หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 861 วิญญาณสงครามจำลอง

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 861 วิญญาณสงครามจำลอง

กีด!!!

เหยี่ยวโลหิตตัวมหึมาบินอยู่เหนือหน่วยรบเหยี่ยวโลหิต รัศมีจั้นยี่พวยพุ่งแล้วกวาดออกขณะที่มันกระพือปีก ทำให้บริเวณนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทุกคนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังรัศมีจั้นยี่เหยี่ยวโลหิตเพิ่มขึ้นทวีคูณกว่าแต่ก่อน!

นี่คือพลังของวิญญาณสงคราม!

เสี่ยยิงเงยหน้าขึ้นมองเหยี่ยวโลหิตตัวใหญ่อย่างอึ้งทึ่ง ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านบนใบหน้า ทำให้เขาดูน่าขนลุกหลายส่วนเลยทีเดียว

หน่วยรบเหยี่ยวโลหิตที่เขาฟูมฟักมานานในที่สุดก็สามารถกลั่นวิญญาณสงครามได้!

ผู้บัญชาการอีกสามคนยืนอยู่ข้างๆ ก็มองด้วยดวงตาที่แดงก่ำ เพราะพวกเขารู้ดีถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นเมื่อกองทัพสามารถกลั่นวิญญาณสงครามได้

แม้ว่าหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตจะสูญเสียนักรบไปถึงกึ่งหนึ่งตอนที่ปะทะกับกองทัพจระเข้สวรรค์ แต่เมื่อกลั่นวิญญาณสงครามได้ พลังการต่อสู้ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าจุดสูงสุดในอดีตเสียอีก

การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หัวใจของสามผู้บัญชาการเดือดพล่าน ในแง่มุมพลังกองทัพของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตหลายส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยรบแยกคีรีซึ่งอยู่หนึ่งในสามของหน่วยรบยอดเยี่ยม ยิ่งกว่านั้นจำนวนนักรบก็มีมากกว่าหนึ่งหมื่นคน หากพวกเขาสามารถกลั่นวิญญาณสงครามได้ พลังการต่อสู้ของพวกเขาต้องเพิ่มขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์แน่นอน

เมื่อคิดถึงจุดนี้ สายตาร้อนแรงสามคู่ที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็พุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ยอดเขาซึ่งมีชายหนุ่มนั่งเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ร่างนั้นดูโปร่งบางภายใต้ท้องฟ้ายามราตรี แต่ตอนนี้ไม่มีใครกระทั่งเหล่าผู้บัญชาการที่จะกล้าสบประมาทเขา

เหล่าผู้บัญชาการรู้ถึงศักยภาพน่ากลัวของคนที่สามารถช่วยเหลือกองทัพอื่นสร้างวิญญาณสงคราม เรียกได้ว่ามู่เฉินเป็นอัจฉริยะรัศมีจั้นยี่แท้จริง

ภายใต้สายตาที่ร้อนแรง มู่เฉินก็ลุกขึ้นยืนบนยอดเขาพลางจ้องมองเหยี่ยวโลหิตขนาดยักษ์ที่บินเหนือหน่วยรบ เขารู้สึกได้ว่ารัศมีจั้นยี่เหยี่ยวโลหิตอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

ถ้าเขาตั้งใจก็สามารถสร้างรัศมีจั้นยี่วิหคโลกันตร์ได้ทันที ด้วยวิธีนี้รัศมีจั้นยี่ของทั้งสองหน่วยรบก็จะอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา พลังที่เขาปลอดปล่อยออกมาจะแข็งแกร่งกว่าเดิมแน่นอน

ทว่าจากการทดลองครั้งนี้ อย่างน้อยก็ทำให้มู่เฉินเข้าใจได้ว่าเขามีความสามารถในการควบคุมรัศมีจั้นยี่ของกองทัพอื่น

มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อเบาๆ วิญญาณสงครามที่อยู่เหนือหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตก็แตกกระจายเป็นประกายไฟโลหิต จากนั้นก็กลับมาสู่มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ของหน่วยรบเหยี่ยวโลหิต

เขาขยับไปปรากฏที่เบื้องหน้าผู้บัญชาการทั้งสี่ เมื่อทั้งกลุ่มเห็นเขามาถึงก็ประสานมือขอบคุณ ท่าทางดูเป็นมิตรมากกว่าเมื่อก่อนอีกหลายส่วน

ทว่าก่อนที่พวกเขาจะพูดอะไร มู่เฉินก็มองไปทางเสี่ยยิง “ผู้บัญชาการเสี่ยยิงอย่างเพิ่งรีบขอบคุณข้า ขอพูดตรงๆ นะ หน่วยรบเหยี่ยวโลหิตยังไม่ได้กลั่นวิญญาณสงครามที่แท้จริงได้”

ผู้บัญชาการทั้งสี่มองมู่เฉินอย่างงงงวย

มู่เฉินยิ้มอย่างขมขื่น “ภายใต้การรวบรวมกับข้า หน่วยรบเหยี่ยวโลหิตได้สร้างวิญญาณสงครามแท้จริงขึ้นมาได้ แต่มีข้อแม้ก็คือจะต้องอยู่ภายใต้การบัญชาของข้าด้วย ถ้าข้าถอนกระแสจิตของออกก็ไม่มีทางที่หน่วยรบเหยี่ยวโลหิตจะสามารถพึ่งพาตนเองเพื่อคงสภาพวิญญาณสงครามเอาไว้ได้”

รอยยิ้มบนใบหน้าเสี่ยยิงแข็งค้างก่อนจะยิ้มขมขื่น มู่เฉินไม่ใช่แม่ทัพของหน่วยรบเหยี่ยวโลหิต ดังนั้นเขาไม่สามารถไปได้ด้วยในทุกที่ แล้วถ้าเรื่องนี้เป็นจริง คงจะสับสนที่จะรู้ว่าหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตเป็นของใคร

และสำหรับเสี่ยยิง เป็นไปไม่ได้ที่จะไปหาคนที่มีความสามารถเหมือนมู่เฉินมาได้ คนที่มีความสามารถนี้ไม่มีทางเข้าร่วมหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตแน่นอน

แต่ขณะที่เหล่าผู้บัญชาการฉายสีหน้าผิดหวัง มู่เฉินก็ยิ้มอีกครั้ง “แม้ว่าพวกเจ้าจะไม่สามารถคงสภาพวิญญาณสงครามแท้จริงได้ด้วยตนเอง แต่สามารถปรับแต่งวิญญาณสงครามจำลองได้ด้วยตัวเอง”

“วิญญาณสงครามจำลอง?” ผู้บัญชาการทั้งสี่แลกเปลี่ยนสายตากัน นั่นคืออะไร? หรือว่าวิญญาณสงครามมีของจริงกับของปลอมด้วยเหรอ?

มู่เฉินระบายยิ้ม “สิ่งที่ข้าทำก่อนหน้าไม่ถือว่าไร้ประโยชน์ ข้าได้ผนึกรอยประทับวิญญาณสงครามไว้ในจิตใจของนักรบทุกคน ดังนั้นในอนาคตพวกเขาจะสามารถพึ่งพารอยประทับนี้เพื่อสร้างวิญญาณสงครามได้ แต่…นี่ไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นโดยหน่วยรบเหยี่ยวโลหิตเอง ดังนั้นในแง่มุมของพลังก็จะอ่อนด้อยกว่าของจริงอยู่บ้าง ดังนั้นข้าจึงเรียกว่าวิญญาณสงครามจำลอง”

ใบหน้าของเหล่าผู้บัญชาการอัดแน่นไปด้วยความตะลึงงัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินว่าวิญญาณสงครามสามารถสร้างโดยแรงจากภายนอก แต่คำพูดของมู่เฉินก็ทำให้พวกเขาโล่งใจอยู่บ้าง ไม่ว่าวิญญาณสงครามจะเป็นของแท้หรือของปลอม แค่ใช้งานได้ก็พอ พวกเขาไม่ได้หวังว่าจะสามารถขึ้นไปบนฟ้าได้ในก้าวเดียวหรอก

“ยิ่งกว่านั้นรอยประทับก็ไม่ใช่ใช้อย่างไม่รู้จบ เมื่อไรที่คลื่งหลิงที่ผนึกไว้หมดพลังก็จะสลายไป ถึงตอนนั้นก็ต้องเติมพลังเข้าไป” มู่เฉินยักไหล่

เหล่าผู้บัญชาการถึงกับมีเหงื่อเย็นท่วมใบหน้า รอยประทับนี้ยังต้องมีการเติมพลังด้วย… ดูเหมือนถ้าพวกเขาต้องการให้รอยประทับนี้คงอยู่ก็ห้ามมีปัญหากับมู่เฉินอีกเลย

เมื่อเห็นสีหน้าแต่ละคนมู่เฉินก็เกาหัว “วิธีนี้มีปัญหาหลายอย่างน่ะ ถ้าพวกเจ้าไม่พอใจกับสิ่งนี้ก็ถือว่าจบพอแค่นี้ละกัน…”

“ไม่ได้!!!”

เลี่ยซัน หลิงเจี้ยนและหงหยาตะโกนออกมาพร้อมกัน พวกเขามองหน้ากันและกัน ก่อนที่เลี่ยซันจะเป็นคนพูดว่า “ผู้บัญชาการมู่ถ่อมตัวเกินไป แม้ว่าวิญญาณสงครามจำลองจะไม่ทรงพลังเท่ากับของแท้ แต่ก็ไม่มีกองทัพใดที่ไม่ต้องการหรอก ดังนั้นพวกข้าต้องรบกวนผู้บัญชาการมู่ด้วย”

“ข้าจะจดจำบุญคุณนี้เอาไว้ ในอนาคตหากผู้บัญชาการมู่ต้องการความช่วยเหลือโปรดบอกมาทันที” หงหยาที่นิ่งเงียบมาตลอดก็พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมพร้อมกับประสานมือคารวะ

มู่เฉินโบกมือไปมาเมื่อได้ยิน “พวกเราทั้งหมดมาจากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องช่วยเหลือกัน ในเมื่อพวกเจ้าทั้งสามคนเต็มใจ ข้าก็จะพยายามสุดความสามารถเพื่อกลั่นวิญญาณสงครามให้เช่นกัน แต่ข้ามีคำขอที่ต้องการการอนุญาตจากพวกเจ้า”

“ผู้บัญชาการมู่ว่ามาได้เลย!”

มู่เฉินยิ้มบางพูดว่า “ข้าขอแค่ยืมพลังกองทัพของพวกเจ้าในเวลาวิกฤตเท่านั้น”

มู่เฉินรู้แล้วว่าตนเองสามารถสั่นพ้องกองทัพอื่นๆ ได้ นั่นหมายความว่าในช่วงเวลาวิกฤตเขาสามารถบัญชารัศมีจั้นยี่ของกองทัพอื่นได้ ทว่าเรื่องนี้เขาต้องขอความเห็นชอบจากผู้บัญชาการทัพทั้งสี่ก่อน เพื่อให้เหล่านักรบยอมรับเขาและยินยอมให้เขาบัญชารัศมีจั้นยี่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรหน่วยรบเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วยรบวิหคโลกันตร์และไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา

เมื่อได้ยินประโยคดังกว่าทั้งสี่ก็อึ้งไป ก่อนที่จะแลกเปลี่ยนสายตาและยิ้ม “ไม่มีปัญหา นอกจากนี้หากเป็นจริง พวกเราก็คงเผชิญสถานการณ์อันตรายด้วยกัน เวลานั้นตราบใดที่ผู้บัญชาการมู่ยังไหว หน่วยรบของเราก็จะอยู่ใต้บัญชาการรบของเจ้า”

พวกเขาตอบอย่างไม่ลังเล เนื่องจากพวกเขาตระหนักได้ว่า อย่างมากมู่เฉินทำได้แค่ยืมกำลังพลของพวกเขา ไม่มีทางฉกฉวยไปได้ เพราะถึงยังไงหน่วยรบเหล่านี้ก็ได้รับการดูแลมาอย่างยากเข็ญจากพวกเขาและปฏิบัติตามคำสั่งของพวกเขาเท่านั้น ตราบใดที่พวกเขาไม่เห็นด้วย ต่อให้มู่เฉินจะมีความสามารถศาสตร์รัศมีจั้นยี่มากแค่ไหนก็ไม่สามารถครอบงำและออกคำสั่งได้

ดังนั้นการส่งหน่วยรบของพวกเขาไปยังมือมู่เฉินในช่วงเวลาวิกฤตหนักแบบนี้ จึงอยู่ในจุดที่พวกเขายอมรับได้ กรณีนี้ถือเป็นการตอบแทนที่มู่เฉินช่วยกลั่นวิญญาณสงครามจำลองให้ละกัน

เมื่อเห็นการอนุญาตของพวกเขา มู่เฉินก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้มีความคิดเรื่องอื่น เพียงต้องการบัญชาหน่วยรบเหล่านี้ในช่วงวิกฤตเท่านั้น นั่นก็เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขา

หลังจากรู้ข่าวว่าในกองทัพอื่นๆ ก็มีจอมยุทธ์ที่สามารถกลั่นวิญญาณสงครามได้ มู่เฉินก็ต้องเตรียมการป้องกันเอาไว้ก่อน หน่วยรบวิหคโลกันตร์เพิ่งมีการขยายพลังในช่วงปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงยังไม่เพียงพอในแง่ของจำนวน พูดโดยทั่วไปพลังของวิญญาณสงครามเกี่ยวข้องกับจำนวนกำลังพลในกองทัพนั้นๆ

แต่เป็นไปไม่ได้ที่หน่วยรบวิหคโลกันตร์จะขยายตัวในตอนนี้ ยิ่งกว่านั้นกองทัพแบบนี้ก็ไม่สามารถขยายพลังได้ในเวลาอันสั้น ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากวางความคิดไว้กับหน่วยรบของผู้บัญชาการคนอื่นๆ

แม้จะยากลำบากสำหรับเขาในการบัญชากองทัพอื่น แต่ในตอนนี้มู่เฉินก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าแล้ว สมรภูมิหยุ่นลั้วเต็มไปด้วยอันตราย ดังนั้นตนจะต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน

“เราจะชะลอการค้นหาซากอารยธรรมลงสักเล็กน้อย รอให้ข้ากลั่นวิญญาณสงครามของทั้งสามหน่วยรบให้สำเร็จก่อน จากนั้นเราค่อยตะลุยกันต่อ” มู่เฉินมองหน้าทุกคน

เลี่ยซันพยักหน้าจากนั้นก็หยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ข้าได้รับข่าวช่วงสองสามวันมานี้เกี่ยวกับจั้นเจิ้นซือของตำหนักสุดนภา”

เมื่อได้ยิน สายตามู่เฉินก็หดเกร็งทันที

“ไอ้ตัวสารเลวนั่นมีชื่อเสียงโหดร้ายในสมรภูมิหยุ่นลั้ว เนื่องจากทุกกองทัพที่เผชิญกับเขา สุดท้ายก็กลายเป็นแอ่งเลือด คนที่หนีออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งส่วนของทั้งหมด…”

เลี่ยซันมองมู่เฉินแล้วพูดต่อ “นอกจากนี้จากข่าวสารของพวกข้า ดูเหมือนมันกำลังค้นหาร่องรอยของเจ้าอยู่ด้วย”

“ตำหนักสุดนภารึ…”

แววตาของมู่เฉินสงบนิ่งขณะที่ผงกหัว เขาเป็นศัตรูสุดหยั่งกับตำหนักสุดนภา ในเมื่อมันคนนั้นมาจากที่นั่น ก็ไม่แปลกใจที่มันจะไล่ล่าเขา

“นอกจากนี้ยังมีข่าวจั้นเจิ้นซือจากหมู่ตึกเทวะด้วย กองทัพทรงพลังหลายกองทัพพ่ายแพ้ให้กับนางในไม่กี่วันที่ผ่านมา สัญชาตญาณของข้าบอกว่านางน่าจะไล่ตามเจ้าอยู่เช่นกัน”

“มู่เฉินขมวดคิ้ว การถูกเล็งโดยจั้นเจิ้นซือพร้อมกันถึงสองคนยุ่งยากจริง แต่…

ฮา

มู่เฉินอ้าปากพรูอากาศออก เสียงหัวเราะเรียบเฉยกระจายออกมาด้วยความมั่นใจ ทำเอาคนอื่นถึงกับเลิกคิ้ว

“ถ้าพวกมันจะมาก็ปล่อยให้มา ในเวลานั้นข้าจะทำให้พวกมันซึ้งว่าเตะแผ่นเหล็กน่ะเป็นยังไง”

ในช่วงหลายปีที่ออกท่องยุทธภพ เขาได้เห็นอัจฉริยะมากมาย แต่เขาก็ไม่ได้กลัวเลย อดีตเป็นเช่นนี้ ในอนาคตก็จะเป็นเช่นนี้ด้วยเช่นกัน

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset