ฟิ้ว!
ริ้วแสงสีดำพุ่งผ่านมิติตรงเข้าหาหุ่นเงาที่ยืนอยู่เหนือเกาะหิน ทว่าแม้มู่เฉินจะทำอย่างลับๆ แต่ก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงประสาทสัมผัสของประมุขหมู่ตึกเทวะไปได้
“หึ!”
แม้ประมุขหมู่ตึกเทวะจะไม่รู้ว่าการกระทำของมู่เฉินมีประโยชน์อะไร แต่เขาก็เป็นคนระมัดระวังและหลักแหลม ดังนั้นเขาจึงไม่ยอมปล่อยให้เหตุการณ์เหนือความคาดหมายเกิดขึ้น ทันใดนั้นเขาก็เค้นเสียงเย็น เหยียดมือคว้าออกไปในท้องฟ้า ทำให้มิติบิดเบือนขัดขวางริ้วแสงเอาไว้
ตู้ม!
ทว่าจังหวะที่ประมุขหมู่ตึกเทวะเคลื่อนไหว มั่นถัวหลัวก็สาดไอเย็นยะเยือกในดวงตา นางเหยียดนิ้วเรียวออกกดลงไปที่ท้องฟ้า
ทันทีที่นางกดนิ้วลง คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็กวาดออกมาก่อร่างเป็นดัชนีคลื่นหลิงที่มีขนาดหลายพันจั้ง ซึ่งปกคลุมไปด้วยชั้นผลึกหลิงที่มีความทนทานมาก
เมื่อดัชนีปรากฏขึ้นก็พุ่งไปหาประมุขหมู่ตึกเทวะทันที ในเวลาเดียวกันประมุขคนอื่นๆ ก็ออกกระบวนท่าโดยไม่ลังเล พวกเขาใช้ทักษะทรงพลังต่างๆ โจมตี พลังทำลายล้างยิ่งใหญ่ล้อมรอบร่างประมุขหมู่ตึกเทวะเอาไว้ทุกทิศทาง
เผชิญหน้ากับการจู่โจมกะทันหันจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนกลุ่มใหญ่ ประมุขหมู่ตึกเทวะก็ขมวดคิ้ว โดยไม่มีทางเลือกเขาต้องยอมปล่อยริ้วแสงสีดำไป จากนั้นก็พลิกมือกดลงบนท้องฟ้า
“ปัง!”
เมื่อฝ่ามือกดลงไปมิติก็พังทลาย หากมองจากบนท้องฟ้าก็จะพบว่ามิติที่พังทลายมีรูปร่างคล้ายฝ่ามือขนาดใหญ่
ฝ่ามือเดียวของเขาสามารถทำลายภูเขาและแม่น้ำได้
เพียงฝ่ามือเดียวซัดออกมา การโจมตีของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งหมดก็แตกซ่าน กลายเป็นจุดแสงกระจายไปทั่วท้องฟ้า
เหล่าประมุขส่งเสียงครวญคราง พวกเขาได้รับบาดเจ็บถ้วนทั่ว ใบหน้าของแต่ละคนน่าเกลียดลง เนื่องจากพวกเขาไม่คิดว่าถึงจะมีหลายคนมารวมพลังกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับประมุขหมู่ตึกเทวะได้
จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายน่าเกรงกลัวอย่างแท้จริง!
“ฮ่าๆ ดื้อดึงต่อสู้ก็เท่ากับรนหาที่ตาย” ประมุขหมู่ตึกเทวะยืนจังก้าอยู่บนรัศมีสีดำที่เชี่ยวกราก รอยยิ้มบางเผยบนใบหน้า สายตาอัดแน่นด้วยคำสบประมาท ด้วยพลังของเขาในยามนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะครองภูมิภาคทางเหนือทั้งหมด
สีหน้าของมั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ เขียวคล้ำขณะที่กำมือแน่น เผชิญกับสถานการณ์ปัจจุบันพวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากสู้สุดชีวิต ตอนนี้พวกเขาได้แต่ภาวนาว่าประมุขหมู่ตึกเทวะยังไม่สามารถควบคุมคลื่นพลังได้อย่างสมบูรณ์ ภายใต้การทุ่มสุดพลังของพวกเขาอาจยังมีโอกาสรอดชีวิต ตราบใดที่พวกเขาหนีออกไปจากที่นี่แล้วกระจายข่าวออกไป หมู่ตึกเทวะจะต้องถูกทำลายไม่เหลือซากแน่นอน
มู่เฉินยืนอยู่ด้านหลังมั่นถัวหลัว สีหน้าเขาเปลี่ยนไปจากพลังอันน่าเกรงขามของประมุขหมู่ตึกเทวะเช่นกัน จากระยะไกลริ้วแสงสีดำก็ไปถึงเกาะหินแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของมู่เฉินจมลงก็คือความจริงที่เมื่อริ้วแสงเข้าใกล้ ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ จากหุ่นเงาราวกับว่ามันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”
มู่เฉินขมวดคิ้วแน่น วัตถุชิ้นนั้นลึกลับมาก ตามการคาดเดาของเขาน่าจะถูกทิ้งไว้โดยจอมพลสี่ แต่ทำไมหุ่นเงาถึงไม่ตอบสนอง?
แววตามู่เฉินวูบไหว จากนั้นก็กัดฟันพร้อมกับสะบัดนิ้ว คลื่นหลิงที่ปกคลุมรอบริ้วแสงสีดำระเบิดออก ยิงเข้าไปตรงกลางหว่างคิ้วของหุ่นเงา
เมื่อริ้วแสงพุ่งเข้ามาก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ จากหุ่นเงา สุดท้ายก็ปล่อยให้มู่เฉินยิงมันใส่หน้าผาก โลหะถูกฝังลงหว่างคิ้วของหุ่นเงา
ตอนแรกนี่เป็นการกระทำไม่มีทางเลือกอื่นของมู่เฉิน เขาต้องการเพียงลองเสี่ยงดู แต่ดูเหมือนจะเกินความคาดหมายของเขาไป เมื่อริ้วแสงฝังตัวเข้าไปในหว่างคิ้วของหุ่นเงา ดวงตากลวงโบ๋ก็ค่อยๆ เปิดออกอีกครั้ง
แสงสีดำเบ่งบานบนหน้าผากของหุ่นเงา สัญลักษณ์โบราณวิ่งพล่านอยู่ที่หว่างคิ้ว ก่อตัวเป็นอักขระโบราณที่แปลกประหลาด สุดท้ายอักขระเหล่านั้นก็แผ่เข้าไปในดวงตากลวงโบ๋นั่น
เมื่ออักขระเข้าไปสถิตในดวงตาของหุ่นเงา แสงประหลาดก็เริ่มรวมตัวกันในดวงตาลึกโบ๋ คลื่นความผันผวนแพร่กระจายออกมาจากหุ่นเงา
คลื่นแปลกประหลาดที่ถูกปล่อยออกมากะทันหัน ถูกตรวจจับได้อย่างรวดเร็วโดยประมุขหมู่ตึกเทวะ ทันใดนั้นเขาก็ขมวดคิ้วจ้องมองมู่เฉินอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ การเปลี่ยนแปลงฉับพลันของหุ่นเงาชัดว่าเกิดจากการกระทำก่อนหน้าของมู่เฉิน
มู่เฉินโล่งใจในใจ ดูท่าเขาจะคาดเดาได้ถูกต้อง ของลึกลับชิ้นนี้ถูกทิ้งไว้โดยจอมพลสี่จริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไร…
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันของหุ่นเงา ทำให้การปะทะทุกรูปแบบหยุดลง เผชิญหน้ากับหุ่นเงาซึ่งได้รับพลังส่วนใหญ่ของจอมพลสี่มา แม้แต่ประมุขหมู่ตึกเทวะก็ไม่กล้าที่จะประมาท
แม้ว่าเขาจะบรรลุขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจนมาอยู่ในระดับเดียวกับจอมพลสี่เมื่อยังมีชีวิต ทว่าพลังการต่อสู้ก็ยังมีความแตกต่างกันมาก
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ภายใต้สายตาจดจ่อของทุกคน จุดแสงในดวงตาของหุ่นเงาก็เข้มข้นขึ้น จนสุดท้ายแสงทรงพลังก็พุ่งออกมา ทำให้มิติถึงกับบิดเบือน
เมื่อแสงทรงพลังจางหายไป หุ่นเงาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนผิดหวังคือความจริงมันไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนอะไรเป็นพิเศษ
“ไม่ ดูที่ตามัน!” มู่เฉินหดดวงตาเอ่ยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ทุกคนเพ่งสายตาไปก็ตระหนักได้ว่าความว่างเปล่าในสายตาของหุ่นเงาไม่มีเหลือกลับถูกแทนที่ด้วยความมึนงงและมากประสบการณ์…
ยามนี้มีร่องรอยพลังชีวิตเปล่งออกมาจากหุ่นเงา!
ท่ามกลางความตื่นตะลึงในสายตาทุกคน หุ่นเงาก็ก้มศีรษะลงมองมือตัวเอง อึดใจความมึนงงในดวงตาก็สลายไป ในเวลาเดียวกันทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีครอบงำกำจายออกมาจากร่างหุ่นเงา
“รัศมีนี่…”
เมื่อมั่นถัวหลัวและคนอื่นๆ สัมผัสถึงรัศมีนี้ ม่านตาก็หดเกร็ง เสียงอุทานดังขึ้น “นั่นคือท่านจอมพลสี่!
หัวใจของมู่เฉินสั่นไหว จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอดพูดว่า “ที่แท้วัตถุนั้นบรรจุเศษเสี้ยวจิตสำนึกของท่านจอมพลสี่ที่ทิ้งไว้…”
ชัดว่าการที่มู่เฉินยิงวัตถุลึกลับไปที่กลางหว่างคิ้วของหุ่นเงาโดยไม่ตั้งใจ การทำเช่นนั้นปลดปล่อยจิตสำนึกเข้าไปในร่างหุ่นเงา ทำให้สามารถควบคุมหุ่นเงาได้ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รัศมีของจอมพลสี่ปรากฏขึ้น
“ไม่คิดเลยว่าหลังจากผ่านมาหมื่นปี จะมีใครบางคนปลุกจิตสำนึกของข้าได้” ขณะที่ทุกคนตกตะลึง ศีรษะของหุ่นวิญญาณจอมพลสี่ก็เงยขึ้นช้าๆ สายตามองทะลุมิติไปที่มู่เฉินอัดแน่นด้วยความสูงส่งยิ่งใหญ่
“หืม?”
ทว่าเมื่อจอมพลสี่กำลังมองมู่เฉิน ดวงตาก็เปลี่ยนไป สายตาเขม่นมองรัศมีสีดำเชี่ยวกรากที่อยู่ในระยะไกล พลังงานในรัศมีสีดำดูคุ้นเคยและน่ารังเกียจยิ่งนัก
“คลื่นพลังแม่ทัพปีศาจทุนเทียน?!”
มิติโดยรอบจอมพลสี่ระเบิดออกทันทีภายใต้เสียงคำรามเดือดดาล ก่อนที่ชิ้นส่วนมิติจะรวมตัวกันรอบตัวเขาราวกับพายุ ดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
จิตสังหารพุ่งสูงขึ้นในดวงตามากประสบการณ์ เขาสะบัดแขนเสื้อ รัศมีสีดำเชี่ยวกรากก็ถูกฉีก เผยให้เห็นร่างประมุขหมู่ตึกเทวะที่ซ่อนอยู่ภายใน
“ในฐานะจอมยุทธ์มหาพันภพ เจ้าบังอาจกล้าดูดซับพลังงานเผ่าปีศาจ ปล่อยให้มีชีวิตต่อไม่ได้แล้ว!” แม้ว่าจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตสำนึก แต่จอมพลสี่ก็ยังอ่อนไหวต่อพลังแม่ทัพปีศาจทุนเทียน ดวงตาเขาจับจ้องไปที่ประมุขหมู่ตึกเทวะด้วยเจตนาฆ่าเข้มข้น
เมื่อประมุขหมู่ตึกเทวะรู้สึกถึงสายตาของจอมพลสี่ สีหน้าเขาก็น่าเกลียดลง แต่ถึงแม้จะรู้สึกกลัว เขาก็ไม่ตระหนกเค้นเสียงออกไปว่า “สามหาว ถ้าเป็นร่างจริงของเจ้ามาปรากฏ บางทีข้าอาจกลัวอยู่บ้าง แต่เจ้าเป็นเพียงจิตสำนึกเล็กๆ ยังคิดจะฆ่าข้าเนี่ยนะ?”
ถึงยังไงเขาก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับจอมพลสี่ตัวจริง เขาก็ยังสามารถต่อสู้ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ตื่นตระหนกไปกับสถานการณ์ปัจจุบัน
แต่สถานการณ์ที่เขาเคยมั่นใจอย่างเต็มที่กลับกลายเป็นค่อนข้างลำบาก ซึ่งสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าสำหรับประมุขหมู่ตึกเทวะนัก ทันใดนั้นเขาก็กราดมองมู่เฉินด้วยสายตาโหดเหี้ยมซึ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตานี่ มู่เฉินก็รู้สึกหนังหัวชาหนึบแต่ก็รู้สึกโล่งใจในเวลาเดียวด้วย การเข้ามาสมทบของจอมพลสี่ ทำให้สถานการณ์เริ่มเกินการควบคุมของประมุขหมู่ตึกเทวะ เมื่อเป็นแบบนี้ ต่อให้พวกเขาจะไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ก็มั่นใจในการหลบหนีมากขึ้น
มั่นถัวหลัวเหลือบมองไปที่มู่เฉินขณะที่รู้สึกโล่งใจ เพราะมู่เฉินทำให้มีโอกาสเกิดขึ้น ตอนนี้ต้องดูว่าจอมพลสี่จะมีวิธีการอะไรบ้าง เผื่อพวกเขาจะสามารถช่วยกันประสานพลังสังหารประมุขหมู่ตึกเทวะได้ที่นี่
ขณะที่ความคิดนี้สะท้อนอยู่ในหัวใจของทุกคน จอมพลสี่ก็จ้องมองประมุขหมู่ตึกเทวะอย่างเย็นชาและเย้ยหยันว่า “แค่จอมยุทธ์กระจ้อยร่อยที่เพิ่งบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายยังกล้ายโสใส่จอมพลคนนี้ ช่างน่าขำจริงๆ…”
“ถ้าในโลกภายนอก ด้วยสภาพข้าในตอนนี้บางทีอาจไม่สามารถทำอะไรเจ้าได้ก็จริง แต่ที่นี่เป็นสุสานของข้า ดังนั้นจะให้เจ้าทำอะไรไม่ถูกไม่ควรไม่ได้!”
“ในเมื่อเจ้าชอบพลังเผ่าปีศาจต่างมิติมากนัก งั้นก็อยู่ที่นี่ไปชั่วนิรันดร์เป็นเพื่อนแม่ทัพปีศาจทุนเทียนซะ!”
เมื่อสิ้นเสียงเย็นชาของจอมพลสี่ เขาก็แบมือออก วัตถุสามเหลี่ยมซึ่งฝังอยู่ที่หว่างคิ้วพลิ้วลงมาบนฝ่ามือช้าๆ
มองภาพนี้เปลือกตาของมู่เฉินก็กระตุกขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ หรือว่าวัตถุที่เขาคิดว่าไร้ประโยชน์จะมีความมหัศจรรย์อื่นอีกเรอะ?