หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 847 ม้ามืดปะทะเจ้าบันทึก
เมฆขาวลอยอยู่บนท้องฟ้า
ทว่าขณะที่ร่างสองร่างเผชิญหน้ากัน คลื่นหลิงไร้ขอบเขตที่เจาะทะลุไปถึงชั้นฟ้า ก็ทำให้หมู่เมฆเกิดการเปลี่ยนแปลง กลุ่มเมฆบนท้องฟ้าถูกฉีกออกจากกันจนหมด
สายตามากมายพุ่งตรงไปที่จอมยุทธ์ทั้งสองบนท้องฟ้า
ไกลออกไปยังมีร่างแสงทะยานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ชัดว่าต่างได้รับข่าวการประลองกันระหว่างเจ้าบันทึกและม้ามืดของบันทึกมังกรหงส์
นี่เป็นการดวลที่หลายคนให้ความสนใจอย่างยิ่ง
ฟังยี่สวมชุดขาวสะอาดยืนสง่างามอยู่บนท้องฟ้า ผมสีดำพลิ้วไหว ดูเต็มไปด้วยความมั่นมาก ปฏิกิริยาแรกเขากวาดสายตามองผู้คนที่เข้ามา ก่อนจะมองไปที่มู่เฉิน “ดูเหมือนเจ้าก็มีชื่อเสียงในภูมิภาคทางเหนือไม่น้อยเหมือนกันนี่”
“ต้องขอบคุณพวกเจ้า” มู่เฉินยิ้ม
ฟังยี่ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับคำพูดที่แฝงความหมายของมู่เฉิน เขาเพียงแค่ยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจ ในเมื่อเจ้ารู้ว่าต้องขอบคุณพวกข้า งั้นข้าก็จะเอาคืน”
“ในเมื่อข้าให้ชื่อกับเจ้าได้ ข้าก็ลบชื่อเจ้าออกไปอีกครั้งได้เช่นกัน”
“งั้นเหรอ?” มู่เฉินยักไหล่พลางมองฟังยี่และยิ้ม “ข้าหวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ แต่ข้าก็มีคำแนะนำสำหรับเจ้า อย่ากัดคำใหญ่เกินกว่าที่จะเคี้ยว ไม่งั้นถ้าเสียตำแหน่งเจ้าบันทึกมังกรหงส์ขึ้นมา ก็สายไปที่จะเสียใจ”
“งั้นเจ้าก็ต้องมีความสามารถถึงจะทำได้”
สีหน้าของฟังยี่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ไอเย็นเยือกกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในดวงตา คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออกไปทั่วร่าง ราวกับพายุที่สร้างความวินาศสันตะโร
เมื่อรับรู้ถึงแรงกดดันคลื่นหลิงที่ปล่อยออกมาจากฟังยี่ สายตาของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด แม้ในคำพูดจะไม่ยอมถอย แต่ในใจเขาก็รู้ดีว่าฟังยี่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
พิจารณาจากแรงกดดันคลื่นหลิงที่กำจายออกมา เห็นชัดว่าเขามีเสถียรภาพมั่นคงในขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า แค่จุดนี้ก็ชี้ได้ว่าเขาแข็งแกร่งกว่าชิวไท่ยิงไม่รู้กี่เท่า
การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องสาหัสแน่!
ขณะที่คลื่นหลิงรวมตัวกันรอบๆ ร่างทั้งสอง ผู้คนที่ถูกดึงดูดก็มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขามองทั้งคู่ที่อยู่บนท้องฟ้าจากระยะไกล ปากก็กระซิบกระซาบกัน
“ฮ่าๆ การเผชิญหน้าครั้งนี้น่าสนใจจริงๆ การต่อสู้ระหว่างเจ้าบันทึกกับม้ามืด ไม่รู้ว่าใครจะหัวเราะเป็นคนสุดท้ายกัน”
“ข้าคิดว่าฟังยี่มีโอกาสชนะมากกว่า ยังไงเขาก็อยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า ขณะที่มู่เฉินอยู่ในขั้นสี่เท่านั้น”
“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้ พลังแท้จริงของมู่เฉินแข็งแกร่งกว่าที่เห็นภายนอก ว่ากันว่าในพิธีมอบยศราชันของอาณาเขตกงเวทสวรรค์ชิวไท่ยิงที่มีขุมพลังขั้นห้าก็ยังพ่ายแพ้ให้กับมู่เฉิน”
“ชิวไท่ยิงเพิ่งจะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าจะเทียบกับฟังยี่ได้ยังไง?”
“หากมู่เฉินพ่ายแพ้ ก็ลดประกายแสงของเขาลงได้มั่ง ไอ้หนุ่มคนนี้ชื่อเสียงพุ่งทะยานอย่างบ้าระห่ำมากเกินไปในช่วงนี้ ซึ่งควรจะได้รับการปรามลงบ้าง ให้เขารู้ว่าควรจะมีพฤติกรรมที่เหมาะสมและอ่อนน้อมถ่อมตนในภูมิภาคทางเหนือ”
“…”
เสียงกระซิบกระซาบหลากหลายดังขึ้นทั่วบริเวณ แต่สำหรับการเผชิญหน้าของพวกเขา หลายคนโอนเอียงไปทางฟังยี่ เพราะไม่ว่ามู่เฉินจะผุดขึ้นรวดเร็วปานใด เขาก็ยังขาดไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเจ้าบันทึกมังกรหงส์ที่มีประสบการณ์สูง
นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือมู่เฉินมีขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่เท่านั้น ขณะที่ฟังยี่บรรลุขั้นห้ามานานแล้ว
แม้หลายคนทราบดีถึงความสำเร็จของมู่เฉิน และรู้ว่าพลังแท้จริงของชายหนุ่มแข็งแกร่งกว่าที่มองเห็นบนพื้นผิว แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าแบบสามัญก็มีปัญหาที่จะต่อกรกับเขา แต่…ฟังยี่ไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา
ในฐานะผู้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีในหมู่ตึกเทวะ ไพ่ตายของเขาเป็นสิ่งที่ทุกคนยากจะคาดเดาได้
ในหุบเขาเสี่ยยิง หวูเทียนและพรรคพวกที่ถูกปิดทางเข้าออกก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่จอมยุทธ์ทั้งสองบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดลงหลายส่วน แม้ว่าพวกเขาจะได้เห็นพลังแท้จริงของมู่เฉินระหว่างการทำพิธีมอบยศราชัน แต่พวกเขาก็รู้ชัดเจนว่าฟังยี่ทรงพลังขนาดไหน
จอมยุทธ์ที่สามารถครอบครองตำแหน่งเจ้าบันทึกมังกรหงส์มาหลายปีต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน
“หากมู่เฉินรักษาชีวิตในการดวลนี้ไปได้ ชื่อเสียงของเขาในกลุ่มจอมยุทธ์รุ่นใหม่แห่งภูมิภาคทางเหนือก็จะไม่มีใครสั่นคลอนได้” เสี่ยยิงกล่าวช้าๆ ช่วงนี้มู่เฉินก้าวกระโดดไปอย่างรวดเร็วทั่วดินแดนแถบนี้ ซึ่งดึงดูดความสงสัยมากมาย เช่นหลายคนรู้สึกว่าความสำเร็จของมู่เฉินในศึกมังกรหงส์เกิดจากความช่วยเหลือของธิดาเทพจักรพรรดิอัคคี ดังนั้นจึงมีข้อกังขาเกี่ยวกับอันดับสามที่เขาได้รับในบันทึกมังกรหงส์
แต่การต่อสู้ครั้งนี้จะทำให้ชื่อเสียงเขามีเสถียรภาพมากขึ้น
แน่นอนว่านี่ก็มีความเสี่ยงเช่นกัน นั่นเพราะหากเขาพ่ายแพ้ให้กับฟังยี่ ชื่อเสียงของยอดม้ามืดก็อาจจะถูกทำลายลง การก้าวเดินในอนาคตของเขาก็จะลดฮวบลงอย่างมาก
ในภูมิภาคทางเหนือที่โหดร้าย ไม่มีใครไปจดจำผู้แพ้หรอก
ตู้ม!
คลื่นหลิงกว้างใหญ่ครางกระหึ่มราวกับมหาสมุทรรอบตัวฟังยี่ ริ้วคลื่นคล้ายกับสายฟ้า ขณะที่ส่งเสียงคำรามลึกกังวานไปทั่ว ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบสั่นคลอนอย่างรุนแรง
มู่เฉินที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก็มีปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลงไปจริงจัง ในศึกมังกรหงส์ เขาเห็นแค่ฟังยี่ถูกบีบให้อยู่ในสภาพน่าอนาถจากฝีมือไฉ่เซียว แต่การมายืนเบื้องหน้าฟังยี่ด้วยตัวเองก็ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มาจากอีกฝ่ายเต็มๆ
จอมยุทธ์คนนี้เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมาก
“หากกำลังคิดเสียใจตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว คนเราจะต้องจ่ายอะไรบ้างสำหรับความจองหองที่มี” ฟังยี่จ้องมองมู่เฉินขณะที่พูดอย่างเย็นชา
มู่เฉินเบ้ปาก ไม่คิดจะสนใจฟังยี่ เขากำมือเสาปีศาจก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับรัศมีร้ายกาจเชี่ยวกราก ฝ่าเท้ากระแทกลงไปบนท้องฟ้า ร่างก็กลายเป็นลำแสงพุ่งตัวออกไป
ตู้ม!
พริบตาเดียว เสาปีศาจก็นำพาเงามหึมาและพลังอันน่าสะพรึงกลัว ทุบลงที่อีกฝ่ายโดยไม่ปรานีใดๆ
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ บนสีหน้าของฟังยี่ มีเพียงแสงสีทองพวยพุ่งบนฝ่ามือ ก่อนที่จะกระแทกเต็มแรงกับเสาปีศาจ
เคร้ง!
เสียงชนกันของโลหะดังสะท้อนไปทั่วขอบฟ้า คลื่นกระแทกที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่ากระจายออกไป ภายใต้ผลกระทบของพลัง มู่เฉินก็ถลากลับไปด้านหลัง เสาปีศาจในมือก็พุ่งขึ้นสูง
“แกซึ้งแน่ถ้าทำกับข้าเหมือนจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าธรรมดาที่แกเคยปะทะมาก่อน” ฟังยี่มองภาพเบื้องหน้าอย่างไม่แยแส จากนั้นก็ก้าวออกมาปรากฏตัวเหนือเสาปีศาจ ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงไป
“คืนให้แก!”
คลื่นหลิงยิ่งใหญ่ระเบิดออก เสาปีศาจกลายเป็นเงาดำพร้อมกับเสียงเสียดแก้วหูลั่นดังไปทั่ว ขณะที่พุ่งเข้าใส่มู่เฉิน คลื่นพลังที่ส่งมาเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้าธรรมดายังไม่กล้าเผชิญ
“หึ!”
เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้ามู่เฉินก็เค้นเสียงเย็นในใจ ฟังยี่หลักแหลมนัก มันใช้เสาปีศาจย้อนกลับมาโจมตีเขา เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีแบบนี้ ถ้าเขาล่าถอยไปก็เท่ากับยอมรับว่าตนเองอ่อนด้อยกว่า จนเป็นการปล่อยให้ฟังยี่คว้าโอกาสชี้ชะตา แต่ถ้าเขารับสิ่งนี้ก็จะเป็นภาพที่ฟังยี่ต้องการเห็น เพราะด้วยวิธีนี้อีกฝ่ายก็จะสามารถปราบมู่เฉินได้ด้วยคลื่นทรงพลังที่มี
สายตานับไม่ถ้วนจ้องไปที่มู่เฉินในตอนนี้
“อาวุธของข้า แกยังไม่มีสิทธ์ใช้!”
ภายใต้สายตาเปล่งประกายนับไม่ถ้วน ใบหน้าของมู่เฉินก็กลายเป็นเย็นชา มือเคลื่อนไหวสร้างตราประทับเร็วรี่ แสงสีทองระเบิดออกจากหน้าอกพร้อมกับเสียงคำรามของมังกรโบราณที่อัดแน่นไปด้วยเกียรติภูมิยิ่งใหญ่ดังก้อง
เมื่อแสงสีทองพวยพุ่ง วิญญาณมังกรแท้จริงก็ปรากฏวงโคจรที่ท่อนแขนขวาของมู่เฉิน ช่างดูเหมือนลวดลายมังกร โดยมีกรงเล็บของวิญญาณมังกรแท้จริงปกคลุมฝ่ามือของมู่เฉินและสอดรับกับนิ้วเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
แสงสีทองพล่านเข้ามาในนัยน์ตา แขนก็ดูเหมือนจะขยายขนาดเพิ่มอีกเท่าตัว สามารถมองเห็นเส้นเลือดบิดเกลียวอยู่ภายใต้ผิวหนัง ราวกับมีมังกรซ่อนเร้นอยู่ในแขนขวาของเขา!
พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นของมู่เฉิน เขาก็ค่อยๆ เผยพลังกายามังกรหงส์ออกมา!
“ตู้ม!”
เสาปีศาจบีบกดลงมาราวกับภูเขา บนเสาโอบล้อมด้วยคลื่นหลิงที่ทรงพลังและรุนแรง นี่คือคลื่นหลิงของฟังยี่ เขาใช้ห่อหุ้มเสาปีศาจเอาไว้ชั่วคราว ซึ่งทำให้มู่เฉินไม่สามารถควบคุมมันได้
ตอนนี้ชัดว่าเสาปีศาจจำผู้ครอบครองแบบมู่เฉินไม่ได้แล้ว
ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน ร่างมู่เฉินไม่ได้ขยับเขยื้อน เขาเงยหน้าขึ้นมองเสาปีศาจที่สะท้อนในนัยน์ตาและขยายขนาดอย่างรวดเร็ว ก็สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด ก่อนจะเหวี่ยงกำปั้นออกไปซัดเสาปีศาจท่ามกลางสายตาตะลึงใจนับไม่ถ้วนของฝูงชน
ตึง!
ไม่มีกลยุทธ์ใดในกำปั้นนี้ แต่พลังที่บรรจุในนั้นกลับทำให้เกิดรอยแตกปรากฏบนมิติโดยรอบ
เคร้ง!
เสียงโลหะระเบิดออกราวกับฟ้าคำรน สั่นสะเทือนกระแสเลือดของจอมยุทธ์หลายคนจนพลิกคว่ำพลิกหงาย แต่สายตาของพวกเขายังคงจับจ้องไปบนท้องฟ้า
ที่จุดนั้นมู่เฉินยังค้างอยู่ในท่าเดิม เหนือร่างเขาขึ้นไปเสาปีศาจขนาดใหญ่หยุดเคลื่อนไหวแล้ว คลื่นพลังทรงประสิทธิภาพที่ห่อหุ้มถูกต้านไว้ทั้งหมด
เหล่าจอมยุทธ์เห็นคลื่นหลิงสีทองของฟังยี่ที่ใช้ห่อหุ้มเสาปีศาจถูกทำลายโดยกำปั้นหลุนๆ ของมู่เฉินจนแตกออกเป็นเสี่ยง
ผู้คนอึ้งไป ชัดว่าตื่นตะลึงกับพลังที่มากับกำปั้นของมู่เฉิน
ภายใต้สายตาเหล่านั้น ร่างของมู่เฉินเคลื่อนไหวพลิ้วตัวลงบนเสาปีศาจ ในม่านตาสีดำราวกับมีมังกรคำรามอยู่นำพาแรงกดดันที่ไม่สามารถอธิบายได้กวาดไปยังฟังยี่
“คราวหน้าอย่าแตะต้องอาวุธของคนอื่น ไม่งั้นอาจทำให้อับอายเอง” มู่เฉินยืนผ่าเผยบนเสาปีศาจ จากนั้นดวงตาคมชัดก็จับจ้องไปที่ฟังยี่พร้อมกับเค้นเสียงในลำคอ
ฟังยี่หรี่ตาพลางพยักหน้าช้าๆ
“งั้นมาดูกับว่าใครกันที่จะได้อาย!”