หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 840 ร่างชุดเทา
ภายในส่วนลึกซากปรักหักพัง
มีร่างชุดเทานั่งอยู่นิ่งไม่ไหวติง เมื่อมู่เฉินเห็นร่างดังกล่าว ม่านตาเขาก็หดเกร็ง
นั่นเพราะเขาพบว่าชายชุดเทาไม่เหมือนกับกองกระดูกที่เขาเห็นเมื่อก่อนหน้า ภายใต้ชุดสีเทายังคงเห็นใบหน้าราวกับผีดิบตายซาก เว้นแต่ว่ามู่เฉินไม่เห็นสัญญาณชีพใดๆ แผ่ออกมาเลย
มู่เฉินจับจ้องที่ร่างชุดเทา แม้เขาจะสัมผัสได้ถึงไอหยุ่นลั้วมหาศาลจากร่างชุดเทา แต่เขาก็สัมผัสได้ว่ามีอันตรายบางอย่างซ่อนอยู่ด้วย
การที่คนเราจะรักษาสภาพร่างกายไว้ได้ต่อให้ตายไปหลายหมื่นปี ถือเป็นเรื่องพิลึกมาก
สายตาของมู่เฉินวูบไหว จากนั้นเขาก็ไม่ได้เข้าไปในส่วนลึกแต่เลือกที่จะถอยอย่างช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง สมรภูมิหยุ่นลั้วเต็มไปด้วยภัยอันตราย หากเขาไม่ระวังก็คงได้กลายเป็นกระดูกที่นี่แน่ เขาไม่ต้องการทิ้งชีวิตน้อยๆ ไว้ที่นี่เพื่อยาหยุ่นลั้วไม่กี่เม็ดหรอก
วับ! วับ!
ฝ่าเท้าของมู่เฉินก้าวผ่านพื้นเงียบๆ ทว่าขณะที่เขากำลังจะออกไปจากตำหนัก ร่างชุดเทาก็ตัวสั่นเทิ้มเงยหน้าแห้งกรังขึ้น ดวงตาของเขากะพริบด้วยแสงสีแดงดำประหลาด
ปัง!
สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปพร้อมกับดีดตัวพุ่งหนีออกไปโดยไม่ลังเล
ร่างชุดเทากางกรงเล็บที่เหมือนกระดูกออกมา แสงสีดำเมื่อมรวมตัวอยู่ในฝ่ามือเขา ดูราวกับหลุมดำ กำจายแรงดูดน่ากลัวออกมา
มู่เฉินที่กำลังถอยหนีหยุดชะงัก แรงดูดน่ากลัวทำให้เขาไม่สามารถต่อต้านได้ พริบตาเดียวร่างก็ลอยไปหาอีกฝ่าย
สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปรุนแรง เขาไม่คิดเลยว่าร่างนี้จะทรงพลังขนาดนี้ เพียงแค่เคลื่อนไหวสั้นๆ ครั้งเดียวก็ทรงพลังกว่าลู่หวูไปมากแล้ว
มู่เฉินถูกดึงกลับเข้าไปในตำหนักอย่างรวดเร็ว เมื่อถูกดึงเข้าไปใกล้มากขึ้น…มากขึ้น เขาก็เห็นแสงสีแดงดำในดวงตาของร่างชุดเทา ซึ่งกะพริบด้วยการทำลายล้างรุนแรงที่ไม่ใช่ของมนุษย์
“ไม่ใช่มนุษย์?” ในใจของมู่เฉินสั่นสะท้าน หรือว่าร่างชุดเทานี่จะเป็นไอ้ตัวที่ถูกเรียกว่าปีศาจต่างมิติ?
แสงวาบในดวงตาของมู่เฉิน จากนั้นเขาก็ขบฟันแน่น แสงสีทองพวยพุ่งขึ้นที่เบื้องหลัง วิญญาณของหงส์ฟ้าแท้จริงถูกกระตุ้น ปีกคู่ใหญ่กางสยาย
ปีกหงส์ฟ้ากระพือไหวพร้อมกับลมป่าเถื่อน ทรงตัวมู่เฉินที่ถูกดูดเข้าไปไว้ เมื่อปีกกระพืออีกครั้งก็พามู่เฉินทะยานขึ้นไปบนเสาหิน เขากำหมัดเรียกเสาปีศาจขึ้นในมืออย่างรวดเร็ว เงาขนาดใหญ่และรังสีร้ายกาจแผ่ออกมาเมื่อฟาดลงไปที่ร่างชุดเทา
ทว่าร่างชุดเทาทำเพียงเหยียดมือออกเป็นการตอบสนองต่อการโจมตีที่ดุดันจากมู่เฉิน เขาตบเบาๆ เสียงโลหะก็ดังกังวาน ทำให้ตำหนักถล่มลงมาทั้งแถบ
ร่างของมู่เฉินกระเด็นกลับไป สีหน้าเขาเคร่งขรึมลงขณะมองตำหนักที่ถล่มลงมา ร่างชุดเทายังคงนั่งสงบอยู่ที่จุดเดิม การโจมตีของมู่เฉินไม่ทำให้เขาเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาสีแดงดำประหลาดมองมู่เฉินอีกครั้งด้วยแสงทำลายล้างรุนแรง
เส้นขนมู่เฉินลุกชัน ปีกหงส์ฟ้ากระพือก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปทันที
ชี่!
ทันทีที่มู่เฉินหายไป มือเหี่ยวแห้งก็มาพร้อมกับแสงสีดำเมื่อมทะลวงผ่านจุดเดิมของมู่เฉิน ส่วนร่างชุดเทาก็ไปปรากฏบนท้องฟ้าอย่างช้าๆ
ไกลออกไปร้อยจั้ง สีหน้าของมู่เฉินน่าเกลียดอย่างยิ่ง ร่างชุดเทารวดเร็วมากเหลือเกิน หากไม่ใช่เพราะเขาใช้วิญญาณของหงส์ฟ้าแท้จริงที่ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้น เขาคงถูกฆ่าไปแล้ว
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่าการโจมตีของร่างชุดเทารุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หากเขาถูกจับได้ ก็คงไม่สามารถต้านทานไหว เนื่องจากหน่วยรบวิหคโลกันตร์ไม่ได้อยู่กับเขาที่นี่ตอนนี้ เขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ระดับนี้โดยไร้การสนันสนุนจากรัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ได้
วาบ!
ขณะที่หัวใจของมู่เฉินเกิดความคิดหลายหลาก มิติก็กระเพื่อมตรงหน้าเขา ร่างชุดเทาพุ่งออกมาอีกครั้ง การโจมตีน่ากลัวปกคลุมลงมา ทำให้เขาต้องถอยร่นออกไปอย่างน่าอนาถ
ปัง!
ร่างของมู่เฉินปะทะกับเสาหิน ทำเอาเสาแข็งแรงสลายกลายเป็นผุยผง เมื่อฝุ่นฟุ้งกระจายออก ร่างชุดเทาก็ปรากฏตัวอย่างลึกลับที่เบื้องหน้า มือสีแดงดำตบลงบนหัวของมู่เฉินอย่างไร้ปรานี
สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปรุนแรง เขาเตรียมเรียกร่างเทพสุริยะออกมาป้องกันร่างกาย
บึ้ม!
ทว่าทันทีที่เขาวาดตราประทับเสร็จ กระบี่ขนนกสีดำลุกโชนด้วยเพลิงสีม่วงก็พุ่งเข้ามา
ร่างชุดเทาพลิกมือตบกลับ เมื่อแสงสีแดงดำพวยพุ่ง กระบี่ขนนกก็สลายเป็นเถ้าถ่าน แต่แม้ว่ากระบี่ขนนกจะถูกทำลาย เพลิงสีม่วงก็ได้ม้วนอยู่บนมือแห้งกรังขณะอุณหภูมิสูงน่ากลัวแผ่ออกมา เผามือของร่างชุดเทาไหม้เกรียมอย่างรวดเร็ว
ร่างชุดเทาผละถอยพร้อมกับแสงสีแดงดำประหลาดวาบบนผิวร่าง ภายใต้การกัดกร่อนของแสง เพลิงสีม่วงก็ค่อยๆ มอดดับลง
มู่เฉินเช็ดคราบเลือดออกจากมุมปากขณะที่จิ่วโยวมาปรากฏตัวที่ด้านข้าง นางมีสีหน้าเคร่งเครียดลงขณะมองร่างชุดเทา “นั่นตัวอะไรน่ะ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน จู่ๆ ก็เจอมันเข้า” มู่เฉินส่ายหน้าพลางยิ้มขื่น
โฮก!
หลังจากร่างชุดเทาดับไฟบนแขนได้แล้ว เขาก็มองมู่เฉินกับจิ่วโยวพร้อมกับคำรามต่ำสะท้อนจากลำคอ ดวงตาเปลี่ยนเป็นดุร้ายมากขึ้นและผันผวนด้วยระลอกคลื่นที่ต้องการทำลายล้างทุกสิ่ง
เขาจ้องมองไปที่ทั้งสอง ขณะที่กำลังจะพุ่งใส่ฉีกทึ้งทุกอย่างให้เฮี้ยน ฉับพลันร่างเขาก็ชะงัก แสงสีแดงดำในดวงตาอ่อนกำลังลง เผยให้เห็นสีหน้าดิ้นรนบนใบหน้าแห้งกรังของเขา
ทว่าการดิ้นรนก็คงอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความดุร้าย ลูกตาเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นทรงสามเหลี่ยมราวกับอสรพิษไร้อารมณ์
เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงในดวงตานั่น สีหน้าของจิ่วโยวก็เปลี่ยนไปรุนแรง “รัศมีปีศาจต่างมิติบุกรุก?”
“รัศมีปีศาจต่างมิติบุกรุก?”
“เขาน่าจะถูกพลังจากปีศาจต่างมิติเข้าครอบงำในร่าง ดังนั้นจึงรักษาสภาพร่างกายอยู่ได้โดยไม่ถูกทำลาย แต่สติก็ถูกกัดกร่อนจากรัศมีเช่นกัน เปี่ยมไปด้วยความคิดทำลายล้าง”
สีหน้าของจิ่วโยวขรึมลง “รีบไปกัน ก่อนตายเจ้านี่น่าจะอยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าแล้ว ต่อให้พลังถูกทำลายไปมาก ก็ยังอยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดอยู่ ไม่ใช่สิ่งที่เราจะรับมือได้!”
มู่เฉินพยักหน้าเห็นด้วย หากเขาสามารถเก็บเกี่ยวไอหยุ่นลั้วในร่างมันได้ เขาคงกลั่นเม็ดยาได้ไม่น้อย แต่ตอนนี้ชัดว่าพวกเขาไม่มีโอกาสแล้ว
ทั้งคู่ถอยอย่างรวดเร็วแทบจะในเวลาเดียว แต่ร่างก็ยังคงเกร็งเครียด คลื่นหลิงรอบตัวพวยพุ่งขณะที่สายตาจ้องมองร่างชุดเทาด้วยความระวัง
โฮก!
ร่างชุดเทาจ้องมองทั้งสอง ทันใดนั้นก็ส่งเสียงคำราม เขาเหยียดฝ่ามือออกมาพร้อมกับแสงสีแดงดำม้วนตัว ก่อร่างเป็นมือสีแดงดำขนาดใหญ่สองมือทะลวงผ่านมิติพุ่งตรงไปยังทั้งสอง
เผชิญหน้ากับพลังงานปนเปื้อนรัศมีปีศาจต่างมิติแล้ว มู่เฉินกับจิ่วโยวก็ไม่กล้าสัมผัส ทำได้เพียงรีบถอยให้เร็วที่สุด
ตู้ม! ตู้ม!
ซากตำหนักถูกร่างชุดเทาทำลายทีละแถบ…ละแถบ ฝุ่นผงฟุ้งตลบ ร่างของมู่เฉินกับจิ่วโยวก็ถอยออกมาจากส่วนที่กำลังจะถล่มอย่างรวดเร็ว ทว่าขณะที่ถอยหนีพวกเขาก็เริ่มร้อนรน เนื่องจากสัมผัสได้ถึงการโจมตีจากร่างชุดเทาที่ดุดันมากขึ้น
พลังของเขาเหมือนจะฟื้นคืนทีละน้อย…ละน้อย
การค้นพบนี้ทำให้มู่เฉินกับจิ่วโยวใจหล่นวูบ หากร่างชุดเทาสามารถฟื้นคืนพลังจนถึงระดับจื้อจุนขั้นเก้าละก็ งานนี้พวกเขาหนีไม่รอดแน่
“เจ้าหนีไปก่อน!” จิ่วโยวกัดฟันแน่นพลางกดเสียงต่ำบอกมู่เฉิน
มู่เฉินขมวดคิ้วผลักฝ่ามือไปที่จิ่วโยว คลื่นหลิงไร้ขอบเขตแผ่ออกมาทำให้นางถอยออกไปข้างหลัง “เจ้าหนีไปก่อน ข้ามีปีกหงส์ฟ้าอยู่”
จิ่วโยวไม่สนมู่เฉินเลย นางกลับพุ่งตัวเข้ามา นั่นเป็นเพราะนางรู้ว่าหากตนเองถอย ด้วยพลังที่มู่เฉินมี เขาจะต้านร่างชุดเทาได้อย่างไร
มู่เฉินยิ้มช่วยไม่ได้ เขาทำได้เพียงช่วยจิ่วโยวอย่างเต็มกำลัง เนื่องจากเขาไม่มีทางทิ้งจิ่วโยวให้อยู่คนเดียว
แต่ถึงทั้งสองร่วมมือกัน ก็ยังยากที่จะปะทะกับร่างชุดเทา พวกเขาถูกบีบจนต้องถอยอย่างต่อเนื่อง หากไม่ใช่เพราะพวกเขามีกลยุทธ์ คงตายตกอยู่ที่นี่ไปนานแล้ว
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น สถานการณ์ของพวกเขาก็ไม่เอื้ออำนวยอย่างยิ่ง
“เดี๋ยวข้าจะผลักเขากลับไป แล้วเจ้าก็ลากข้าหนี” จิ่วโยวขบฟันขณะเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ท่าทางของมู่เฉินเปลี่ยนไป ดูเหมือนวิธีที่จิ่วโยวใช้จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อตัวนาง แต่ถึงจุดนี้ก็ไม่มีทางอื่น เขาทำได้เพียงพยักหน้าอย่างหนักแน่น
จิ่วโยวสูดหายใจลึก เพลิงสีม่วงกลุ่มหนึ่งลุกโชนในดวงตา
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
แต่ขณะที่จิ่วโยวกำลังจะใช้ท่าไม้ตาย เสียงครางกระหึ่มเก่าแก่ก็ดังขึ้นในซากอารยธรรมโบราณแห่งนี้ สีหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็เห็นแสงสีขาวนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อมองชัดๆ แสงสีขาวเหล่านี้ก็คือป้ายวิญญาณไร้ชื่อนั่นเอง!
ป้ายวิญญาณที่มู่เฉินทำให้กับเหล่าจอมยุทธ์ผู้ล่วงลับที่นี่
“นี่มัน?”
จิ่วโยวก็ตกใจไปกับภาพนี้ด้วยเช่นกัน
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ป้ายวิญญาณไร้ชื่อนับไม่ถ้วนกวาดออกมา หมุนรอบร่างชุดเทาราวกับพายุทอร์นาโดพร้อมกับปล่อยแสงสีขาวฉายบนร่างเขา
ชี่! ชี่!
แสงสีขาวเหล่านั้นดูเหมือนจะสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับร่างชุดเทา ภายใต้แสงสีขาว รังสีสีแดงดำก็เริ่มถูกชำระ ร่างชุดเทาส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา
มู่เฉินกับจิ่วโยวอึ้งไปเมื่อเห็นภาพนี้ ไม่มีใครคิดว่าการกระทำเรียบง่ายของมู่เฉินจะส่งผลขนาดนี้
รังสีสีแดงดำรอบร่างชุดเท่าเริ่มจางลง หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็สลายหายไปหมด สีหน้าดุร้ายของเขาก็ไม่มีเหลือแทนที่ด้วยสีหน้าปลดเปลื้องจากภาระ
เมื่อใบหน้าของร่างชุดเทากลับสู่ปกติก็เหมือนมีอักขระโบราณปรากฏบนศีรษะเขาจางๆ
เมื่อเห็นอักขระโบราณนั่น ร่างจิ่วโยวก็สั่นเทิ้ม อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ “วังสวรรค์บรรพกาล?!”