หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 845 กองทัพจระเข้สวรรค์

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 845 กองทัพจระเข้สวรรค์

“ไม่รู้ว่าตอนนี้คุยกันดีๆ ได้หรือยัง?”

เสียงของมู่เฉินสะท้อนไปทั่วบริเวณ แม้ว่าน้ำเสียงจะราบเรียบ แต่ด้วยรัศมีจั้นยี่ที่กำจายอยู่รอบตัวก็ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาอีกแล้ว

กระทั่งจอมยุทธ์ทรงพลังอย่างสูป้าม่านตาก็ยังหดลง เขาจ้องมองมู่เฉินด้วยความดุร้ายพลางพูดขึ้นช้าๆ “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่ได้ระดับนี้ด้วยวัยเพียงเท่านี้ ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าต่ำไปหน่อย”

มู่เฉินยิ้มผ่านๆ เขาเหลือบตามองหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตที่ติดอยู่ในหุบเขา “เจ้าภูเขาเอ่อ ถ้าเราสู้กันตอนนี้ ข้าเกรงว่าจะไม่ดีต่อทั้งสองฝ่ายนะ หากเจ้าต้องการกินหน่วยรบเหยี่ยวโลหิต พวกเจ้าก็คงต้องจ่ายด้วยราคามหาศาลไม่ต่างกัน”

“ดังนั้นข้าอยากแนะนำให้พวกเจ้าถอยซะดีกว่า ไม่ว่าผลสุดท้ายในวันนี้จะเป็นอย่างไร อาณาเขตกงเวทสวรรค์ค่อยมาจัดการทั้งต้นทั้งดอกในอนาคตกับพวกเจ้า ดีไหม?”

ชายหนุ่มยืนอยู่บนท้องฟ้ายิ้มใจเย็น แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับสายตาของนักรบจระเข้สวรรค์ แต่ก็ไม่มีร่องรอยความหวาดกลัวบนใบหน้า ความสงบนิ่งของเขาทำให้กองทัพจำนวนมากที่อยู่บริเวณนี้ต้องชื่นชม

สูป้ารู้สึกประหลาดใจที่มู่เฉินสงบปานนี้ แต่เขากลับกระตุกยิ้มตอบด้วยความโกรธขึงในใจ นิ้วชี้ไปที่จำนวนนักรบจระเข้สวรรค์ที่น่าอัศจรรย์ใจ พูดด้วยสีหน้าชวนขนลุก “ไอ้หนู แกแน่ใจหรือว่าจะทำให้ข้าต้องจ่ายราคามหาศาลด้วยพลังที่พวกแกมี?”

แม้เขาจะประหลาดใจกับรัศมีจั้นยี่กว้างใหญ่ที่กำจายออกมาจากหน่วยรบวิหคโลกันตร์เมื่อครู่ แต่นั่นก็หมายความว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์มีคุณสมบัติที่จะสู้รบกับกองทัพจระเข้สวรรค์ในจำนวนคนเท่ากันเท่านั้น แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ฝ่ายเขามีนักรบหมื่นคน ขณะที่หน่วยรบวิหคโลกันตร์มีเพียงห้าพันคนเท่านั้น เมื่อใดที่การต่อสู้ปะทุขึ้น หน่วยรบวิหคโลกันตร์ต้องรับเคราะห์หนักแน่นอน

ดังนั้นสูป้าจึงคิดว่านี่เป็นมุกตลก เมื่อมู่เฉินพูดถึงสิ่งที่ต้องจ่าย

ในหุบเขาเสี่ยยิงและพรรคพวกจ้องมองท้องฟ้าที่ไกลออกไป หน่วยรบวิหคโลกันตร์กำลังประจันหน้ากับกองทัพจระเข้สวรรค์ สายตาพวกเขาฉายแววซับซ้อน นั่นเพราะพวกเขาเห็นได้ชัดเจนว่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน่วยรบวิหคโลกันตร์ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว

“ท่านผู้บัญชาการ ข้าเกรงว่ายังเป็นไปไม่ได้ที่หน่วยรบวิหคโลกันตร์จะสู้กับกองทัพจระเข้สวรรค์ได้…” หวูเทียนเกิดอาการลังเลวูบหนึ่งก่อนจะพูดออกมา แม้เขาจะรู้สึกซับซ้อนในใจจากการช่วยเหลือของหน่วยรบวิหคโลกันตร์ แต่เขาก็พูดความจริง เนื่องจากก่อนหน้าพวกเขาได้ประลองกับกองทัพจระเข้สวรรค์มาแล้ว จึงตระหนักดีว่าอีกฝ่ายทรงพลังอำนาจมากแค่ไหน

แม้ว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์จะเหนือชั้นกว่าในอดีต แต่รากฐานก็ยังอ่อนแอกว่าศัตรู

ตามความคิดของหวูเทียน อาจมีเพียงหน่วยรบอสุราของผู้บัญชาการซิวหลัวหรือหน่วยรบแยกคีรีของผู้บัญชาการเลี่ยซันเท่านั้นที่จะสามารถจัดการกับกองทัพจระเข้สวรรค์ได้

ตอนนี้หน่วยรบวิหคโลกันตร์ยังขาดไปอีกเล็กน้อย

เสี่ยยิงพยักหน้าเมื่อฟังความคิดของหวูเทียน เขามองการเผชิญหน้ากันบนท้องฟ้าก็เอ่ยว่า “หวูเทียน ถ้าหน่วยรบวิหคโลกันตร์เริ่มเคลื่อนไหว เจ้าก็นำทัพเข้าร่วมตีประสานกับพวกเขา พยายามช่วยลดทอนแรงกดดัน”

“สำหรับสูป้า ข้าจะประกบมันไว้ไม่ให้เข้ามาแทรกแซงในสมรภูมิได้”

หวูเทียนพยักหน้า ภายใต้สถานการณ์วิกฤตนี้มีแต่การร่วมมือกับหน่วยรบวิหคโลกันตร์ถึงจะทำลายการปิดกั้นของกองทัพจระเข้สวรรค์ได้

ขณะที่ทั้งสองสนทนากัน ทางมู่เฉินก็หรี่ตาลงกับการเยาะเย้ยของสูป้า ดูเหมือนว่าสูป้าคิดเพิกเฉยต่อหน่วยรบวิหคโลกันตร์ เนื่องจากเขามีข้อได้เปรียบเรื่องกำลังพล…

ในเมื่อเป็นแบบนี้…

มือของมู่เฉินสร้างตราประทับทันที ความคมกริบพวยพุ่งในดวงตาสงบนิ่ง รัศมีแหลมคมกำจายออกจากร่างราวกับกระบี่ชักออกจากฝัก

“หน่วยรบวิหคโลกันตร์!” มู่เฉินตะเบ็งเสียงเหี้ยม

“ลุย!”

นักรบวิหคโลกันตร์กระแทกหอกลงกับพื้นดินพลางส่งเสียงโห่ร้องสะท้อนไปยังขอบฟ้า รัศมีจั้นยี่ราวกับคลื่นสีดำหมื่นจั้งกวาดออกมาพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อมองจากที่ไกลเหมือนกับมหาสมุทรสีดำที่กวนตัวในบริเวณนี้เลยทีเดียว

กีด!!!

มู่เฉินกระแทกเท้าลงไป ทำให้รัศมีจั้นยี่ที่พวยพุ่งกลิ้งตัวไปมาที่ด้านหลังพร้อมกับเสียงร้องที่อัดแน่นไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้เกรี้ยวกราดดังขึ้น จากนั้นผู้คนก็เห็นวิหคโลกันตร์ที่สลักด้วยลวดลายจั้นเหวินก่อร่างขึ้นในรัศมีจั้นยี่ ปีกกว้างใหญ่กางออกปกคลุมมืดฟ้ามัวดิน…

หน่วยรบวิหคโลกันตร์กู่ร้องก้องฟ้า ทุกคนตกตะลึงและหวาดผวาเมื่อเห็นรัศมีจั้นยี่สีดำพวยพุ่งขึ้นสู่ข้ามขอบฟ้า แผ่กระจายไปทั่วบริเวณภายในเวลาไม่กี่อึดใจ

“วิญญาณสงคราม?!”

เสียงอุทานตกตะลึงดังก้องไปทั่ว ใบหน้าของผู้คนโดยรอบเปลี่ยนแปลงรุนแรง ขณะที่ดวงตาทุกคู่เบิกกว้างกับฉากเหลือเชื่อเบื้องหน้า

“มู่เฉินสามารถกลั่นวิญญาณสงครามหน่วยรบวิหคโลกันตร์ได้รึ…” ในหุบเขาเสี่ยยิงและหวูเทียนก็มีสีหน้าแข็งทื่อเมื่อเห็นภาพดังกล่าว จากนั้นพวกเขาก็แลกเปลี่ยนสายตากันและอดไม่ได้ที่จะสูดอากาศเย็นจนสุดปอด

ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมมู่เฉินและจิ่วโยวถึงกล้าบุกเดี่ยวทั้งที่รู้ว่ากองทัพจระเข้สวรรค์อยู่ที่นี่ ที่แท้พวกเขาก็มีความมั่นใจเต็มร้อยนี่เอง

เพราะทุกคนเข้าใจชัดเจนว่าวิญญาณสงครามหมายถึงอะไรสำหรับกองทัพในการเพิ่มประสิทธิภาพของพลัง

“เจ้านี่…” หวูเทียนแววตาซับซ้อนขณะที่ถอนหายใจด้วยความยากลำบาก ปีที่แล้วตอนที่มู่เฉินเพิ่งเข้าร่วมอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ที่หวูเทียนไม่ได้ให้ความสนใจ แต่หลังจากผ่านไปปีเดียว ไม่ว่าจะเป็นที่สามในบันทึกมังกรหงส์หรือทักษะการบังคับบัญชากองทหารก็ไปถึงจุดสูงที่หวูเทียนไม่สามารถเข้าถึงได้แล้ว

ในเวลานี้แม้แต่หวูเทียนก็ต้องยอมรับว่ามีช่องว่างกว้างใหญ่ระหว่างตนเองกับมู่เฉิน แม้บางคนอาจไร้ชื่อเมื่อในอดีต แต่สุดท้ายเขาก็ต้องสร้างชื่อจนทำให้ทั้งโลกตกตะลึงแน่นอน

“วิญญาณสงคราม?”

ดวงตาของสูป้าจับจ้องวิหคโลกันตร์ในรัศมีจั้นยี่กว้างใหญ่ ใบหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม เนื่องจากไพ่เด็ดที่มู่เฉินซ่อนไว้เกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก

และตอนนี้เขาก็รู้ว่าทำไมมู่เฉินถึงกล้าพูดเรื่องที่เขาต้องจ่ายราคามหาศาล ไม่ใช่เพราะชายหนุ่มคนนี้อายุน้อยและหยิ่งยโส แต่เพราะเขามีความสามารถอย่างแท้จริง

แม้ว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์ที่มีวิญญาณสงครามจะด้อยกว่ากองทัพจระเข้สวรรค์ในแง่ของกำลังพลมาก แต่กระทั่งสูป้าก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้ นั่นเพราะเขารู้ซึ้งเกี่ยวกับความสำคัญของวิญญาณสงครามที่มีต่อกองทัพ

ฟังยี่ที่อยู่ด้านข้างสูป้าก็ขมวดคิ้วแน่น นี่เป็นครั้งแรกที่เขามองมู่เฉินอย่างจริงจัง เมื่อก่อนเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับมู่เฉินมากนัก ถึงอีกฝ่ายจะสร้างผลงานน่าทึ่งในศึกมังกรหงส์เอาไว้ แต่ฟังยี่รู้ว่าหากเขาไม่ได้เผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดอย่างไฉ่เซียว ความเจิดจรัสของมู่เฉินก็จะถูกเขากดเอาไว้จนไร้สีสัน

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะประมาทคู่ต่อสู้ที่เคยมองข้ามไป

นั่นเพราะเขารู้ดีถึงศักยภาพและการข่มขวัญของจอมยุทธ์ที่สามารถกลั่นวิญญาณสงครามของกองทัพได้

แววตาของสูป้าเย็นเยือกลงหลายส่วนขณะจ้องมองไปที่มู่เฉินพูดอย่างน่าขนลุกว่า “แกคิดว่าจะประจัญบานกับกองทัพจระเข้สวรรค์ได้ด้วยวิญญาณสงครามเรอะ? งั้นข้าจะลองหน่อยว่าวิญญาณสงครามทรงพลังอย่างที่เจ้าคิดจริงหรือไม่!”

แม้สูป้าจะรู้ว่าวิญญาณสงครามแข็งแกร่งปานใด แต่ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้สำหรับเขาที่จะเลือกถอย แม้เขารู้ว่าตนเองจะต้องจ่ายราคาแพงระยับหากการต่อสู้เกิดขึ้น

ฟังยี่ยื่นมือออกหยุดสูป้าที่จะแสดงความเกรี้ยวกราด เขามองไปที่มู่เฉินพลางแสยะยิ้ม “มู่เฉิน เจ้าทำให้พวกข้าประหลาดใจจริงๆ…”

“ชมเกินไป…” มู่เฉินยิ้มเรียบนิ่งขณะตอกกลับ “ถ้าทั้งสองคนไม่คิดจะสู้ศึกมรณะนี้ แล้วปล่อยให้คนอื่นได้รับผลประโยชน์ ข้าคิดว่าจะดีกว่าถ้าพวกเราต่างถอยคนละก้าว”

ฟังยี่เผยรอยยิ้มพูดช้าๆ ว่า “นั่นหมายความว่าเจ้าก็ไม่กล้าสู้ศึกมรณะกับกองทัพจระเข้สวรรค์สินะ เพราะเจ้าก็รู้ว่าหน่วยรบวิหคโลกันตร์ต้องจ่ายราคาด้วยเช่นกัน ในเมื่อเจ้าก็กลัวเหมือนกัน ไม่ไร้เดียงสาไปหน่อยเหรอที่คิดจะช่วยคนอื่นโดยไม่สูญเสียอะไร?”

มู่เฉินหรี่ตา “เจ้าอยากรู้ว่าใครโหดกว่ากันเรอะ?”

ฟังยี่โบกมือ “ไม่มีเหตุผลที่จะต้องสู้กันแบบโหดหินขนาดนั้น แต่เจ้าน่าจะรู้ว่าถ้าเจ้าช่วยคนของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ไปได้อย่างง่ายดาย นั่นจะไม่ค่อยดีสำหรับหมู่ตึกเทวะเท่าไรนะ”

“แล้วเจ้าต้องการอะไร?” มู่เฉินยกคิ้วพลางยิ้มขณะมองไปที่ฟังยี่ผู้เป็นเจ้าบันทึกมังกรหงส์

ฟังยี่ยิ้มเอี้ยวหน้าไปมองสูป้า “ท่านสู เรื่องต่อไปปล่อยให้ข้าตัดสินใจได้ไหม?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี่ สูป้าก็ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า ฟังยี่มีตำแหน่งพิเศษในหมู่ตึกเทวะ แม้เขาจะยังอายุน้อย แต่ความสำเร็จในอนาคตต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธคำขอของอีกฝ่าย

นอกจากนี้สถานการณ์ตอนนี้ชักอิรุงตุงนัง เนื่องจากการปรากฏตัวของหน่วยรบวิหคโลกันตร์ ในเมื่อฟังยี่ต้องการที่จะจัดการเรื่องนี้ เขาก็ยินดีที่จะส่งต่อ

เมื่อเห็นสูป้าพยักหน้าเห็นด้วย ฟังยี่ก็หันมาหามู่เฉินและยิ้มบาง “เจ้าน่าจะรู้หากการต่อสู้ระหว่างทัพเกิดขึ้น เราต้องสูญเสียอะไรมากมาย แต่ในเมื่อพวกเจ้าต้องการช่วยเหลือคนของตัวเอง การใช้ลมปากก็ไร้ประโยชน์”

“แล้วไง?” มู่เฉินเอียงหัวยิ้มมองฟังยี่

“ในศึกมังกรหงส์ ข้าได้เห็นศักยภาพของเจ้าที่ค่อนข้างดี แต่ข้าคิดว่าความสำเร็จของเจ้าเกี่ยวกับสหายของเจ้าอยู่หลายส่วน” ฟังยี่กางมือออกช้าๆ ขณะที่คลื่นหลิงวูบไหวที่ปลายนิ้ว ริ้วพลังดูคล้ายกับสายฟ้า ขณะที่ความผันผวนอันตรายแผ่กระจายออกไป

“ข้ามีข้อเสนอในการจัดการปัญหานี้โดยไม่ต้องสูญเสียมาก แต่นั่นขึ้นอยู่ว่าเจ้าจะกล้าพอรึเปล่า”

สายตามู่เฉินหดเกร็งเล็กน้อย

ฟังยี่ยิ้มอ่อนโยน ทว่าในส่วนลึกของดวงตากลับมีแสงกินลึกไม่อาจหยั่งรู้พล่านอยู่

“นั่นก็คือดวลกับข้า”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset