หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 839 กลั่นยาหยุ่นลั้ว

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 839 กลั่นยาหยุ่นลั้ว

ด้านนอกบึงน้ำสีดำ

เมื่อคนกลุ่มสุดท้ายออกไป มู่เฉินกับจิ่วโยวก็พลิ้วตัวลงมาจากฟ้าลอยตัวเหนือบึง

หมอกสีดำในบึงน้ำมีกลิ่นคาวจางๆ ชัดเจนว่าเป็นพิษ นอกจากนี้ยังมีร่างสีดำวูบไหวอยู่ในส่วนลึกพร้อมกับไออันตรายเปล่งออกมา

มู่เฉินกับจิ่วโยวแลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นก็สะบัดมือสั่งการหน่วยรบวิหคโลกันตร์ นักรบแต่ละคนร่อนลงอย่างเป็นระเบียบรอบพื้นที่บึงน้ำ

“พวกเจ้าเฝ้าด้านนอกไว้ อย่าปล่อยให้ใครเข้ามารบกวน” มู่เฉินสั่งการ สถานที่แบบนี้ไม่ได้หมายความว่าจะดีถ้ามีจำนวนคนมาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสมควรกว่าที่จะสั่งให้หน่วยรบวิหคโลกันตร์เฝ้าระวังอยู่ด้านนอกบึงน้ำ

“รับทราบ!”

เหล่านักรบวิหคโลกันตร์ตะโกนรับพร้อมเพรียงฟังราวกับเสียงฟ้าผ่า ทำเอาพื้นดินโยกคลอนไปเลยทีเดียว

“ไปกันเถอะ!”

มู่เฉินกับจิ่วโยวมองหน้ากันพลางพยักหน้า ร่างพวกเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งออกไป ฉีกผ่าหมอกพิษสีดำพลิ้วตัวลงบนซากอารยธรรมโบราณที่อยู่ในจุดลึกของบึงน้ำ

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตผันผวนรอบทั้งสอง ซ้ำยังมีเพลิงสีม่วงลุกโชนกัดกร่อนหมอกพิษที่ใกล้ตัว หมอกพิษในบึงน้ำร้ายกาจนัก แต่สำหรับทั้งคู่ที่ได้รับการปกป้องจากเพลิงอมตะ ชัดว่าไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับพวกเขา

ฟิ้ว!

ทั้งคู่เร่งความเร็วจนถึงขีดสุด แม้พวกเขาจะสร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่จากไปก่อนหน้า แต่นั่นก็ไม่ได้รับรองว่ากองทัพอื่นจะไม่ค้นพบซากอารยธรรมโบราณแห่งนี้ ดังนั้นเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น จึงเป็นเรื่องดีที่พวกเขาจะรีบกลั่นเม็ดยาหยุ่นลั้วจากซากอารยธรรมโบราณระดับสามนี้

ปัง!

ขณะที่ทั้งสองเข้าไปในส่วนลึกของบึงน้ำ แสงสีดำก็ระเบิดออกมาจากพื้นที่ชื้นแฉะ ส่งกลิ่นคาวกวาดมายังพวกเขา

จิ่วโยวมีสีหน้าสงบนิ่งพลางพลิกนิ้ว ขนนกคลื่นหลิงสีดำที่แผดเผาด้วยเพลิงสีม่วงพุ่งออกไปทะลวงเข้าไปในกลุ่มแสงสีดำและระเหยในทันที

ขณะที่แสงสีดำเหือดหาย มู่เฉินก็มองเห็นจระเข้พิษสีดำรูปร่างน่าเกลียดกำลังน้ำลายไหลย้อย ดูจากคลื่นหลิงรุนแรงรอบตัวแล้ว นี่คงเป็นสัตว์อสูรชั่วร้ายชนิดหนึ่ง

จิ่วโยวฆ่าจระเข้พิษสีดำเพียงพลิกฝ่ามืออย่างสบายๆ ทว่าสีหน้าไม่เพียงแต่จะไม่ฉายความดีใจ แต่กลับขมวดคิ้ว มู่เฉินที่อยู่ด้านข้างก็ขมวดคิ้วเช่นกัน

นั่นเพราะในตอนนี้บริเวณบึงน้ำเริ่มสั่นสะเทือน แสงสีดำกะพริบนับไม่ถ้วยพวยพุ่งขึ้น เมื่อมองไปก็มีจระเข้พิษสีดำรวมตัวอยู่หนาแน่น ดวงตาแดงฉานของพวกมันจับจ้องมู่เฉินกับจิ่วโยว

จำนวนจระเข้พิษมีมากมาย แม้ว่าทั้งสองจะไม่กลัวจระเข้พวกนี้ แต่ความเร็วในการกลั่นเม็ดยาหยุ่นลั้วของพวกเขาก็จะล่าช้าลงจากการขัดขวาง

“ทำยังไงดี?” มู่เฉินมองจิ่วโยว ดูจากสถานการณ์นี้ พวกเขาคงต้องสังหารพวกมันให้หมดเท่านั้น

จิ่วโยวครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะกระทืบเท้าเบาๆ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็ก่อตัวเป็นวิหคอนธโลกันตร์เบื้องหลัง รัศมีเทพอสูรแผ่ออกไป

ฟ่อๆ!

เมื่อสัมผัสถึงแรงกดดันเทพอสูรของวิหคอนธโลกันตร์ ความโกลาหลก็เกิดในฝูงจระเข้พิษ พวกมันถอยร่นด้วยความหวาดกลัว แม้พวกมันจะไม่มีสติปัญญาสูง แต่ก็รับรู้จางๆ ว่าแรงกดดันนั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกมันจะต้านทานได้

เห็นภาพนี้ ดวงตาของมู่เฉินก็สว่างวาบพลางก้าวไปข้างหน้า วิญญาณของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงเริ่มเปล่งประกายด้วย แรงกดดันที่ทรงพลังแผ่ออกมา

เมื่อแรงกดดันแผ่กระจายออกไป ฝูงจระเข้พิษที่หวาดกลัวอยู่แล้วก็ถอยหนีกันจ้าละหวั่น ในแง่มุมหนึ่งแรงกดดันจากวิญญาณของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงแข็งแกร่งกว่าวิหคอนธโลกันตร์ เพราะในบันทึกหมื่นอสูร อันดับของวิหคอนธโลกันตร์อยู่ต่ำกว่ามังกรและหงส์ฟ้า วิหคอนธโลกันตร์จะต้องวิวัฒนาการเป็นวิหคอมตะในตำนาน มีเพียงขั้นตอนนี้เท่านั้นถึงจะสยบมังกรและหงส์ฟ้าได้

เพียงสิบอึดใจ จระเข้พิษจำนวนมากก็หนีหายไปหมดภายใต้แรงกดดันของทั้งสอง

มู่เฉินยิ้มตาหยีขณะหันมามองจิ่วโยว “เป็นไง?”

จิ่วโยวฉายสีหน้าเหม็นเบื่อขณะมองค้อนมู่เฉินที่โอ้อวดตัวเอง แต่นางก็ต้องยอมรับว่าวิญญาณของมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงในร่างเขาเริ่มเหนือกว่านางในด้านแรงกดดันเทพอสูรแล้ว

จิ่วโยวมีความรู้สึกซับซ้อนต่อเรื่องนี้ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร เด็กน้อยอ่อนแอในสายตานางก็เริ่มตามทันและค่อยๆ เปล่งประกายออกมา

เวลาเดียวกับที่จิ่วโยวรู้สึกอิ่มเอมใจ นางก็รู้สึกหดหู่ด้วย บางทีไม่นานจากนี้นางคงไม่สามารถสั่งสอนเขาได้เหมือนกับอดีตอีกแล้ว

ดูเหมือนนางจะต้องเร่งความเร็วในการฝึกยุทธ์ด้วยเช่นกัน

“รอให้ข้าปลุกสายเลือดวิหคอมตะให้ได้ก่อนเถอะ วิญญาณของมังกรแท้จริงกับหงส์ฟ้าแท้จริงของเจ้าก็จะไม่มีค่าอะไรเลย” ความคิดแล่นในใจของจิ่วโยว แต่นางกลับเบ้ปากแล้วเอ่ยอย่างไม่แยแส

มู่เฉินยิ้ม เขารู้ว่าจิ่วโยวภาคภูมิใจในตัวเองขนาดไหน นางไม่พูดยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงไม่แกล้งอะไรนางมากเกินไป ทำเพียงโบกมือแล้วเหาะออกไป

เมื่อพวกเขามุ่งหน้าลึกเข้าไปในบึงน้ำ มู่เฉินกับจิ่วโยวก็ตระหนักได้มีสัตว์อสูรน่ากลัวซ่อนอยู่ในสถานที่แห่งนี้มากเพียงใด แต่โชคดีที่ทั้งสองมีแรงกดดันเทพอสูร ทำให้สามารถรักษาเวลาไว้ได้มาก โดยผ่านอุปสรรคด้วยการจ่ายราคาน้อยนิดเท่านั้น

ประมาณสิบนาทีต่อมา พวกเขาก็เริ่มชะลอความเร็วลงเนื่องจากเห็นตำหนักโบราณเลือนภายในหมอกพิษ

ฟิ้ว!

ร่างแสงสองร่างพุ่งผ่าน หมอกพิษที่ปกคลุมไปทั่วก็หายไปหมดทันทีราวกับว่าถูกสกัดไว้ วิสัยทัศน์ของมู่เฉินกับจิ่วโยวกระจ่างขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทั้งสองอึ้งไปเมื่อมองไปข้างหน้า ที่นี่เป็นซากปรักหักพังขนาดใหญ่ที่มีซากตำหนักเสียหายให้เห็น ความรู้สึกทิ้งร้างเก่าแก่เหมือนจะทะลวงผ่านมิติราวกับว่าหลุดมาจากยุคโบราณ ทำให้การหายใจของทั้งสองหยุดลงชั่วขณะ

“เตรียมลงมือเถอะ”

จิ่วโยวคืนสติจากเรื่องนี้อย่างรวดเร็วและมองไปที่มู่เฉิน “เราจะแยกตัวกันทำงานให้ไวที่สุด ตกลงไหม?”

มู่เฉินยิ้มแสดงสัญญาณมือ ไม่ได้มีวิธีการอะไรซับซ้อนนักในการกลั่นเม็ดยาหยุ่นลั้ว ตราบใดที่จอมยุทธ์คนนั้นมีขุมพลังจื้อจุนขั้นสามขึ้นไป ก็สามารถทำได้ ต่างกันแค่ประสิทธิภาพเท่านั้น

เมื่อเห็นว่ามู่เฉินเห็นด้วย จิ่วโยวก็ไม่รอช้าพุ่งตรงไปที่ซากตำหนัก

มู่เฉินก็ไม่ได้ชักช้า เขาหันไปหาซากอีกแห่งหนึ่ง จากนั้นก็มุ่งหน้าเข้าไป ภายในมีกระดูกถูกทิ้งเกลื่อนบนพื้น กระดูกเหล่านี้เผยท่าทางหลากหลาย แต่ชัดว่าก่อนตายต่างกำลังสู้รบกันอยู่

แม้จะผ่านไปหลายหมื่นปี แต่ทั่วทั้งตำหนักแห่งนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยความวิปโยค

สีหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดเมื่อเห็นภาพเหล่านี้ จากนั้นเขาก็โค้งคำนับกองกระดูก ไม่ว่าจะอย่างไร นี่คือจอมยุทธ์ที่สละชีพเพื่อมหาพันภพในสงครามอดีต

“ข้าขออภัยนะขอรับ!”

มู่เฉินพูดเสียงเบา ก่อนที่ร่างจะวาบไปปรากฏบนเสาหิน มือทั้งคู่วาดตราประทับ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก่อตัวเป็นวังวนในฝ่ามือพร้อมกับแรงดูดที่แผ่ออกมา

เศษหินน้อยใหญ่กลิ้งไปมา ขณะที่รัศมีสีดำไหลออกจากกระดูกเหล่านั้น เปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำดูดเข้าไปในวังวนตรงฝ่ามือของมู่เฉิน

ไอสีดำเหล่านี้ก็คือไอหยุ่นลั้ว พลังงานประหลาดที่เกิดจากการหล่อหลอมจุดจื้อจุนไห่ของจอมยุทธ์ที่ล้มตายกับพลังงานพิเศษในสมรภูมิหยุ่นลั้ว

ไอสีดำรวมตัวกันอย่างรวดเร็วในวังวน เมื่อชำระจนถึงขีดสุด แสงสีดำสายหนึ่งก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากวังวนคลื่นหลิง

ฝ่ามือมู่เฉินดูดผ่านอากาศ แสงดำมืดก็พุ่งลงมาลอยอยู่ตรงหน้าเขา เมื่อมองไปก็เห็นวัตถุทรงกลมขนาดเท่าเม็ดลำไยมีสีดำและส่งความผันผวนเหมือนกับไอหยุ่นลั้วออกมา

ชัดว่านี่ก็คือยาหยุ่นลั้วซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญที่สุดในสมรภูมิหยุ่นลั้ว

มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อเก็บยาหยุ่นลั้วก่อนจะหมุนเวียนคลื่นหลิงดูดกลืนไอหยุ่นลั้วในสถานที่แห่งนี้อย่างต่อเนื่อง

ด้วยไอหยุ่นลั้วที่เหลืออยู่ทั้งหมดในสถานที่แห่งนี้ มู่เฉินก็กลั่นเม็ดยาได้ห้าเม็ด เมื่อยาเม็ดที่ห้าสร้างขึ้น กระดูกสีขาวในตำหนักก็สลายเป็นเถ้าถ่าน นั่นเพราะคลื่นหลิงที่มีอยู่ภายในถูกระบายออกไปจนหมด

เมื่อมองภาพนี้ มู่เฉินก็ถอนหายใจเบาๆ จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ กองขี้เถ้าส่งเสียงหวีดหวิวก่อนก่อตัวเป็นป้ายจำนวนมาก ตั้งเรียงบนพื้นอย่างเรียบร้อย

เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว มู่เฉินก็โค้งคำนับอีกครั้งก่อนจะออกจากตำหนักแห่งนี้มุ่งหน้าไปยังอีกที่หนึ่ง

ในเวลาหนึ่งชั่วโมงต่อมา มู่เฉินก็เข้าออกตำหนักถึงสิบแปดตำหนัก ผลก็คือเขาได้ยาหยุ่นลั้วทั้งหมดห้าสิบสามเม็ด นับว่าเป็นการเก็บเกี่ยวที่ดีเลยทีเดียว

ลึกลงไปในซากอารยธรรมโบราณ มู่เฉินเข้าไปในซากปรักกหักพังแห่งสุดท้ายและโค้งคำนับตามปกติ แต่ขณะที่เขากำลังจะเริ่มกลั่นยาหยุ่นลั้ว สีหน้าเขาก็ต้องเปลี่ยนไปทันที คลื่นหลิงเร้าออกมาอย่างรุนแรงรอบกาย

สายตาของเขาจับจ้องไปยังส่วนลึก ที่นี่มีกระดูกอยู่ไม่มากนัก มีเพียงเบาะวางอยู่สุดทางเดินห้องโถงพร้อมกับร่างชุดเทานั่งอยู่ ร่างนั้นนั่งอยู่ที่นั่นเงียบๆ เพียงลำพังชั่วกัปชั่วกัลป์

มู่เฉินมองร่างชุดเทา ม่านตาก็หดเกร็ง ยังมีคนที่มีชีวิตอยู่ที่นี่อีกหรือ?

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset