หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 860 วิญญาณสงครามเหยี่ยวโลหิต
แจ้งสิ่งที่ต้องการกับผู้บัญชาการทั้งสี่เรียบร้อย
มู่เฉินก็เข้าไปเชื่อมโยงกับมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่อีกครั้ง บางทีอาจเป็นเพราะได้รับอนุญาตแล้ว นักรบแต่ละหน่วยก็ปลดการป้องกันทั้งหมดให้มู่เฉินเข้ามา กระแสจิตอันมุ่งมั่นภายในมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่จึงเริ่มก่อสัมพันธ์กับคลื่นแปลกหน้าอย่างมู่เฉิน
มู่เฉินเริ่มหลอมรวมอย่างเงียบๆ แต่ไม่ได้ขัดขวางการไหลเวียนรัศมีจั้นยี่ของหน่วยรบทั้งสี่ ราวกับว่าเขาเป็นผู้ชมที่เฝ้ามองตามไปเรื่อยๆ
หากเขาต้องการทำให้เกิดการสั่นพ้องในรัศมีจั้นยี่ เขาจะต้องกลมกลืนเป็นส่วนเดียวกันให้ได้เสียก่อน
ขณะที่มู่เฉินว่ายวนไปเรื่อยๆ หัวใจก็เริ่มสงบลง เสียงตะเบ็งแห่งการต่อสู้ไม่รู้จบที่ก้องอยู่ในใจก่อนหน้าก็เริ่มเบาลงทีละน้อย…ละน้อย จนกระทั่งจางหายไปในที่สุด
ณ ที่แห่งนี้ทุกสรรพสิ่งเงียบสงบ
ในสายตาของคนนอก มองเห็นรัศมีรอบตัวของมู่เฉินถอนออกอย่างสมบูรณ์ เมื่อผู้บัญชาการทั้งสี่มองไปที่หน่วยรบของตนเอง พวกเขาก็พบว่ารัศมีจั้นยี่ที่เคยพลุ่งพล่านก่อนหน้า บัดนี้สงบลงมาก…
พวกเขาไม่ทราบสาเหตุของการเปลี่ยนแปลง แต่ดวงตาของพวกเขากลับเปล่งประกายแสงมากขึ้น นั่นเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อย่างน้อยก็พิสูจน์ให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาของมู่เฉินในศาสตร์รัศมีจั้นยี่
บางทีมู่เฉินอาจสามารถช่วยกลั่นวิญญาณสงครามของหน่วยรบพวกเขาได้จริงๆ
พวกเขาไม่กังวลว่ามู่เฉินจะทำตุกติกอะไรกับหน่วยรบพวกเขา เนื่องจากทุกคนเป็นสมาชิกอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ถ้ามู่เฉินคิดไม่ซื่อ ในอาณากงเวทสวรรค์ก็คงไม่มีที่ยืนสำหรับเขาอีก นอกจากนี้พวกเขามีความเข้าใจเกี่ยวกับนิสัยมู่เฉินมากขึ้น หลังจากได้พูดคุยกันมากในช่วงนี้ ด้วยนิสัยของชายหนุ่มเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำสิ่งที่น่ารังเกียจเหล่านั้น
เวลาเคลื่อนผ่านไปช้าๆ ในยามค่ำคืน
หกชั่วโมงต่อจากนั้น กระแสจิตของมู่เฉินก็ราวกับกลายเป็นสายธารจิตอันมุ่งมั่นของนักรบคนหนึ่งแล้วหลอมรวมเข้ากับหน่วยรบทั้งสี่อย่างสมบูรณ์แบบ
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีจั้นยี่ของหน่วยรบทั้งสี่ไม่ได้ปฏิเสธเขาอีกแม้แต่น้อย ทว่านี่ก็ยังไม่เพียงพอ
“พวกเจ้า…ต้องการที่จะกลั่นวิญญาณสงครามเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้นไหม?” จิตอันมั่งมั่นของมู่เฉินกำจายออกไปท่ามกลางมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่อันยิ่งใหญ่ทั้งสี่และถูกถ่ายทอดไปยังนักรบทุกคน
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่กระเพื่อมขึ้นฉับพลัน นี่เป็นการตอบสนองรุนแรงที่สุดที่ทั้งสี่หน่วยรบตอบรับ ช่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่แทบบ้าคลั่ง
ความฝันของทุกกองทัพคือการสร้างวิญญาณสงคราม เพราะวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้กองทัพเหมือนมีจิตวิญญาณ
ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็จะเป็นนักรบที่กระจัดกระจาย ไม่สามารถประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่ได้
เมื่อมู่เฉินได้ยินเสียงตอบรับรุนแรง เขาก็ยิ้มบางในใจ ด้วยการตอบสนองเข้มข้นแบบนี้ ต่อไปก็จะทำให้เกิดการสั่นพ้องที่ง่ายกว่ามาก
ผู้บัญชาการทั้งสี่ก็สัมผัสได้ถึงรัศมีจั้นยี่ที่พลุ่งพล่านในหน่วยรบของตน แต่ละคนถูมือเข้าด้วยกันด้วยความตื่นเต้น
“จอมยุทธ์ทั้งหลาย นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าลองใช้วิธีนี้ จึงไม่สามารถช่วยทั้งสี่หน่วยรบกลั่นวิญญาณสงครามในครั้งเดียว เนื่องจากหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตมีจำนวนคนน้อยที่สุด ข้าก็ขอเริ่มจากพวกเขาก่อน”
แต่เมื่อคำพูดของมู่เฉินส่งผ่านโสตประสาท ผู้บัญชาการอีกสามคนก็มีใบหน้าแข็งทื่อ ส่วนเสี่ยยิงถึงกับยิ้มกริ่ม สิ่งนี้ทำให้ผู้บัญชาการทั้งสามจ้องเขาเขม็ง เนื่องจากพวกเขาไม่คิดว่าหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตจะเป็นกองทัพแรกที่ได้ทดลอง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้คาดหวังเต็มร้อยว่ามู่เฉินจะประสบความสำเร็จได้จริง เพราะการกลั่นวิญญาณสงครามไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าเกิดสำเร็จขึ้นมาล่ะ?
แค่คิดว่าหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตจะสร้างวิญญาณสงครามขึ้นมาได้ ผู้บัญชาการอีกสามคนก็เบะปากอย่างไม่พอใจ
ณ จุดนี้มู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจกับความคิดของเหล่าผู้บัญชาการ เพราะเขารู้ชัดว่าด้วยขุมพลังที่มีในปัจจุบัน ถ้าเขาคิดจะช่วยหน่วยรบทั้งสี่ในการกลั่นวิญญาณสงครามพร้อมกันละก็ คลื่นจิตของเขาคงถูกทำลายด้วยรัศมีจั้นยี่อันป่าเถื่อน
ดังนั้นเขาจึงต้องลองทีละหน่วยรบ ในเมื่อหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตมีจำนวนคนเหลือน้อยที่สุด จึงเป็นเป้าหมายที่ดีที่เขาจะทดลอง
เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ เขาก็ถอนคลื่นจิตมั่นคงออกจากอีกสามหน่วยรบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมุ่งเน้นไปที่รัศมีจั้นยี่เหยี่ยวโลหิต เหล่านักรบเหยี่ยวโลหิตระเบิดความยินดีปรีดาต้อนรับกระแสจิตของมู่เฉินและปล่อยให้จิตหลอมรวมกับพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“ปลดปล่อยรัศมีจั้นยี่ทั้งหมดของพวกเจ้าออกมา” ความคิดของมู่เฉินถ่ายทอดไปยังนักรบทุกคน
ตู้ม!
เมื่อสิ้นเสียงของมู่เฉิน หน่วยรบเหยี่ยวโลหิตก็เปล่งเสียงคำรามด้วยรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตที่พุ่งออกมา นี่ดูราวกับทะเลโลหิตครางกระหึ่มไปทั่วบริเวณ กลิ่นคาวเลือดอัดแน่น
มู่เฉินรู้สึกเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางทะเลโลหิตที่เต็มไปด้วยซากศพ ทั่วบริเวณถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน
รัศมีจั้นยี่ของหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตถือว่าประณีตและทรงพลังมาก แต่เมื่อเทียบกับหน่วยรบวิหคโลกันตร์ก็ยังขาดไปหลายส่วน ดังนั้นจึงไม่มีความผันผวนจากคลื่นจิตอันมุ่งมั่นของมู่เฉินเลย เขาค่อยๆ ดำดิ่งลงเข้าไปในส่วนลึกของมหาสมุทรโลหิตรัศมีจันยี่
ขณะที่มหาสมุทรโลหิตรัศมีจั้นยี่พวยพุ่ง ความกระหายเลือดไม่รู้จบก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวสมองของมู่เฉิน บังเกิดฉากสังหารวิ่งวนอยู่ในหัวใจ นี่คือศึกที่ผ่านมาของหน่วยรบเหยี่ยวโลหิต
แต่ในสายตาของมู่เฉินตอนนี้ รัศมีจั้นยี่เหยี่ยวโลหิตยังไม่ได้รับการขัดเกลาที่ดีพอ
พูดให้ถูกก็เป็นเพราะหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตไม่มีแม่ทัพที่สามารถควบคุมทั้งกองทัพได้ เนื่องจากหน่วยรบได้รับการควบคุมจากแม่ทัพหลายคนเกินไป แม้จะเพิ่มจำนวนนักรบที่พวกเขาสามารถสั่งการได้ แต่ก็มีความแตกต่างเล็กน้อย จึงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้รัศมีจั้นยี่กลั่นรวมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ถ้าต้องการกลั่นรัศมีจั้นยี่ก็จะต้องมีผู้สั่งการเพียงคนเดียว เหมือนกับที่มู่เฉินเป็นคนบัญชาหน่วยรบวิหคโลกันตร์
แต่ถ้าเขาต้องการสั่งการหน่วยรบเหยี่ยวโลหิต เขาก็ต้องได้รับการยอมรับจากเหล่านักรบทั้งหมด
“มอบรัศมีจั้นยี่ของพวกเจ้าให้ข้า” มู่เฉินกระจายคลื่นจิตออกไปอย่างรวดเร็วภายในมหาสมุทรรัศมีจั้นยี่แห่งนี้
คำพูดของเขาทำให้เกิดระลอกคลื่นใหญ่ในหน่วยรบเหยี่ยวโลหิต ไม่ว่าอย่างไรเหล่านักรบก็เป็นคนของหอเหยี่ยวโลหิต ส่วนรัศมีจั้นยี่ก็เป็นที่พึ่งพาที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขา การให้คนแปลกหน้าเข้าควบคุมรัศมีจั้นยี่เป็นข้อห้ามอย่างยิ่ง
ความปั่นป่วนของหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตถูกเสี่ยยิงสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็กลอกตาพลางส่งเสียงเหี้ยมเกรียม “ผู้บัญชาการมู่สั่งว่าอย่างไรก็ทำตามให้หมด!”
ด้วยคำสั่งเด็ดขาดของผู้นำสูงสุด เหล่านักรบเหยี่ยวโลหิตก็ไม่กล้าลังเลอีกต่อไป รัศมีจั้นยี่ยิ่งใหญ่พวยพุ่ง จิตอันมุ่งมั่นของมู่เฉินกระจายออกไปหลอมรวมกับรัศมีจั้นยี่อันทรงพลังนั่น
กลิ่นคาวเลือดรุนแรงพลุ่งพล่านเข้าในหัวสมองของมู่เฉินอย่างบ้าคลั่ง ถ้านี่เป็นจอมยุทธ์ธรรมดารับไปคงจะกลายเป็นเครื่องจักรสังหารทันที
แต่นี่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อมู่เฉิน เขาเมินเฉยต่อกลิ่นเลือดน่าสะเอียดสะเอียน ด้วยความตั้งมั่นที่มีในหัวใจ พายุลูกหนึ่งก็ดันตัวในมหาสมุทรโลหิตรัศมีจั้นยี่
เสาแสงจั้นยี่สีแดงเข้มจำนวนมากถูกยิงออกมาจากภายในมหาสมุทรโลหิต กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
หัวใจของมู่เฉินสงบ ขณะเดียวกันก็ได้หลอมรวมเข้ากับมหาสมุทรโลหิตรัศมีจั้นยี่แห่งนี้อย่างสมบูรณ์แบบ รับรู้ถึงกลิ่นอายการต่อสู้ของหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตในอดีตที่ผ่านมา…
ท่าทางของนักรบทุกคนกลายเป็นเคร่งเครียด ขณะที่ดวงตาวูบไหว ยามนี้พวกเขาสามารถรับรู้ว่ามีมือล่องหนกำลังพยายามปั้นรวมรัศมีจั้นยี่ของพวกเขาเข้าด้วยกัน มือนี้ยิ่งใหญ่และทรงพลัง สามารถเร้าพลังของพวกเขาได้ถึงขีดสุด
นี่คือคลื่นจิตอันมุ่งมั่นที่มาจากมู่เฉิน
พวกเขาไม่เคยสัมผัสถึงคลื่นจิตยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน ไม่มีแม่ทัพคนใดของหอเหยี่ยวโลหิตประสบผลในการบรรจุรัศมีที่ทรงพลังแบบนี้ได้
นักรบเหยี่ยวโลหิตปิดกั้นการรบกวนจากโลกภายนอกทั้งหมดในเวลานี้ พวกเขารู้สึกถึงความสบายใจที่ต้องการเพียงแค่ให้ตนเองปลดปล่อยรัศมีจั้นยี่ออกมาอย่างต่อเนื่อง มือใหญ่นั้นก็จะรวบรวมรัศมีเข้าด้วยกันแล้วระเบิดพลังที่ยิ่งใหญ่ออกมา
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
มหาสมุทรโลหิตรัศมีจั้นยี่พลิกคว่ำพลิกหงายอย่างรุนแรง สีหน้าของเสี่ยยิงก็เปลี่ยนไปเมื่อสังเกตเห็นภาพนี้ เนื่องจากเขาสัมผัสได้ชัดเจนว่ารัศมีจั้นยี่เหยี่ยวโลหิตกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีแม่ทัพที่สามารถกลั่นรัศมีจั้นยี้หยี่ยวโลหิตได้ในระดับสูงเช่นนี้!
นี่คืออัจฉริยะจั้นเจิ้นซือที่แท้จริง!
มีเพียงการอยู่ในมือจั้นเจิ้นซือ รัศมีจั้นยี่ของกองทัพถึงจะทรงพลังและไม่อาจถูกทำลายได้
เสี่ยยิงถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ขณะที่มองไปที่จิ่วโยวอย่างอิจฉาพลางยิ้มขมขื่น “เจ้าพาสหายชั้นยอดกลับมาจริงๆ”
จิ่วโยวยิ้มบางขณะที่ความภาคภูมิใจกระจายบนใบหน้าเย็นชาของนาง ย้อนกลับไปตอนที่มู่เฉินเพิ่งเข้ามาในอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ไม่มีใครมองเขาในแง่ดีเลย ทว่าสุดท้ายความจริงก็เป็นตัวบอกว่าทุกคนมองเขาผิดไป
ผู้บัญชาการที่เหลือยังคงจ้องมองมหาสมุทรโลหิตรัศมีจั้นยี่ไม่วางตา ลำแสงจั้นยี่นับไม่ถ้วนกำลังปะทะกันเปรียะๆ ขณะที่รัศมีจั้นยี่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขตกระเพื่อมไหวไปทั่วมิติ
ด้วยประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลม พวกเขารู้สึกได้ว่าในจุดลึกของวงคลื่น เหมือนจะมีบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น
แสงสีโลหิตอัดแน่นไปทั่วบริเวณ
กีด!
ทันใดนั้นเสียงร้องของเหยี่ยวก็ดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า
ร่างของเสี่ยยิงสั่นเทิ้ม ขณะที่กำหมัดแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ส่วนผู้บัญชาการอีกสามคนก็เปล่งประกายแสงแวววาวในดวงตาเช่นกัน
นักรบหน่วยรบอื่นๆ ก็เงยหน้าขึ้นจับจ้องมองไปที่ลอนแสงสีโลหิต
ณ จุดนั้นมีแสงสีโลหิตแผ่ออกไปกว้าง เหยี่ยวโลหิตตัวมหึมากางปีกออกไปถึงพันจั้ง ก่อนที่จะกระพือปีก รัศมีจั้นยี่น่าอัศจรรย์กวาดไป
เหยี่ยวโลหิตตัวนี้ก็คือวิญญาณสงครามที่กลั่นมาจากหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตนั่นเอง!
เหล่าผู้บัญชาการต่างสูดอากาศเย็นเข้าไปสุดปอด จากนั้นก็แลกเปลี่ยนสายตากัน ความตื่นตะลึงและตื่นเต้นปรากฏในแววตา
มู่เฉินสามารถช่วยหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตกลั่นวิญญาณสงครามได้จริงๆ!!!