หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 932 ทำลายค่ายกล

ฟู่! ฟู่!

เพลิงสีทองร้อนแรงขึ้นในเจดีย์ ขณะที่ร่างพยัคฆามังกรฟ้าเริ่มพองตัวขึ้นอีก รัศมีร้ายกาจทรงพลังอย่างยิ่งกวาดออก ทำให้เจดีย์ฝูถูถึงกับส่งเสียงกระหึ่มออกมา

พร้อมกับเพลิงมังกรฟ้าจุดชนวนสายเลือดมังกรฟ้า ความแข็งแกร่งของพยัคฆามังกรฟ้าก็เพิ่มขึ้นตามมาในตอนนี้ทำให้แม้แต่ซิวหลัวยังยากที่จะจัดการ

ด้านนอกลานประลองผู้บัญชาการคนอื่นๆ รู้สึกหนังหัวชาหนึบไปหมด พวกเขารู้แล้วว่ามู่เฉินเป็นสาเหตุที่ทำให้ความแข็งแกร่งของพยัคฆามังกรฟ้าเพิ่มขึ้น

แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเจตนาเบื้องหลังความคิดของมู่เฉินคืออะไร ทว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะโง่ ดังนั้นจะต้องมีเขาเลือกทำเช่นนี้ เพียงแค่…มู่เฉินไม่กลัวว่าจะเป็นการเลี้ยงเสือทำลายตนรึ…

ขณะที่ความคิดวนเวียนในหัวใจของเหล่าผู้บัญชาการ มู่เฉินก็จ้องเขม็งไปที่เจดีย์ฝูถู เขาจับสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงของพยัคฆามังกรฟ้าที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หากเขาต้องปะทะกับมันในยามนี้ ต่อให้จะมีกายามังกรหงส์ก็คงยากสำหรับเขาที่จะรับการโจมตี

พยัคฆามังกรฟ้าในตอนนี้ใกล้จะเทียบเท่าขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดแล้ว

การเพิ่มพลังเช่นนี้น่าตกใจมาก แต่มู่เฉินกลับไม่กังวลในเรื่องนี้เลย ดวงตาสีดำที่ราวกับหลุมดำกลับมีแสงวูบไหวผ่าน

ยิ่งพลังเพิ่มขึ้นมาก ความเร็วของการจุดชนวนสายเลือดก็ยิ่งเร็วขึ้นเช่นกัน หากพยัคฆามังกรฟ้ายังพอมีสติปัญญาอยู่ละก็ มันคงสามารถบอกได้ถึงเป้าหมายที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของมู่เฉิน แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้มันเหลือเพียงส่วนหนึ่งของพลังที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ ส่วนสติปัญญาหดหายไปหมดแล้ว

“โฮก!”

ทว่าแม้สติปัญญาจะไม่มี แต่พยัคฆามังกรฟ้าก็ยังรู้สึกถึงอันตรายจนต้องแผดเสียงลั่น เสียงคำรามดังก้องราวกับฟ้าร้อง จากนั้นมันก็พุ่งตัวออกมา หมัดกวัดแกว่งซัดลงไปที่เจดีย์

ครืน!

ภายใต้กำปั้นคลื่นหลิงพวยพุ่งออกมาราวกับพายุ ทำให้แม้แต่เปลือกตาของซิวหลัวยังกระตุก นี่เป็นการโจมตีที่รวบรวมพลังทั้งหมดของพยัคฆามังกรฟ้าเอาไว้เลยทีเดียว

มู่เฉินรับรู้ได้ถึงการโต้กลับของพยัคฆามังกรฟ้า ตราประทับก็รีบปรับเปลี่ยน ทันทีที่การโจมตีน่ากลัวซัดลงบนเจดีย์ ตัวเจดีย์หายไปหมดสิ้น

ในเวลาเดียวกันเพลิงสีทองก็หายไปเช่นกัน

ตู้ม!

มวลลมแหลมคมจากหมัดพร้อมกับคลื่นหลิงป่าเถื่อนระเบิดออกมากระแทกกับกำแพงแสงรอบลานประลอง ทำให้เกิดระลอกคลื่นกระเพื่อมเป็นวง

มู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้า ขณะมองดูพยัคฆามังกรฟ้าด้วยความไม่แยแส หลังจากปล่อยการโจมตีที่น่ากลัวร่างของมันก็หดตัวลงเรื่อยๆ เกล็ดมังกรเริ่มหม่นลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน

ทุกคนสัมผัสได้ว่าพลังของพยัคฆามังกรฟ้าอ่อนแออย่างรวดเร็วในตอนนี้

เวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจพยัคฆามังกรฟ้าซึ่งมีรัศมีร้ายกาจพลุ่งพล่านก็หมดแรง ซ้ำยังมีเลือดไหลออกมาจากเกล็ดมังกร เห็นได้ชัดว่ามันอ่อนแอลงอย่างมาก

มู่เฉินเลิกคิ้ว แม้เขาคาดว่าจะเกิดผลกระทบหลังจากที่พยัคฆามังกรฟ้าจุดชนวนสายเลือด แต่เขาไม่คิดว่าการสะท้อนกลับจะรุนแรงมากปานนี้

ตอนนี้พยัคฆามังกรฟ้าราวกับเสือกระดาษ

คนอื่นที่อยู่ด้านนอกก็อ้าปากตาค้าง พักใหญ่พวกเขาก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองมู่เฉินด้วยความตื่นตะลึง เนื่องจากพวกเขาไม่คิดว่ามู่เฉินจะใช้กลเม็ดแบบนี้ในการคว้าชัยชนะ…

“สมกับเป็นผู้บัญชาการมู่ น่าเกรงขามนัก”

หลังจากหายจากอาการตกใจ พวกเขาก็ชื่นชมมู่เฉินจากใจ ในการประลองก่อนหน้ามู่เฉินอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบตลอด แต่เขายังคงสามารถรักษาความสงบไว้ได้และใช้สิ่งนี้หาข้อบกพร่องของพยัคฆามังกรฟ้า จนสุดท้ายใช้กลวิธีสุดยอดเอาชนะได้ ความคิดในการต่อสู้ของเขาเป็นสิ่งที่แม้แต่นักรบที่มากประสบการณ์อย่างพวกเขายังอดรู้สึกอึ้งไม่ได้

บนลานประลองร่างของมู่เฉินพลิ้วลงมาช้าๆ พร้อมกันนั้นดวงตาสีแดงฉานของพยัคฆามังกรฟ้าก็ยังกราดออกมา มันกระโจนตัวราวกับเสือคลั่ง

แต่ตอนนี้คลื่นหลิงของมันลดลงอย่างมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นความเร็วหรือพลังก็ลดลงอย่างมีนัย ไม่สามารถเป็นภัยคุกคามกับมู่เฉินได้อีกต่อไป

ดังนั้นเผชิญกับกรงเล็บเสือที่ดุร้าย มู่เฉินก็แค่เขยิบฝ่าเท้าหลบหลีกการโจมตี เวลาเดียวกันฝ่ามือก็ตะครุบลงบนหน้าผากของพยัคฆามังกรฟ้า

“ขอโทษนะ”

มู่เฉินกล่าวเสียงเบา จากนั้นคลื่นหลิงรุนแรงก็ปะทุขึ้นจากฝ่ามือราวกับภูเขาไฟ

ตู้ม!

หัวของพยัคฆามังกรฟ้าระเบิดออกทันที ร่างกลายเป็นประกายแสงที่เต็มไปด้วยแก่นคลื่นหลิงบริสุทธิ์

นี่คือรางวัลที่มอบให้จากพยัคฆามังกรฟ้า

มู่เฉินสะบัดแขนเสื้อ แก่นคลื่นหลิงที่ไร้ขอบเขตก็พรั่งพรูเข้าไปในร่างกายของเขา

มู่เฉินยืนนิ่งแต่กลับรู้สึกตกใจในใจ นั่นเป็นเพราะแก่นคลื่นหลิงที่พุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขานั้นไร้ขอบเขตยิ่งนัก ซึ่งไม่ได้ด้อยกว่าตอนที่เขาดูดซับยาหยุ่นลั้วสองหมื่นเม็ดในการเข้าสมาธิก่อนหน้าเลย

“พยัคฆามังกรฟ้าน่าจะอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นแปดเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ มิฉะนั้นคงไม่ทิ้งแก่นคลื่นหลิงบริสุทธิ์ไว้เช่นนี้” มู่เฉินอุทานชื่นชมในใจ จากนั้นก็หลับตาลง เขาหมุนเวียนทักษะการเพาะบ่มพลังเพื่อดูดซับพลังงานที่ไร้ขอบเขตในร่าง ก่อนที่จะกลั่นรวมเข้าด้วยกันในจุดจื้อจุนไห่

เมื่อคลื่นหลิงถูกดูดซับไว้ มู่เฉินก็สัมผัสได้ว่าจุดจื้อจุนไห่หนาแน่นขึ้น เทียบกับก่อนหน้านี้หนาขึ้นอีกหลายส่วนเลยทีเดียว

“ถ้าข้าได้รับแก่นคลื่นหลิงมากกว่านี้อีกเล็กน้อย ก็คงจะแตะระดับจื้อจุนขั้นห้าระยะปลายสุดได้แล้ว”

หนึ่งชั่วโมงต่อมามู่เฉินก็ลืมตา หลุมดำในดวงตาจางหายไปแล้ว ชัดว่าเขาถอนกระบวนท่าสภาวะฤทัยปีศาจขั้นต้นเรียบร้อย เมื่อรับรู้ถึงคลื่นหลิงในร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น มู่เฉินก็อดทอดถอนหายใจไม่ได้

ชี่! ชี่!

ขณะเดียวกันเสียงแปลกประหลาดก็ดังมาจากตำหนักโบราณ ทุกคนจับจ้องที่มา ก็เห็นสัตว์อสูรอีกตัวพังทลายลงบนประตูทองคำเขียว

นั่นแสดงถึงความพ่ายแพ้ของพยัคฆามังกรฟ้า

เมื่อเป็นเช่นนี้ ผนึกบนประตูก็ถูกละลายไปสี่ ผนึกที่สมบูรณ์แบบเริ่มแสดงสัญญาณวุ่นวายไม่ลงรอย ดูไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

ร่างของมู่เฉินกระโดดลงมาจากลานประลองกลับเข้ารวมกลุ่ม เหล่าผู้บัญชาการก็ต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่าๆ ขอบใจผู้บัญชาการมู่ในครั้งนี้” แม้แต่เทียนจิ้วก็ยังพยักหน้า ดวงตาที่หรี่แคบเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะพูดชม ศึกรอบสุดท้ายมีความสำคัญมากสำหรับพวกเขา หากมู่เฉินล้มเหลวพวกเขาก็ต้องพึ่งพามั่นถัวหลัวเพื่อทำลายค่ายกล แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นนางจะต้องได้รับผลกระทบใหญ่หลวงแน่นอน

“ถ้าไม่ใช่รอบก่อนๆ ถึงการประลองของข้าจะชนะก็ไม่สำคัญเท่าไรหรอก” มู่เฉินยิ้มบาง เขาไม่ได้คิดรับผลสำเร็จทั้งหมดมาไว้ที่ตนเอง

ใบหน้าตึงเครียดของมั่นถัวหลัวเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มขณะมองมู่เฉินด้วยม่านตาสีทองคำพลางพยักหน้า “ทุกคนมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ พวกเจ้าจะได้รับรางวัลแน่นอน”

แม้ว่าเสียงจะอ่อนเยาว์ แต่ก็ทำให้เหล่าผู้บัญชาการเผยความสุขบนใบหน้าเมื่อได้ยิน กระทั่งมั่นถัวหลัวก็พูดไว้เช่นนี้ เมื่อถึงเวลานั้นแล้วรางวัลจะต้องยิ่งใหญ่เหลือคณนา อาจจะเป็นอาวุธพบสวรรค์ขั้นสูง-ขั้นยอดเยี่ยมกระทั่งวิทยายุทธระดับเสินซู่ขั้นเกือบเต็ม หรือวิชาเทพที่แข็งแกร่งกว่านั้นก็อาจจะเป็นรางวัลสำหรับพวกเขา

มู่เฉินใจเย็นกว่าเมื่อเทียบกับคนอื่น เขาเพียงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

“ท่านประมุขตอนนี้สามารถทำลายค่ายกลหรือยัง?” หลิงถงมองไปที่ประตูสีทองคำเขียว ผ่านประตูนี้ไปก็จะเป็นขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนที่ลึกเกินจะคาดเดา

ม่านตาสีทองคำของมั่นถัวหลัวมองไปที่ประตู ไอเย็นเยือกพวยพุ่งในดวงตา ก่อนหน้านี้เนื่องจากประตูมีความเกี่ยวข้องกับพื้นที่ของตำหนัก กระทั่งนางก็ลำบากในการจัดการ แต่ตอนนี้ผนึกบนประตูอ่อนแรงลงแล้ว ฝันไปเหอะที่มันจะขัดขวางนางได้

“ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ข้าเอง”

มั่นถัวหลัวพูดเสียงเย็น จากนั้นก็ยื่นมือออกไปคว้าเสาหนึ่งในตำหนักเต็มแรง

ครืน!

เสาที่ได้รับการปกป้องด้วยอักขระอ่อนลงเหมือนเต้าหู้ในมือนาง แค่กำมือมันก็แตกหัก จากนั้นเมื่อนางสะบัดมือคลื่นหลิงไร้ขอบเขตที่ปกคลุมเสาก็เปลี่ยนเป็นชั้นผลึกแก้วใส

ฟิ้ว!

แสงพร่างพราวที่เปล่งออกมาจากเสาหินยิงออกมาเจาะผ่านขอบฟ้ากระแทกอย่างหนักหน่วงกับประตู

ตึง! ตึง!

เสาหินแตกออกเรื่อยๆ แต่ขณะที่แตกสลาย ผนึกบนประตูก็จางลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของมารอสูรก็ส่งเสียงกรีดร้องแหลมบาดหูก่อนที่จะบิดเบือน…

“แตกซะ!”

มั่นถัวหลัวหรี่ตาสีทองคำแคบลง ร่างของนางไปปรากฏอยู่ด้านหลังเสาหิน กำปั้นเรียวเล็กวาดออกไปชกลงบนเสาหินรุนแรง

บึ้ม!

เสาขนาดใหญ่แตกสลายเป็นฝุ่น พลังงานที่น่าสะพรึงกลัวฉีกมิติกระแทกกับประตู

แคร็ก!

รอยแตกปรากฏขึ้นทันทีก่อนที่จะกระจายออกไป ใบหน้าของมารอสูรก็ส่งเสียงกรีดร้องคมชัดขณะที่แตกสลาย

ประตูสีทองคำเขียวบิดเบี้ยวถึงขีดสุดก่อนที่จะระเบิด

เมื่อประตูถูกทำลายโดยกำปั้นของมั่นถัวหลัว ดวงตาของมู่เฉินและคนอื่นๆ ก็วาวโรจน์ขึ้น ประตูที่นำไปสู่ส่วนลึกสุดของขุมทรัพย์ตี้จื้อจุนถูกเปิดออกแล้ว

ทว่าพวกเขารู้ว่าหลังจากนี้การต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดในสงครามล่าจะระเบิดออก

นั่นเป็นเพราะของเหลวหลิงเสินเป็นสิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนอย่างมั่นถัวหลัวยังไม่สามารถต้านทานได้

ดังนั้นต่อจากนี้ไปจะเป็นการทำลายล้างแน่นอน!

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset