึมลงเช่นกัน นี่คือโลกของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนสินะ แต่ไม่คิดเลยว่าความแตกต่างระหว่างแต่ละขั้นในระดับตี้จื้อจุนจะมากขนาดนี้

ฟังจากคำพูดของมั่นถัวหลัว เขาก็บอกได้ว่าของเหลวหลิงเสินมีแรงดึงดูดบรรดาจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนมากเพียงใด

และที่มาของสงครามล่าอันโหดร้ายนี้ก็คงเป็นของเหลวหลิงเสิน

“ไม่รู้ว่าท่านปู่ของลั่วหลีอยู่ในขั้นไหนแล้ว?” ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจของมู่เฉินขณะที่นึกถึงตอนที่พบกับลั่วเทียนเสิ่นในสำนักศึกษาเป่ยชาง แต่จากการคาดเดาของเขา ลั่วเทียนเสิ่นน่าจะแข็งแกร่งกว่ามั่นถัวหลัว

“สงครามล่านี้คงจะเป็นสงครามสั่นสะเทือนที่สุดในประวัติศาสตร์..” มั่นถัวหลัวยิ้มบางขณะเงยหน้าขึ้น ในดวงตาไม่ปรากฏแววหวาดกลัว กลับเต็มไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้ลุกโชน

นางมองขอบฟ้าไกลโพ้นรอยยิ้มสายหนึ่งผุดบนมุมปาก

“มาดูกันว่าครั้งนี้ใครจะบรรลุก่อนกัน!”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset