หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 987 สิบที่นั่ง

แสงแดดส่องลงมาจากฟากฟ้า

ทว่าเมื่อตกกระทบบนหลังคาเจดีย์หินโบราณก็ราวกับร้อนระอุไปด้วยเปลวไฟ ชั้นแสงไหลเวียนไปทั่วพื้นผิวพร้อมกับความผันผวนที่เก่าแก่และน่าสะพรึง ประหนึ่งสัตว์อสูรดุร้ายที่ตื่นจากนิทราอย่างช้าๆ ภายในเจดีย์หิน

ทุกคนรู้สึกถึงระลอกคลื่นนั้นได้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหดเกร็งม่านตาพร้อมกับความตกใจพล่านในส่วนลึกของนัยน์ตา ลูกคลื่นที่แผ่ออกไปนั้นค่อนข้างน่าทึ่งเลยทีเดียว

ทว่าอาการตกตะลึงก็กินเวลาเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะหายไปและถูกแทนที่ด้วยความคาดหวังหนาแน่นและความปีติยินดี นั่นเป็นเพราะเหตุการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้หมายถึงเจดีย์ฝึกพลังกายโบราณกำลังจะเปิดขึ้นแล้ว

ครืน!

ภายใต้สายตาที่ร้อนระอุเจดีย์ก็เปล่งเสียงต่ำ ก่อนที่พื้นรอบเจดีย์จะแตกร้าว จากนั้นแท่นหินโบราณสิบแท่นก็โผล่ออกมาจากพื้นดิน

แต่ละแท่นเต็มไปด้วยลวดลายที่ลึกซึ้งซึ่งกะพริบวูบไหวด้วยแสงบางจาง สามารถมองเห็นเกลียวแสงกระจายออกมาเชื่อมต่อกับเจดีย์ไว้

เมื่อแท่นหินทั้งสิบปรากฏขึ้น ความโกลาหลก็ระเบิดทันควัน จิ่วโยวถึงกับขมวดคิ้ว “มีเพียงแท่นรับสิบแท่นเท่านั้นที่จะเข้าสู่เจดีย์ในครั้งนี้…”

“แท่นรับ? หมายความว่ายังไง?” มู่เฉินกวาดมองเหล่าจอมยุทธ์ที่แตกตื่นก็ถามด้วยความงุนงง

“แท่นรับก็คือที่นั่งที่จะเข้าสู่เจดีย์ หนึ่งแท่นสามารถรับจอมยุทธ์ได้เพียงคนเดียว… แปลว่าครั้งนี้จะมีคนเพียงสิบคนเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่เจดีย์ได้”

จิ่วโยวพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ว่ากันว่าครั้งที่แล้วเจดีย์นี้มียี่สิบแท่นเชียวนะ ไม่คิดว่าจะเหลือครึ่งหนึ่งในครั้งนี้…”

ดวงตามู่เฉินหดลงเมื่อเข้าใจคำพูดของจิ่วโยว ด้วยจำนวนแท่นที่น้อยลง ทำให้ที่นั่งสำหรับการเข้าสู่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณจะยิ่งได้ยากขึ้น ด้วยจำนวนคนมากมายที่นี่จับตามอง ถ้าต้องการรับหนึ่งในที่นั่งนั้นก็จะต้องจ่ายราคาแพงระยับ

มู่เฉินกวาดสายตาไปรอบๆ เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เคร่งเครียดลงหลายส่วน แสงเย็นยะเยือกวูบไหวในดวงตาจอมยุทธ์แต่ละคน สายตาที่มองไปยังกลุ่มอื่นอัดแน่นด้วยจิตสังหาร

แท่นรับทั้งสิบตั้งเงียบๆ รอบเจดีย์ ทว่าเมื่อแท่นปรากฏกลุ่มต่างๆ ที่กระหายอยากในตอนแรกกลับนิ่งเงียบ แต่ภายใต้ความเงียบนี้ก็เกิดรัศมีเยือกเย็นรวมตัวกัน

มู่เฉินขมวดคิ้วเบาๆ แม้เขาไม่คิดว่าจะสามารถเข้าไปในเจดีย์ได้อย่างง่ายดาย ทว่าตัดสินจากสถานการณ์ปัจจุบันแท่นรับสิบแท่น ดูเหมือนจะต้องเกิดการนองเลือดก่อนที่จะมีใครยืนได้อย่างมั่นคง

“ในเมื่อมีเพียงสิบแท่น ข้าว่าเราจะต้องเปลี่ยนแผนแล้ว” จิ่วโยวมองไปทางพรรคพวกพูดด้วยเสียงเบา

“ในบรรดาสิบแท่น เป็นไปไม่ได้ที่เราจะครอบครองสี่แท่นในนั้น ไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะทำได้ก็ถือเป็นโชคร้ายไม่ใช่โชคดี”

มู่เฉิน มั่วเฟิงและมั่วหลิงพยักหน้า หากพวกเขาได้รับแท่นคนละแท่นแล้ว อัจฉริยะของกลุ่มอื่นจะต้องดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำแน่นอน ในเวลานั้นพวกเขาอาจจะถูกกลุ่มอื่นมาร่วมกันยำเพิ่ม ถึงตอนนั้นอาจไม่สามารถได้รับสักที่เดียวและจะต้องถอยออกไปในสภาพน่าสมเพช ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรู้จักปล่อยโอกาสบางส่วนไป

“ข้าแนะนำให้ตั้งเป้าหมายสองที่ ถ้าให้สองคนเข้าไปในเจดีย์ได้ นั่นจะเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุด”

“สองที่เรอะ…” มู่เฉินไตร่ตรองเล็กน้อย หากเป็นเช่นนั้นก็มีเพียงสองคนเท่านั้นที่จะได้รับโอกาสเข้าสู่เจดีย์ ในขณะที่อีกสองคนได้แต่รออยู่ข้างนอก

แบบนี้ก็ไม่ยุติธรรมสำหรับอีกสองคน เพราะไม่มีใครอยากทิ้งโอกาสนี้ไปหรอก

“ข้าเสนอให้มั่วเฟิงและมู่เฉินเข้าชิงชัยที่นั่ง ส่วนข้าและมั่วหลิงจะช่วยจากด้านข้าง… พวกเจ้ามีความคิดเห็นอื่นไหม?” จิ่วโยวเหลือบมองทั้งสามคนและยิ้มบาง

มู่เฉินอึ้งไปเมื่อได้ยินคำพูดของนางที่สัมผัสไปถึงหัวใจของเขา นั่นเป็นเพราะตามสถานการณ์ปกติควรจะเป็นนางและมั่วเฟิงที่เข้าไปชิงชัยที่นั่ง เนื่องจากทั้งคู่อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเจ็ด ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงในการได้รับที่นั่งไป ทว่าจิ่วโยวกลับมอบสิ่งนี้ให้กับมู่เฉิน เห็นได้ชัดว่านางตั้งใจที่จะให้โอกาสในเจดีย์ฝึกพลังกายโบราณนี้แก่เขา

นางเข้าใจแจ่มแจ้งว่าโอกาสนี้สำคัญมากสำหรับเขา

มั่วเฟิงและมั่วหลิงอึ้งไป จากนั้นคนเป็นพี่ก็เหลือบมองมู่เฉินพลางพูดว่า “ผู้อาวุโสบอกว่าให้เจ้าเป็นผู้ตัดสินใจ เมื่อเจ้าว่าแบบนี้ มั่วหลิงกับข้าก็ไม่มีความเห็นเป็นอื่น”

แม้ว่าพลังของมู่เฉินจะอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นหกเท่านั้น แต่จากการร่วมเดินทางหลายวันที่ผ่านมา มั่วเฟิงรู้ดีว่ามู่เฉินซ่อนพลังไว้มาก ดังนั้นเขาจึงไม่คัดค้านคำแนะนำของจิ่วโยว เพราะการตัดสินใจของจิ่วโยวถือเป็นการนำโอกาสของนางให้แก่มู่เฉิน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้

“คิกๆ พี่ใหญ่มู่เฉินสู้ๆ นะ” มั่วหลิงหัวเราะเบาๆ

“ขอบใจนะ” มู่เฉินประสานมือกล่าวขอบคุณให้สองพี่น้อง สำหรับจิ่วโยวความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องใช้คำพูดมากมาย ทว่าตัวเขาก็ได้ตัดสินใจในใจแล้วว่าเขาจะต้องทำทุกวิถีทางในการช่วยจิ่วโยวให้ได้รับเลือดศักดิ์สิทธิ์วิหคอมตะเพื่อให้สายเลือดของนางสมบูรณ์แบบ

ขณะที่กลุ่มมู่เฉินพูดคุยตัดสินใจกัน บรรยากาศก็ยังอยู่ในช่วงชะงักงัน แต่ทุกคนรู้ว่าจะอยู่อีกไม่นาน…

แล้วก็เป็นอย่างที่ทุกคนคาดไว้ การชะงักงันกินเวลาไม่กี่นาทีก่อนที่หานซันแห่งเผ่าแรดอสูรจะก้าวย่างออกมาพลางกวาดสายตาดุร้ายเปล่งน้ำเสียงคมชัดก้องดังขึ้น “ในเมื่อทุกคนไม่ต้องการเป็นคนเปิด งั้นเผ่าแรดอสูรเริ่มให้เอง!”

หลังจากที่พูดจบ ร่างเงาก็ทะยานออกพลิ้วตัวลงอย่างหนักหน่วงบนแท่นหนึ่ง ก่อนที่จะกวาดสายตาดุร้ายไปรอบๆ พร้อมกับส่งรัศมีร้ายกาจออกไป ราวกับแรดอสูรยุคก่อนประวัติศาสตร์

“ข้าหานซันต้องการที่นั่งนี้! หากใครไม่เห็นด้วยก็ให้ออกมาประลองกับข้าได้เลย!” หานซันยืนอยู่บนแท่นรับพูดด้วยเสียงเยือกเย็น

หานซันยืนเอามือไพล่หลังขณะเปล่งรัศมีเผด็จการออกมา ทันใดนั้นสายตาผู้คนก็เปลี่ยนไป ทุกคนที่นี่เป็นจอมยุทธ์ชั้นสูงของคนรุ่นใหม่ในเผ่าพันธุ์ ดังนั้นพวกเขาจึงมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะถูกข่มโดยการกระทำแค่นี้ของหานซัน

ดังนั้นเมื่อหานซันพูดจบ เสียงร้องเย็นชาก็ดังก้องขึ้น “ฮึ่ม ข้าได้ยินเกี่ยวกับเจ้ามานานแล้ว หานซัน วันนี้เผ่าอสูรกุญชรขอท้าหน่อย!”

ตู้ม!

ร่างสูงตระหง่านพุ่งลงมาจากท้องฟ้าเข้าไปในแท่นรับที่หานซันยืนอยู่ ทำเอาพื้นดินสั่นสะเทือนรุนแรง

ทุกคนเพ่งสายตาไปก็เห็นร่างดำมะเมื่อมขนาดใหญ่ที่ปกคลุมด้วยรอยสักโบราณที่เปล่งประกายด้วยริ้วแสง ราวกับว่ามีพลังในการสั่นสะเทือนสวรรค์

คนผู้นั้นถือพลองสีดำที่เหมือนมีน้ำหนักมาก เพียงแค่สัมผัสกับพื้นก็ทำให้เกิดรอยแตกพล่านออกไป

“นั่นอัจฉริยะเผ่าอสูรกุญชร—สีคุน ว่ากันว่าเขาบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดแล้ว มีพลังที่สามารถเคลื่อนภูเขาได้เลยทีเดียว เฮ้ ถ้าทั้งสองเผ่าต่อสู้กัน คงเป็นการต่อสู้สะเทือนปฐพีแน่นอน”

ขณะที่คนผู้นั้นปรากฏตัวก็ดึงดูดเสียงน่าตกใจมากมาย ชัดว่าต่างมองออกว่าคนที่ขึ้นไปไม่ใช่จอมยุทธ์ทั่วไป ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงกล้าท้าทายหานซัน

“เผ่าอสูรกุญชรเรอะ?”

หานซันหรี่ตาลงพร้อมฉายสีหน้าไม่แยแสแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทันใดนั้นเขาก็กระทืบเท้าทำให้พื้นดินแตกออก รัศมีร้ายกาจม้วนตัวออกมา ร่างเขาราวกับแรดยุคก่อนประวัติศาสตร์ทะยานออกไปด้วยกระบวนท่าโจมตีอันดุร้าย ศึกเปิดขึ้นทันที

เมื่อสีคุนเห็นฉากนี้ก็เค้นเสียงเย็นไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร พลองในมือกวาดออกซัดใส่หานซันอย่างรุนแรง

ตู้ม!

คลื่นกระแทกหลิงป่าเถื่อนและไร้ขอบเขตระเบิดขึ้นบนแท่นรับแห่งนี้

การต่อสู้ของทั้งสองคน ทำให้การชะงักงันพังทลายลง ทุกคนอดรนทนไม่ได้อีกต่อไป คลื่นหลิงทรงพลังจำนวนมากพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า อึดใจร่างเงาหลายร่างก็เคลื่อนไหวพุ่งไปที่แท่นรับ

“ลงมือ!”

เมื่อจิ่วโยวเห็นสถานการณ์ก็ปล่อยเสียงคำรามต่ำ อึดใจต่อมาทั้งสี่ก็ทะยานแยกออกเป็นสองกลุ่มพลิ้วลงบนแท่นรับที่ใกล้ที่สุดสองแท่น

ร่างของมู่เฉินปรากฏตัวบนแท่นรับอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ยืนนิ่งบนแท่นรับท่ามกลางสายตาตกตะลึงมากมาย ยิ่งกว่านั้นเขายังหลับตาลงยืนนิ่งราวกับรูปปั้น

ส่วนจิ่วโยวก็ยืนอยู่บนท้องฟ้าของแท่นรับ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออกจากร่าง เพลิงสีม่วงพวยพุ่งขึ้น อุณหภูมิก็พุ่งสูงขึ้นอย่างน่ากลัว ทำให้อากาศบริเวณใกล้เคียงระเหยออกไป เพลิงครอบงำนี้ทำเอาจอมยุทธ์หลายคนชื่นชม อาการลังเลเผยในดวงตาของจอมยุทธ์ที่ต้องการคว้าแท่นรับเอาไว้

“ไอ้เด็กน้อยนั่นอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นหกเท่านั้น เขายังกล้าที่จะครองแท่นรับ รนหาที่ตาย!”

“ไอ้บ้านั่นดูเหมือนจะเป็นมนุษย์? เขาเข้ามาในดินแดนเสินโซ่ได้ยังไง?”

“ไม่รู้ว่าเผ่าวิหคโลกันตร์ทำอะไรอยู่ พวกเขาช่วยมนุษย์รับที่นั่งนี้เรอะ?”

“หึ รู้เพียงวิธียืมมือจากผู้หญิง ไร้ประโยชน์!”

“…”

สายตามากมายพุ่งมายังที่นี่ ก่อนที่เสียงเยาะเย้ยเย็นเยือกจะดังก้อง ท่ามกลางเสียงดูถูกเหยียดหยามเหล่านั้น มู่เฉินยังคงยืนหยัดด้วยดวงตาที่ปิดสนิทโดยไม่ได้ขยับเขยื้อน

“จิ่วโยวต้องการช่วยมนุษย์คนนั้นให้ได้รับที่นั่งจริงเหรอ?”

ไม่ไกลในกลุ่มกระเรียนฟ้า หลิ่วชิงก็ตกใจขณะที่เฝ้าดูฉากนี้ จากนั้นนางก็เยาะเย้ยว่า “จิ่วโยวฝันเฟื่องจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าพลังของเจ้านั่นอยู่ในขั้นหกเท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะสามารถปกป้องแท่นรับไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าเขาจะสามารถเข้าไปในเจดีย์ได้ ก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะมีการเก็บเกี่ยวที่ดี นางโง่จริงๆ”

“นอกจากนี้นางคิดว่าจะสามารถปกป้องเจ้านั่นด้วยพลังตัวคนเดียวหรือ?”

จงเถิงยืนอยู่ข้างๆ หลิ่วชิงก็มองจิ่วโยวยืนไว้สง่าอย่างไม่แยแส ก่อนที่เขาจะเปิดปากภายใต้สายตาระทึกใจของหลิ่วชิง “ข้าไปจัดการจิ่วโยว เจ้าไปจัดการกับมนุษย์หน้าโง่นั่น เผ่ากระเรียนฟ้าต้องได้แท่นรับแท่นนี้”

“ระดับจื้อจุนขั้นหกไม่มีอะไรน่ากลัวเลย”

ชายเสื้อคลุมสีแดงยิ้มกริ่ม แสงดุร้ายกะพริบในดวงตาก่อนที่คลื่นหลิงทรงพลังจะระเบิดออกมาจากร่าง เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดแล้ว!

จงเถิงพยักหน้าก่อนที่จะก้าวออกไปปรากฏตัวต่อหน้าจิ่วโยวที่มีเพลิงสีม่วงลุกโชนรอบตัว

ส่วนชายที่ชื่อจงฮั้วก็พลิ้วตัวบนแท่นรับของมู่เฉิน จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาถากถาง ราวกับว่าเขากำลังมองเหยื่อ

มู่เฉินสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้ เขาค่อยๆ เปิดตาขึ้นจ้องมองไปที่จงฮั้วอย่างไม่แยแส ก่อนที่จะสะบัดนิ้วทั้งสิบ แสงหลิงที่ยากจะสังเกตพุ่งออกไปฝังตัวเข้ากับแท่นรับ

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset