หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 835 กองทัพพาฬ
ด้านนอกบึงน้ำสีดำมืด
กองทัพทั้งสองยืนประจันหน้ากัน รังสีสังหารพวยพุ่งในดวงตาของทั้งสองฝ่าย รัศมีจั้นยี่ที่แผ่ออกมาเลือนราง ทำให้คลื่นหลิงบริเวณนี้ถึงกับกระเพื่อมไหว
บนยอดเขารายล้อม จอมยุทธ์จากกองทัพอื่นๆ ก็เฝ้ามองการปะทะกัน ชัดว่าพวกเขาค่อนข้างให้ความสนใจการต่อสู้ครั้งนี้ ช่วงนี้ชื่อของมู่เฉินสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้งภูมิภาคทางเหนือ ดังนั้นขั้วอำนาจทั้งหลายจึงรู้เรื่องเกี่ยวกับชายหนุ่มในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไม่น้อย
ในเขตหลงเฟิ่ง ความสำเร็จอันน่าทึ่งของมู่เฉินวางตำแหน่งของเขาในหมู่จอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งภูมิภาคทางเหนือ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้เผชิญกับจอมยุทธ์รุ่นใหม่เหล่านั้น แม้เจ้าสำนักทั้งสามของสำนักพาฬมังกร ลู่ขุยจะอยู่อันดับสาม แต่ทุกคนก็รู้ว่าเขาเป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียง หลายปีที่ผ่านมานี่เขานำกองทัพพาฬทำลายล้างกองทัพศัตรูจำนวนมาก แม้แต่นิ้วบนมือทั้งสองก็ยังไม่เพียงพอที่จะนับจำนวนอัจฉริยะที่ตายด้วยฝีมือเขา
ดังนั้นทุกคนจึงอยากรู้ว่าใครจะเป็นผู้แข็งแกร่งกว่ากันระหว่างม้ามืดอย่างมู่เฉินที่เพิ่งผงาดขึ้นมาในภูมิภาคทางเหนือกับลู่ขุยนักฆ่ามากประสบการณ์
บนท้องฟ้า จิ่วโยวกับลู่หวูเผชิญหน้ากันในที่ไกลออกไป จิ่วโยวยังมีท่าทีนิ่งสงบ ขณะที่ลู่หวูยิ้มตาหยีมองสถานการณ์เบื้องล่าง ก่อนจะยิ้มให้จิ่วโยว “นายหญิงจิ่วโยวตั้งใจจะให้เขานำหน่วยรบโลกันตร์มาสู้กับกองทัพพาฬของลู่ขุยจริงๆ หรือ? ฮ่าๆ ทำไมเราไม่ถอยกันคนละก้าวแบ่งซากอารยธรรมโบราณระดับสามนี้กันล่ะ? วิธีนี้เราก็สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ทำลายมิตรภาพได้ เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
จิ่วโยวตอบเสียงเรียบ “เจ้าสำนักลู่กังวลมากไปแล้ว ในพจนานุกรมของหอวิหคโลกันตร์ข้าไม่มีคำว่าถอยหนี มีเพียงสู้สุดชีวิต”
จิ่วโยวมองลู่หวูพร้อมกับริ้วดูถูกผุดขึ้นในส่วนลึกของดวงตา นางไม่ใช่พวกไร้ความรู้ เจ้าสำนักพาฬมังกรทั้งสามละโมบและเจ้าเล่ห์ ดังนั้นนางไม่มีทางเชื่อคำพูดไร้สาระของเขาที่คิดจะแบ่งปันซากอารยธรรมโบราณ เห็นได้ชัดว่าเจ้านี่กำลังลองแหย่ว่าพวกเขามีความกล้ามากขนาดไหน
จิ่วโยวแน่ใจว่าหากนางถอยไปสักก้าว ลู่หวูก็จะสำแดงด้านดุร้ายออกมาทันที
แต่จิ่วโยวก็ไม่ได้พูดให้ปรุโปร่ง นางแค่มองลู่หวูด้วยท่าทีเย็นชา เห็นชัดว่าอีกฝ่ายไม่เห็นหน่วยรบวิหคโลกันตร์และมู่เฉินอยู่ในสายตา เขามีความมั่นใจมากในตัวลู่ขุยกับกองทัพพาฬ แต่ว่า…สุดท้ายความมั่นใจของเขาก็ต้องพังทลายลง
ทุกคนที่ดูถูกเจ้านั่น ไม่มีใครที่ไม่ต้องจ่ายราคามหาศาล
เมื่อคิดถึงจุดนี้ แววเยาะเย้ยในส่วนลึกของดวงตาจิ่วโยวก็แรงกล้าขึ้นขณะมองลู่หวู
สายตาของจิ่วโยวทำให้ใบหน้าของลู่หวูเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อเอ่ยอย่างไม่แยแส “ลู่ขุย ในเมื่อหอวิหคโลกันตร์ดื้อด้านนัก ก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ…”
“ฮี่ๆ ข้าก็ไม่คิดแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
ลู่ขุยยิ้มเหี้ยม จากนั้นก็กระทืบเท้า ทำเอาพื้นดินสั่นสะเทือน เขาตะโกนเสียงต่ำออกมา “นักรบพาฬ!”
“โฮก!”
ที่ด้านหลังนักรบหลายพันของกองทัพพาฬก็ส่งเสียงคำรามต่ำลึกพร้อมกับเสียงขู่ฟ่อคลุมเครือในเนื้อเสียงขณะรัศมีจั้นยี่สีเทาอมดำพวยพุ่งออกมาจากร่างของพวกเขา
รัศมีจั้นยี่ลอยอยู่เหนือกองทัพพาฬ คลื่นหลิงพวยพุ่งกระเพื่อมออกมา ทำให้พายุกวาดไปทั่วบริเวณนี้ ขณะเดียวกันก็ทำให้สีหน้าของผู้คนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลงหลายส่วน เห็นได้ชัดว่าสำนักพาฬมังกรเตรียมตัวมาอย่างดี ในเมื่อพวกเขากล้าที่จะขโมยเนื้อจากปากเสือ ด้วยพลังของลู่ขุยในระดับจื้อจุนขั้นห้า แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นหกก็ยังไม่อาจเอาชนะเขาได้ง่ายๆ เมื่อใช้พลังของกองทัพพาฬ
“ฮ่าๆ!”
ร่างของลู่ขุยเคลื่อนไปปรากฏภายในรัศมีจั้นยี่ที่พลุ่งพล่านเหนือกองทัพพาฬ จากนั้นเขาก็สะบัดมือทำให้รัศมีจั้นยี่ม้วนตัวราวกับชั้นเมฆสีเทาดำ พวกมันแผ่กระจายออก ช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตายิ่ง
“ไอ้หนู ข้าจะสอนแกว่าควรเล่นกับรัศมีจั้นยี่ยังไง!”
ลู่ขุยหัวเราะอย่างเย่อหยิ่ง จากนั้นก็กระทืบเท้า ทำเอารัศมีจั้นยี่สีเทาดำกวาดออกราวกับคลื่นยักษ์ เกลียวรัศมีจั้นยี่นับร้อยหมุนวนออกมา
เกลียวรัศมีจั้นยี่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ระเบิดพลังทำลายล้างน่าอัศจรรย์ใจออกมา ขณะที่เกิดการหมุนคว้าง แม้แต่มิติยังถูกผ่าออกแล้วบิดเบี้ยว เสียงลมบาดแก้วหูดังออกมา
ผู้คนมองการต่อสู้ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด แค่การสะบัดมือจากลู่ขุยก็เผยการควบคุมรัศมีจั้นยี่อันน่าตกใจออกมา ไม่แปลกเลยว่าทำไมเขาถึงสามารถนำกองทัพพาฬไปสู้รบได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
เสียงแหลมเสียดแทงกวาดออก เกลียวหมุนรัศมีจั้นยี่สีเทาดำนับร้อยก็พุ่งเข้ามาราวกับอสรพิษยักษ์ แววประหลาดใจวาบผ่านดวงตาของมู่เฉิน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองกระบวนท่าโจมตีเหล่านั้น การควบคุมรัศมีจั้นยี่ของลู่ขุยอยู่เหนือความคาดหมายของเขาหลายส่วนเลยทีเดียว
แต่…ก็เท่านั้น
ก่อนหน้าที่เขาควบคุมนักรบวิหคโลกันตร์พันคน เขาก็สามารถเอาชนะหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตที่มีมากกว่าห้าเท่าได้ แม้ว่าแม่ทัพหวูเทียนในตอนนั้นจะด้อยกว่าลู่ขุย แต่ก็เช่นเดียวกัน…ตอนนี้มู่เฉินแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าตอนนั้นแล้ว!
บางทีลู่ขุยอาจควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้เก่งกาจ แต่เขาไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีความเข้าใจและการควบคุมรัศมีจั้นยี่ที่แข็งแกร่งกว่าเขาเสียอีก
ภายใต้สายตาที่จับจ้องมามากมาย มู่เฉินก็ยกมือด้วยท่าทางสงบนิ่งก่อนจะปัดลงมา ที่เบื้องหลังหน่วยรบวิหคโลกันตร์ที่ข่มความเกรี้ยวกราดอยู่ ก็เกิดแสงเหี้ยมเกรียมวาบออกมาจากดวงตา พวกเขากระแทกหอกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วง ปล่อยเสียงคำรามออกมา ราวกับเสียงฟ้าผ่าดังก้องไปทั่วบริเวณ
ตู้ม!
รัศมีจั้นยี่ดำมืดกวาดออกมาจากร่างพวกเขาราวกับพายุ ก่อนจะรวมตัวกันบนฟ้า ทำให้สีของก้อนเมฆเปลี่ยนไปฉับพลัน ช่างเป็นรัศมีจั้นยี่ที่ยิ่งใหญ่นัก
ร่างของมู่เฉินปรากฏขึ้นเหนือหน่วยรบวิหคโลกันตร์พลางสะบัดนิ้วเบาๆ ควบคุมรัศมีจั้นยี่สีดำมืดให้กวาดตัวออกไปราวกับคลื่น ถักทอเป็นม่านขนาดใหญ่ที่ตรงหน้า
ตึง!
เมื่อเกลียวรัศมีจั้นยี่สีเทาดำหมุนควงนับร้อยพุ่งตรงมาปะทะเข้ากับม่านพลังจังใหญ่ ม่านพลังสีดำก็เพียงแค่กระเพื่อมจากการกระแทกที่รุนแรง แต่ไม่ได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนอย่างที่ทุกคนคิดไว้ มันดูทนทายาดอย่างยิ่ง
สายตาของมู่เฉินมองม่านสีดำที่กระเพื่อมอย่างสงบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองลู่ขุยที่อยู่ไกลออกไป “แกควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้แค่นี้รึ?”
“รนหาที่ตาย”
ลู่ขุยเผยรอยยิ้มเหี้ยมขณะกางนิ้วทั้งห้าออกก่อนจะกำลงทันที!
ตู้ม!
เกลียวรัศมีจั้นยี่สีเทาดำปะทะกัน สร้างพายุทอร์นาโดที่มีขนาดพันกว่าจั้ง จากนั้นก็ฉีกผ่านมิติราวกับมังกรพุ่งตรงเข้าใส่ม่านพลัง
ครืน!
ตรงจุดปะทะรัศมีจั้นยี่ป่าเถื่อนกวาดออกอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดรอยแยกในบึงน้ำแห่งนี้
แคร็ก!
ในที่สุดม่านพลังที่เกิดจากรัศมีจั้นยี่ของหน่วยรบวิหคโลกันตร์ก็เกิดรอยร้าว ราวกับกระจกที่จะแตกในไม่ช้า
“ไอ้หนูปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมดันรนหาที่ตายท้าทายข้าเรื่องรัศมีจั้นยี่!” พอเห็นปราการป้องกันของมู่เฉินกำลังจะแตกสลาย ลู่ขุยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะสาแก่ใจ
ทว่ามู่เฉินกลับยิ้มเมื่อเห็นลู่ขุยหัวเราะ ไอเย็นเยือกรวมตัวกันในม่านตาสีดำ เขาไม่ได้ตื่นตระหนก กลับปล่อยให้รอยร้าวเพิ่มจำนวนบนม่านพลัง
ปัง!
ในที่สุดม่านป้องกันก็มาถึงขีดสุดก่อนจะแตกสลายภายใต้สายตานับไม่ถ้วน แต่ทันทีที่สลายลง มู่เฉินก็กำมือเข้าด้วยกันเบาๆ
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เมื่อนิ้วกำเป็นหมัด เศษเสี้ยวที่แตกหักก็รวมตัวกันด้วยความเร็วน่าทึ่ง ก่อร่างเป็นขนนกสีดำนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปจากทุกทิศทาง
ขนนกสีดำทั้งหมดเกิดจากรัศมีจั้นยี่ ทุกชิ้นต่างมีพลังทำลายล้างน่าตกใจ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้ายังตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีกระบวนท่านี้ ทว่าการโจมตีที่ดุดันกลับสร้างขึ้นในมือของมู่เฉินแบบง่ายดาย
ปุ! ปุ!
ขณะที่ขนนกสีดำกวาดตัวออก ก็ทะลวงผ่านพายุทอร์นาโดสีเทาดำทำให้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
มู่เฉินทำลายรัศมีจั้นยี่ของกองทัพพาฬได้ก็สะบัดมือเบาๆ ขนนกสีดำนับไม่ถ้วนจางหายกลายเป็นจุดแสงฝังเข้าไปในมหาสมุทรพลุ่งพล่านของรัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์
การควบคุมของมู่เฉินราบรื่นราวกับเมฆเคลื่อนน้ำไหล ไม่มีข้อบกพร่องแม้เต่น้อย จอมยุทธ์ทุกคนที่นี่ล้วนมีประสบการณ์สามารถบอกได้ว่าระดับการควบคุมรัศมีจั้นยี่กองทัพของมู่เฉินอยู่ในระดับสูงเพียงใด
หากการควบคุมรัศมีจั้นยี่ของลู่ขุยเปี่ยมไปด้วยความป่าเถื่อน การสั่งการของมู่เฉินก็เหมือนกับศิลปะที่ทำให้คนอื่นๆ รู้สึกตื่นตา
ดังนั้นแต่ละคนจึงมองหน้ากันพลางพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกับแววตกตะลึวูบไหวในดวงตา ไม่มีใครคิดเลยว่าชายหนุ่มที่เพิ่งสร้างชื่อในภูมิภาคทางเหนือ ไม่เพียงแต่จะมีพลังในการต่อสู้น่าตกใจ เขายังมีพรสวรรค์น่าทึ่งในเรื่องการควบคุมรัศมีจั้นยี่ด้วย
สีหน้าของลู่ขุยมืดครึ้มเมื่อมองไปที่มู่เฉิน แววดูถูกที่อยู่ในดวงตาจางหายไปหมดสิ้น การควบคุมที่มู่เฉินเผยออกมาเมื่อครู่นี้ ทำให้เขารู้ชัดเจนว่าการควบคุมรัศมีจั้นยี่ของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยกว่าเขาเลย
แม้เขาจะรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องเชื่อยาก เนื่องจากเขาผ่านประสบการณ์ในการต่อสู้มาหลากหลายกว่าจะควบคุมรัศมีจั้นยี่พาฬได้ถึงระดับนี้ แล้วมู่เฉินมาเทียบกับเขาได้อย่างไรด้วยวัยเพียงเท่านี้?
สายตาของลู่ขุยดูน่าขนลุกพร้อมกับรังสีสังหารพวยพุ่งในส่วนลึกของดวงตา ชายหนุ่มชื่อมู่เฉินอันตรายจริงๆ หากเป็นศัตรู เขาก็ควรกำจัดอีกฝ่ายตอนนี้ ไม่อย่างนั้นอนาคตภัยไม่สิ้นแน่
“ท่าทางแกอยากจะฆ่าข้ามากเลยนะ”
มู่เฉินสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารของลู่ขุยก็เผยรอยยิ้มออกมา ทว่ารอยยิ้มนั้นเย็นเยือกเหมือนน้ำแข็งหมื่นปี ไม่มีเศษเสี้ยวความอบอุ่นอยู่ในนั้นเลย เขายกมือขึ้นช้าๆ รัศมีจั้นยี่สีดำไหลตรงปลายนิ้วราวกับน้ำไหล
“แต่ว่า…ต่อไปเป็นตาข้าที่จะสอนแกว่ารัศมีจั้นยี่ใช้ยังไง!”