หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 978 โคลนโลหิต

นี่เป็นมิติที่มืดมัว

ความมืดนี้ดูราวกับสามารถกลืนกินได้กระทั่งอากาศ ทำให้ผู้คนรู้สึกถูกกดดันหนักหน่วง…

ฟิ้ว!

ทว่าในความมืดที่ไม่รู้ว่าคงอยู่ไปนานแค่ไหนก็ถูกทำลายลงในเวลาต่อมา ระลอกคลื่นแปรปรวนในความว่างเปล่าขณะที่รอยแตกเล็กๆ ปรากฏขึ้นคลุมเครือพร้อมกับลำแสงกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากความมืดนี้

เงาร่างทั้งสี่ลอยอยู่ในมิติโดยมีคลื่นหลิงห่อหุ้ม พวกเขากวาดมองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง หลังจากเห็นว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติ รัศมีหลิงที่อยู่รอบกายก็เริ่มเบาบางลง

เมื่อรัศมีแสงอ่อนลง เงาร่างก็ค่อยๆ เปิดเผยรูปลักษณ์ออกมา พวกเขาก็คือมู่เฉิน จิ่วโยว มั่วเฟิงและมั่วหลิงที่เพิ่งมาจากภูเขาเก้าโลกันตร์นั่นเอง

“ที่นี่คือดินแดนเสินโซ่เรอะ?” มู่เฉินค่อนข้างอึ้งงันไปเล็กน้อยกับมิติสีดำมืดและว่างเปล่า ทุกมุมที่เห็นในครรลองสายตามีแต่ความมืดมิด ไม่เห็นเหมือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลย

“ดินแดนเสินโซ่อยู่ในมิตินี้น่ะ” จิ่วโยวมองไปรอบๆ พร้อมกับท่าทางเคร่งเครียดลงหลายส่วน ก่อนที่จะมองไปที่ระยะไกลพลางเอ่ยขึ้น “คลื่นหลิงจะถูกละลายโดยมิติมืดนี้ ดังนั้นหากเราอยู่ในนี้นานเกินไป แม้แต่คลื่นหลิงของเราก็จะระเหิดจนหมดแล้วเราก็จะติดอยู่ที่นี่ตลอดกาล”

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดนี่ก็ตกใจรีบทำการสัมผัสพลางรู้สึกได้ว่าคลื่นหลิงที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายกำลังละลายในอัตราที่เชื่องช้า

ปัจจัยที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคือคลื่นหลิงไม่สามารถดูดซับได้ในมิตินี้ ด้วยเหตุนี้ทำให้พลังงานในร่างกายสลายลงอย่างต่อเนื่องและไม่สามารถกู้คืนได้

“หากสิ่งนี้ยังดำเนินต่อไปคลื่นหลิงของเราจะสลายจนหมดก่อนที่จะหาดินแดนเสินโซ่พบแน่” มู่เฉินขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะรู้สึกตกใจไปบ้างกับเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนก จากความเข้าใจที่เผ่าวิหคโลกันตร์มีกับสถานที่แห่งนี้พวกเขาน่าจะเตรียมการไว้แล้ว

ตามที่คาดมั่วหลิงหัวเราะเบาๆ “ พี่ใหญ่มู่เฉินอย่ากังวลเลย เรากำลังรอพาหนะในการเดินทาง จากนั้นเราจะสามารถผ่านมิติไปถึงดินแดนเสินโซ่ได้น่ะ”

“พาหนะ?”

มู่เฉินอึ้งไปเกิดความรู้สึกสงสัยในใจแม้แต่สิ่งชีวิตก็ไม่สามารถดำรงอยู่ในมิตินี้ได้ แล้วพาหนะจะมาจากที่ไหน?

แม้ว่ามู่เฉินจะฉงนในใจ เขาก็ไม่ได้ถามคำถามใดๆ ในกรณีนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือทำตาม เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้หัวใจของเขาก็สงบลงพลางรอคอยอย่างเงียบๆ

พวกเขารอไม่นาน สายตามู่เฉินก็เปลี่ยนไป เขาเงยหน้าขึ้นทันควันจ้องมองไปทางซ้ายมือก็เห็นระลอกคลื่นผันผวนพุ่งมาในความมืดมิด หลังจากนั้นก็ต้องอึ้งไปเมื่อเห็นอุกกาบาตขนาดใหญ่ประมาณร้อยจั้งเคลื่อนที่อย่างเงียบๆ ผ่านความมืดพุ่งมาทางพวกเขา

“นั่นคือพาหนะของเรา…” จิ่วโยวยิ้มให้มู่เฉินขณะที่พูดต่อ “หลังจากขึ้นนั่งแล้วก็ต้องเปลี่ยนอีกสองสามครั้ง เราก็จะเจอดินแดนเสินโซ่”

มู่เฉินอ้าปากเหวอ ทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น ไม่คิดว่าจะต้องใช้วิธีการแปลกประหลาดเช่นนี้เพื่อค้นหาดินแดนเสินโซ่ โชคดีที่มีคนนำมิฉะนั้นเขาคงต้องกลายเป็นปุ๋ยอวกาศในมิตินี้แล้ว

“เราต้องขึ้นบนอุกกาบาตก้อนนี้ให้ได้ ไม่งั้นก็ต้องรอก้อนต่อ ซึ่งอาจใช้เวลาอีกประมาณครึ่งวัน หากโชคไม่ดีอาจไม่มีเลยแม้แต่หนึ่งวันหรือสองวัน” จิ่วโยวเตือนอย่างจริงจัง

หัวใจของมู่เฉินสั่นไหวจากนั้นก็พยักหน้า หากผ่านไปหนึ่งหรือสองวันคลื่นหลิงส่วนใหญ่ของเขาก็คงจะสลายเกือบหมดแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเขาก็จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน อุกกาบาตใหญ่ก็เปล่งเสียงดังบินผ่านเบื้องหน้าทั้งสี่ด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์มาก จังหวะนั้นทั้งสี่ก็ทะยานออกไปร่อนลงบนอุกกาบาตขนาดใหญ่ คลื่นหลิงพุ่งออกมายึดร่างไว้กับหิน

ฟิ้ว!

อุกกาบาตสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็พุ่งผ่านความมืดอย่างรวดเร็วและทะยานออกไปในระยะไกล

หลังจากขึ้นมาได้ มู่เฉินก็ตระหนักได้ว่าอุกกาบาตก้อนนี้กำจายสนามพลังพิเศษที่ดูเหมือนจะปิดกั้นพลังการละลายที่อยู่ด้านนอก

เมื่อรู้สึกถึงสิ่งนี้ มู่เฉินก็อดชื่นชมจากในใจไม่ได้ เมื่อมองไปที่พวกจิ่วโยว เขาก็อึ้งไปอีกครั้ง นั่นเป็นเพราะหลังจากที่ทั้งสี่คนพลิ้วตัวลงมา ทั้งสามคนก็กระจายตัวออกไปอย่างรวดเร็วและค้นหาบางสิ่งบางอย่างทีละตารางนิ้ว

มู่เฉินได้แต่ยืนอึ้งงันกับการกระทำของพวกเขา แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงรบกวน ผ่านไปไม่นานเสียงแห่งความสุขของมั่วหลิงก็ดังขึ้น นางกำมือแน่น แสงสีแดงฉานที่อยู่บนพื้นลอยลงไปในมือของนาง

ตรงกันข้ามจิ่วโยวและมั่วเฟิงไม่มีอะไรในมือเลย

“นี่คืออะไร?” จ้องมองมั่วหลิงที่ร่าเริง มู่เฉินก็อดถามไม่ได้

มั่วหลิงหัวเราะเสียงพลิ้วขณะแบมือออก แสงสีแดงฉานกระจายออกมาพร้อมกับก้อนแป้งเปียกเหนียวหนืดขนาดเท่ากำปั้น ทว่าก้อนแป้งเปียกนี้มีสีแดงราวกับว่าเปื้อนเลือด มิหนำซ้ำกลิ่นคาวเลือดหนาแน่นยังแพร่กระจายออกมาจากมัน เมื่อมู่เฉินสูดดมกลิ่นเข้าไป เขาก็รู้สึกถึงรัศมีและกระแสโลหิตที่เดือดพล่านของตัวเองพร้อมกับความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้พุ่งเข้ามาในหัวใจของเขา ทำให้เขาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะกลืนกินเลือดก้อนนี้

“นี่คือโคลนโลหิต ในสมัยโบราณจอมยุทธ์ดินแดนเสินโซ่รับรู้ถึงแผนการของจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ ก่อนที่การทำลายล้างจะมาถึง พวกเขาจุดชนวนร่างกายพยายามที่จะขัดขวางเผ่าปีศาจ ดังนั้นโคลนโลหิตนี้จึงมีร่องรอยเลือดและเนื้อที่สำคัญของจอมยุทธ์เหล่านั้น โคลนนี้สามารถกินได้ เมื่อกินไปแล้วก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อร่างกาย ในโลกภายนอกหากมีพวกจอมยุทธ์ที่เชี่ยวชาญในการกลั่นยา พวกเขาก็จะใช้โคลนโลหิตกลั่นเป็นเม็ดโลหิตได้ ซึ่งสามารถช่วยปรับสภาพร่างกายได้แบบสิ้นเชิงเลย” จิ่วโยวมองใบหน้าที่มีเครื่องหมายคำถามของมู่เฉินก็อธิบาย

เมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว มู่เฉินก็เข้าใจ

มั่วหลิงถือโคลนโลหิตไว้แล้วแยกออกเป็นสี่ส่วน มอบส่วนหนึ่งให้กับพี่ชาย แล้วก็ส่งอีกสองส่วนไปให้มู่เฉินและจิ่วโยว

“ขอบคุณนะหลิงเอ๋อ” จิ่วโยวยิ้มบาง ไม่ปฏิเสธน้ำใจของมั่วหลิง

มู่เฉินที่ยังไม่สนิทกับมั่วหลิงเท่าไร ก็รู้สึกเคอะเขินเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ เมื่อได้รับของล้ำค่ามา ความประทับใจที่เขามีกับหญิงสาวก็เพิ่มขึ้นอีก

มู่เฉินรับโคลนโลหิตมา หลังจากแยกออกเป็นสี่ส่วนก็มีขนาดเหลือเท่านิ้วโป้งเท่านั้น เขาทำตามคนอื่น ลูบไล้ด้วยปลายนิ้วปั้นเป็นเม็ดแล้วโยนเข้าไปในปาก

ตู้ม!

ทันทีที่โคลนโลหิตเข้าไปในปาก มู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเลือดที่ระเบิดออก ขณะที่ความร้อนลวกม้วนตัวลงไปทั่วร่างกาย ความรู้สึกเดือดพล่านทำให้ใบหน้าของมู่เฉินแดงเป็นปื้น

ความรู้สึกเดือดพล่านคงอยู่หลายนาทีก่อนที่ความปลอบประโลมที่อธิบายไม่ได้จะแผ่กระจายไปทั่วร่างกายของมู่เฉิน ทำเอาเขาต้องพ่นลมหายใจสบายออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

เมื่อความร้อนจางหายอย่างสมบูรณ์ มู่เฉินก็ฟื้นตัว ทันใดนั้นก็รีบตรวจจับเส้นสายก่อนที่ใบหน้าจะมีสีขึ้น นั่นเป็นเพราะเขาสามารถสัมผัสได้ว่าร่างกายได้รับการเสริมสร้างความเข้มแข็งขึ้นมาเล็กน้อย

แม้ว่าจะไม่ชัดเจนมาก แต่มู่เฉินก็รู้ว่านับตั้งแต่ได้สร้างกายามังกรหงส์สำเร็จแล้ว เขาก็ไม่รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอีกเลย

ต่อให้ในเวลาปกติเขาจะใช้คลื่นหลิงปรับแต่ง ผลเสริมสร้างความแข็งแกร่งก็ไม่ชัดเจน เพราะการฝึกฝนพลังกายจะยากขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้…หลังจากกินโคลนโลหิตเข้าไปเท่านั้น มู่เฉินกลับรู้สึกว่าร่างกายแสดงสัญญาณทรงพลังขึ้น นี่จะไม่ทำให้เขาตกใจได้อย่างไร?

โคลนโลหิตเป็นวัตถุชั้นยอดสำหรับร่างกายจริงๆ!

เมื่อจิ่วโยวเห็นมู่เฉินที่มีท่าทางตกตะลึงอยู่ด้านข้าง นางก็ยิ้ม “เจ้าต้องรู้ว่าถ้าเอาโคลนโลหิตที่เจ้ากินไปขาย อย่างน้อยคำหนึ่งก็มีค่าหลายแสนหยดของเหลวจื้อจุนเลยนะ ยิ่งกว่านั้นต่อให้มีเงินก็หาซื้อไม่ได้”

มั่วเฟิงเหลือบมองมู่เฉินพูดอย่างเฉยเมยว่า “โคลนโลหิตเป็นของสิ่งหนึ่งที่เราต้องหาในการเดินทางไปยังดินแดนเสินโซ่ แต่ก็เป็นวัตถุหายากและมีจำนวนไม่มาก เมื่อครู่หลิงเอ๋อโชคดีมาก ไม่งั้นคงไม่เพียงพอที่จะแบ่งออกเป็นสี่ส่วนหรอก”

มู่เฉินพยักหน้าแล้วแสดงความขอบคุณมั่วหลิงอีกครั้ง ก่อนที่จะเลียริมฝีปากอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้สึกราวกับถูกล่อลวงด้วยโคลนโลหิต หากเขาได้รับมากกว่านี้บางทีร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก แน่นอนว่าจะช่วยได้มากสำหรับเขาในการเข้าสู่ขั้นสองของวิชากายามังกรหงส์ด้วย

“เมื่อเข้าใกล้ดินแดนเสินโซ่ขึ้นเรื่อยๆ ก็จะมีหินขนาดใหญ่กว่าที่เรายืนอยู่ ถ้าโชคดีพออาจจะได้โคลนโลหิตเพิ่มอีกสักหน่อย” เหมือนรับรู้ถึงน้ำลายที่ไหลย้อยในหัวใจของมู่เฉิน จิ่วโยวก็พูดขึ้น

จากนั้นจิ่วโยว มั่วเฟิงและมั่วหลิงก็นั่งลงไม่ได้พูดต่อ ปล่อยให้อุกกาบาตนำพาพวกเขาไป ขณะที่เคลื่อนเข้าสู่ส่วนลึกของความมืดมิด

มู่เฉินก็นั่งลงเช่นกัน ไม่ได้คิดทำลายความเงียบนี้ มีเพียงดวงตาที่กะพริบวูบวาบ คอยจ้องมองไปในระยะไกล รอให้อุกกาบาตก้อนอื่นปรากฏขึ้น

ยามนี้ผลประโยชน์ของการมาดินแดนเสินโซ่เขย่าหัวใจของมู่เฉินแล้ว เขาคาดหวังในการเดินทางครั้งนี้ยิ่งขึ้น

ก่อนที่พวกเขาจะถึงดินแดนเสินโซ่ก็มีของล้ำค่าอย่างโคลนโลหิตปรากฏขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีสมบัติประเภทใดปรากฏขึ้นอีกเมื่อไปถึงเป้าหมาย?

แค่คิดถึงหัวใจของมู่เฉินก็พองโตด้วยความคาดหวัง

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset