หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 829 เทพอสูรร่างมนุษย์

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 829 เทพอสูรร่างมนุษย์

ซ่า!

น้ำสีแดงเลือดกลิ้งตัวไม่จบสิ้นโถมซัดในบ่อหิน อสรพิษเลือดก่อตัวอย่างต่อเนื่องและกัดฉกมู่เฉิน เผยนิสัยก้าวร้าวออกมา

ทว่าลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าดูเหมือนจะถูกท้าทายจากปฏิกิริยาของเลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณ จึงเปล่งเสียงคำรามที่รุนแรงออกมา ทำให้อสรพิษเหล่านี้แตกสลายและดูดถูกเข้าไปในลวดลาย

เมื่อเลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณเทเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าของมู่เฉินก็ค่อยๆ สว่างขึ้น แต่ขณะเดียวกันความเจ็บปวดที่ไม่อาจอธิบายก็ปะทุเปรี้ยงปร้างออกมาจากร่างของมู่เฉิน

ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้ใบหน้ามู่เฉินซีดลงหลายส่วน เมื่อเลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณเข้าสู่ร่างกายและก็เริ่มสร้างหายนะขึ้นที่ภายใน แก่นเลือดเทพอสูรดังกล่าวมีความป่าเถื่อนเปี่ยมไปด้วยพฤติกรรมก้าวร้าว แต่มู่เฉินก็ไม่สามารถจัดการสยบได้ เนื่องจากจะไปรบกวนการปลุกวิญญาณแท้จริง หากกระบวนการนี้จบลงที่ความล้มเหลว เขาก็หน้าด้านไม่พอจะไปบอกมั่นถัวหลัวให้รวบรวมเลือดกลั่นมาเพื่อเขาอีกครั้ง

“เวรเอ๊ย!” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะสบถ หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายเขาจะยุ่งเหยิงไปหมดด้วยแก่นเลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณ จนตอนนี้เขาถึงตระหนักได้ว่าเป็นเรื่องยากเย็นในการฝึกคัมภีร์หลงเฟิ่งขนาดไหน

ยิ่งกว่านั้นนี่ยังเป็นการชำระเลือดเทพอสูรชนิดแรกเท่านั้น! ถ้าแค่นี้เขายังไม่สามารถทนได้ เขาจะทนต่อแก่นเลือดอีกเก้าชนิดได้อย่างไร?

มู่เฉินขมวดคิ้ว สายตาวูบไหวขณะนึกถึงวิธีการที่จะจัดการกับเรื่องนี้ แต่ไม่นานแสงสายหนึ่งก็วาบขึ้นในดวงตาขณะรอยยิ้มเย้ยหยันเผยบนมุมปาก

“เลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณ ดุนักใช่ไหม ได้…ในร่างข้ายังมีบางอย่างที่ดุกว่าแกอีก!”

มู่เฉินหลับตาลงขณะแสงสีทองเข้มเบ่งบานบนพื้นผิวหนัง เส้นใยสีทองเข้มเปล่งประกายในเลือดเขาจากนั้นเสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าก็ดังสะท้อนจากภายใน

พวกมันก็คือแก่นเลือดมังกรหงส์!

มู่เฉินได้ดูดซับแก่นเลือดมังกรหงส์ปริมาณมหาศาลเอาไว้เพื่อสร้างกายามังกรหงส์ ดังนั้นจึงมีร่องรอยรัศมีแท้จริงที่เป็นของมังกรและหงส์ฟ้าอยู่ในร่างกาย

แม้ว่าลำดับของอสรพิษเก้าหัวโบราณจะไม่ต่ำนัก แต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่าเทพอสูรอย่างมังกรกับหงส์ฟ้า

ดังนั้นเมื่อแสงสีทองกระจายออกมาพร้อมเสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้า เลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณที่กำลังอาละวาดในร่างเขาก็เหมือนเผชิญคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ แสงสีทองปกคลุมเข้ามาทำให้เลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณพากันหนี สุดท้ายภายใต้การไล่ล่าของมู่เฉินก็ถูกดูดกลืนเข้าไปในลวดลายมังกรและหงส์ฟ้า

ด้วยความช่วยเหลือของเลือดมังกรหงส์ ทำให้สถานการณ์ของมู่เฉินกลับมาดีขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาตั้งสติเริ่มดูดซับเลือดอสรพิษเก้าหัวโบราณเข้าไปอย่างเต็มที่…

และการดูดซับนี้ก็คงอยู่ถึงสี่วัน

ในช่วงสี่วัน มู่เฉินสามารถสัมผัสได้เลือนรางถึงบางสิ่งที่ค่อยๆ ฟื้นคืนชีวิตกลับมาบนแผ่นอกและแผ่นหลังเขา

ในตอนเย็นวันที่สี่ ระดับน้ำในบ่อหินก็แห้งขอด เมื่อน้ำเลือดหมดไป มู่เฉินก็พลิกนิ้ว ครั้งนี้ขวดหยกสองขวดแตกออกพร้อมกันหยดเลือดต่างสีหล่นลงมา เปลี่ยนเป็นน้ำเลือดเดือดพล่านปกคลุมร่างของมู่เฉินไว้ภายในอีกครั้ง

มู่เฉินนั่งอยู่ที่ก้นบ่อหินไม่เคลื่อนไหว ลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าเรืองรองมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยจำนวนแก่นเลือดเทพอสูรที่หลั่งไหลเข้าไปในลวดลายมากขึ้น พวกมันดูมีชีวิตชีวามากขึ้นเลยทีเดียว

ใยเลือดสีแดงเข้มค่อยๆ ปกคลุมผิวกายของมู่เฉิน ขณะที่พวกมันโอบล้อมรอบตัวเขา

ในเวลาครึ่งเดือนต่อมา มู่เฉินไม่เคยก้าวออกจากบ่อหินเลย เมื่อแก่นเลือดเทพอสูรหยดลงในบ่อมากขึ้น กลิ่นคาวเลือดก็กลายเป็นแสงสีเลือดพวยพุ่งขึ้นสู่ขอบฟ้า สร้างความแตกตื่นให้กับหอวิหคโลกันตร์

ความปั่นป่วนนี้ทำให้แม้แต่จิ่วโยวที่เก็บตัวฝึกยุทธ์ยังตกใจ นางพุ่งตัวเข้ามาในบ่อหิน เมื่อตรวจดูว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับมู่เฉิน นางถึงได้โล่งใจและสั่งให้ปิดบริเวณนี้ไว้

“เจ้านี่ชักบ้าบิ่นเกินไปแล้ว” จิ่วโยวยืนอยู่ด้านนอกบ่อหิน มองมู่เฉินที่กำลังฝึกที่ก้นบ่อก่อนจะส่ายหน้าจนใจ ฝึกแบบนี้ยังไม่ให้ใครมายืนคุ้มกันอีก ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร

แม้ว่านางจะตำหนิมู่เฉิน แต่นางก็วางการฝึกไว้ก่อนและนั่งอยู่ด้านนอกคุ้มกันเขา

“แก่นเลือดพวกนี้…” เมื่อจิ่วโยวนั่งลง นางก็สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงรุนแรงในบ่อเลือด ทันใดนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปพร้อมกับความประหลาดใจวูบไหวในดวงตา

“เจ้านี่กำลังฝึกวิชาอะไรอยู่ถึงต้องใช้เลือดเทพอสูรมากขนาดนี้?” หัวใจของจิ่วโยวสั่นไหวขณะสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดลงหลายส่วน แม้ว่าแก่นเลือดเทพอสูรจะสามารถชำระกายได้ แต่พวกมันส่วนมากก็ครอบงำเกินไป ไม่อาจดูดซับไว้ได้โดยง่าย ไม่ต้องพูดถึงมู่เฉินที่พยายามจะดูดซับแก่นเลือดเทพอสูรทั้งสิบชนิดติดต่อกันเลย หากเขาถูกเลือดเทพอสูรเหล่านั้นต่อต้าน ก็จะเกิดเรื่องยุ่งขึ้นแน่นอน

แต่ความกังวลใจของนางไม่ได้อยู่นาน นางได้ยินเสียงมังกรและหงส์ฟ้าดังมาจากร่างของมู่เฉิน ทันใดนั้นหัวใจนางก็กระตุก

“นั่นมันแรงกดดันแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้า!”

การเป็นสมาชิกในเผ่าวิหคโลกันตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากวิวัฒนาการเข้าสู่การเป็นวิหคอนธโลกันตร์ ซึ่งนับได้ว่าเป็นเผ่าใหญ่ในหมู่เทพอสูร วิหคอนธโลกันตร์มีสายเลือดของวิหคอมตะที่นับว่าอยู่ในตระกูลเดียวกับหงส์ฟ้า วิหคอมตะยังเป็นเทพอสูรชั้นยอดในเผ่าหงส์ฟ้า แต่เนื่องจากมีน้อยมากจึงไม่ได้เป็นที่รู้จักมากเท่าหงส์ฟ้า

ดังนั้นเมื่อจิ่วโยวสัมผัสถึงแรงกดดันของหงส์ฟ้าแท้จริงที่แผ่ออกมาจากร่างมู่เฉิน สีหน้าของนางก็พิลึกไป ในร่างเจ้านี่มีทุกอย่างเลยจริงๆ

จิ่วโยวส่ายหน้าจนคำพูด ปัดเรื่องนี้ออกจากสมองข่มใจให้สงบ รอให้มู่เฉินฝึกเสร็จเรียบร้อยเสียก่อน

และการรอคอยก็กินเวลาทั้งเดือน

ในส่วนลึกของหอวิหคโลกันตร์ แม้แต่ท้องฟ้ายังถูกย้อมเป็นสีแดง เมื่อมองไกลๆ แล้วก็ดูราวกับว่าเมฆลุกไหม้ช่างแปลกประหลาดตายิ่งนัก แต่จิ่วโยวไม่ได้มีอารมณ์จะชื่นชมสิ่งรอบตัว นางจ้องมองบ่อหินด้วยความร้อนใจ เนื่องจากมีเสียงคำรามหลากหลายดังมาจากในนั้น

ในบ่อเลือดเดือดพล่าน มู่เฉินนั่งอยู่ที่ก้นบ่อ ตอนนี้รอบตัวเขามีร่างสีเลือดขนาดใหญ่จำนวนมากคำรามอย่างดุร้ายใส่

ร่างสีเลือดเหล่านี้เกิดจากแก่นเลือดเทพอสูรที่เขาดูดซับและชำระ ซึ่งยังมีเศษเสี้ยววิญญาณอยู่ในเลือดเหล่านั้น ตอนแรกมู่เฉินสามารถสยบพวกมันด้วยแรงกดดันแท้จริงของมังกรและหงส์ฟ้า แต่เมื่อจำนวนของเลือดเทพอสูรเพิ่มมากขึ้น พวกมันก็รวมตัวกันต่อต้านแรงกดดันของมังกรกับหงส์ฟ้า เนื่องจากพวกมันสัมผัสได้ว่าหากไม่ต่อต้านอีก จิตวิญญาณที่เหลืออยู่ก็จะถูกลบออกและดูดกลืนจนหมด

ต้องยอมรับว่าจิตวิญญาณของเทพอสูรเหล่านี้กำจัดยากเย็นนัก ยิ่งพวกมันมารวมตัวกันต่อต้านแล้ว แม้แต่แรงกดดันมังกรและหงส์ฟ้ายังยากจะมีผลเหมือนในตอนต้น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายได้อย่างสมบูรณ์

“มาไกลขนาดนี้ ข้าไม่ยอมให้พวกแกมาทำลายได้หรอก!” มู่เฉินกำหมัดแน่น จากนั้นก็สูดหายใจเต็มปากและแข็งใจ ในเมื่อพวกเจ้าอยากกัดกร่อนข้า งั้นข้าก็จะโอกาสสักรอบ

ความคิดวูบไหว แสงสีทองที่ห่อหุ้มร่างเขาก็หายไป เมื่อปราศจากการขัดขวางของแสงสีทองแล้ว ร่างเทพอสูรทั้งสิบก็ส่งเสียงคำราม ฝังตัวเข้าไปในร่างของมู่เฉิน

แสงสีเลือดเริ่มแผ่กระจายไปทั่วสรรพางค์กาย

“โดนแก่นเลือดเทพอสูรกัดกร่อน?!” สีหน้าของจิ่วโยวเปลี่ยนไปเมื่อเห็นฉากนี้ นางว่าแล้วต้องเกิดอุบัติเหตุในการดูดซับเลือดเทพอสูรมากเกินไปในครั้งเดียว

โฮก!

ขณะที่จิ่วโยวเกิดความกังวลในหัวใจ มู่เฉินก็ทุ่มพลังทั้งหมดลงไป เขาปลุกเร้าพลังกายามังกรหงส์เต็มพิกัด เช่นเดียวกับเลือดมังกรหงส์ที่ซ่อนอยู่ในเลือดเนื้อของเขา

แสงสีทองเข้มเคลื่อนผ่านเลือดเนื้อ จากนั้นก็สยบแสงสีเลือดอย่างไร้ปรานี

แสงสองสีกัดกร่อนซึ่งกันและกันอย่างบ้าคลั่ง แต่เนื่องจากที่นี่เป็นร่างกายของมู่เฉิน ดังนั้นเมื่อกายามังกรหงส์กับเลือดมังกรหงส์ระเบิดออกมาสมบูรณ์แบบ แสงสีเลือดที่เกิดจากเทพอสูรทั้งสิบก็ถูกโจมตีจนอ่อนกำลังอย่างต่อเนื่อง

แน่นอนว่าผลลัพธ์ของสิ่งนี้ทำให้ร่างกายของมู่เฉินกลายเป็นสนามรบสมบูรณ์ คลื่นกระแทกที่ก่อตัวขึ้นจากแรงปะทะ หากไม่ใช่เพราะกายามังกรหงส์ที่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายแล้วละก็ ร่างเขาคงจะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ จากผลกระทบ

“ดูดกลืนให้หมด!”

สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปรุนแรง ทั้งดุร้ายและบิดเบี้ยว แต่ในดวงตาไม่มีแววลังเลแม้แต่น้อย เขาคำรามในใจทำให้แสงสีทองกวาดออกมา

แสงสีทองพวยพุ่งพร้อมกับเสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าดังกระหึ่ม ราวกับจักรพรรดิกำลังกวาดล้างเหล่ากบฏ ภายใต้ผลกระทบแสงสีเลือดของเทพอสูรทั้งสิบก็แตกสลาย

แสงสีเลือดทั้งหมดถูกดูดซับไว้ในลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าของมู่เฉิน

มู่เฉินลืมตาโพลง เขารู้สึกได้ว่าเลือดเนื้อบนแผ่นอกและแผ่นหลังสั่นสะท้าน ราวกับว่ามีบางสิ่งในเลือดเนื้อแตกสลายและฟื้นคืนขึ้นมา

โฮก!

ร่างของมู่เฉินทะยานขึ้นพร้อมกับคำรามลั่น เสียงคำรามฟังดูเหมือนเสียงมังกรและหงส์ฟ้าร้องในเวลาเดียวกัน แสงสีทองขนาดใหญ่พวยพุ่งจากร่าง แม้แต่ชั้นเมฆยังถูกผ่าแยกตัวจากกัน

จิ่วโยวเงยหน้าขึ้นมองร่างที่อยู่ในแสงสีทอง นางรู้สึกคลุมเครือจากการถูกข่มเล็กน้อย นี่ไม่ใช่การข่มที่เกิดจากคลื่นหลิง แต่เป็นการข่มที่มาจากเทพอสูรที่อยู่ในระดับเดียวกัน

ตอนนี้ความรู้สึกของมู่เฉินที่ให้กับนางก็คือเทพอสูรร่างมนุษย์!

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset