หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 989 อำนาจของค่ายกลระดับเทียน

“ค่ายกลระดับเทียน ตราประทับคิริเทวโลก!”

ตราประทับแสงมาพร้อมกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์กดทับลง ทำให้เกิดคลื่นปั่นป่วนที่น่าสะพรึงกวาดออก กระทั่งมิติก็แตกสลาย แรงกดดันของตราประทับขนาดหนึ่งจั้งนี้ทำเอาสีหน้าของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดยังต้องเปลี่ยนแปลงไปเลยทีเดียว

นี่คือค่ายกลระดับเทียนของแท้!

เมื่อตราประทับศักดิ์สิทธิ์กดลงก็พุ่งเข้าใส่จงฮั้ว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดน่ากลัว ริ้วความกลัววูบไหวในดวงตา

เขาสัมผัสได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของตราประทับ พลังของมันเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดอย่างเขายังรู้สึกถึงการถูกคุกคามถึงชีวิต

อย่างที่ทุกคนทราบ แม้ว่าค่ายกลที่จัดตั้งโดยหลิงเจิ้นซือจะทรงพลังแต่ก็มีข้อบกพร่อง นั่นก็คือเวลาในการจัดเตรียมสร้างค่ายกล การเผชิญหน้าระหว่างจอมยุทธ์อาจถูกตัดสินได้ในพริบตา ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ปกติหลิงเจิ้นซือจะไม่ได้คุกคามอะไรมาก

แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเมื่อมู่เฉินขึ้นมาบนแท่นรับเขาก็ยืนยิ่งโดยไม่ขยับเขยื้อน ผู้คนต่างพากันหัวเราะเยาะว่าเขาพึ่งพาความช่วยเหลือของจิ่วโยว แต่ที่จริงเขากำลังสร้างค่ายกลทรงพลังซ่อนไว้ใต้พื้นดินต่างหาก

ก็อย่างที่รู้กัน เมื่อหลิงเจิ้นซือมีเวลามากพอ พวกเขาเป็นอะไรที่ยากจัดการ… และในเวลานี้จงฮั้วก็กำลังได้รับผลลัพธ์นี่

“ไอ้เวร!”

เมื่อความคิดนี้แล่นพล่านในใจ จงฮั้วก็ได้แต่สาปแช่งอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนที่จะขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน โยนความตื่นตระหนกทิ้ง พริบตาคลื่นหลิงในร่างก็ระเบิดออกมาโดยไม่ได้ยับยั้งเอาไว้

เวลานี้ถ้าเขาต้องการที่จะปกป้องตัวเอง เขาก็ต้องเทหมดหน้าตัก!

ตู้ม!

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตปะทุราวกับภูเขาไฟ ระเบิดออกอย่างรวดเร็วจากร่างของจงฮั้ว สร้างคลื่นกระแทกที่ครอบงำกวาดออกไป ระเบิดแม้กระทั่งอากาศบริเวณนี้

ขณะที่จงฮั้วเร้าคลื่นพลังงานทั้งหมดออกมา กระเรียนไฟก็ปรากฏขึ้นข้างหลัง ปีกใหญ่กระพือทำให้เกิดทะเลเพลิงเชี่ยวกรากกระจายออกไปทั่วขอบฟ้า

“ครืน!”

ท่าทางจงฮั้วเคร่งเครียดถึงขีดสุด ขณะที่ร่างกระตุกรุนแรง กระเรียนไฟที่ลุกโชนก็ส่งเสียงร้องกลายเป็นเพลิงสีแดงกวาดลงไป ก่อนที่จะหลอมรวมเข้ากับหอกของเขา ทันใดนั้นขนเพลิงนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นบนตัวหอก อุณหภูมิที่น่าสะพรึงกลัวแพร่กระจายออกไป ทำให้มิติบิดเบือน

“กระเรียนไฟประลัย!”

จงฮั้วคำราม เขาไม่ลังเลอีกต่อไป หอกเปล่งเสียงดังสนั่น ทันใดนั้นภายใต้สายตานับไม่ถ้วน หอกก็กระแทกลงบนตราประทับแสงที่เบื้องล่าง

เคร้ง!

ทันทีที่เกิดการปะทะกัน อากาศบนแท่นรับก็แข็งค้าง ในเวลาต่อมาพายุทอร์นาโดที่ไม่อาจบรรยายได้ก็กวาดหายนะออกมาฉับพลัน ทำให้เกิดรอยแตกบนแท่นรับที่ด้านล่าง

สายตาของมู่เฉินสงบนิ่งขณะมองพายุหลิงอันครอบงำ ตราประทับในมือเปลี่ยนแปลงเร็วจี๋ เสียงแผ่วเบาสะท้อนก้องออกมา “คิริเทวโลกปราบปีศาจ!”

ตู้ม!

พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงกระบวนท่า ตราประทับศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกตึงไว้โดยหอกยาวสีแดงในมือของจงฮั้วก็กระตุก จากนั้นตราประทับก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่กี่ลมหายใจก็ขยายขนาดถึงพันจั้ง ครอบคลุมครึ่งหนึ่งของแท่นรับเอาไว้เลย

นอกเหนือจากการขยายตัวของตราประทับคิริเทวโลก ภาพภูเขาที่ตั้งตระหง่านก็เผยความยิ่งใหญ่มากขึ้น ความยิ่งใหญ่นี้ทำให้จิตใจของผู้คนถูกระงับเอาไว้

เมื่อตราประทับศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนไป สีหน้าของจงฮั้วก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด เนื่องจากเขาสามารถรู้สึกได้ว่าเวลานี้พลังการปราบปรามที่มาจากตราประทับศักดิ์สิทธิ์ทบทวีคูณขึ้น

แคร็ก!

บนหอกยาวสีแดงขนเพลิงแตกเป็นเสี่ยงๆ กระทั่งตัวหอกยังหงิกงอลงเล็กน้อย ชัดว่าไม่อาจทนได้แล้ว

เม็ดเหงื่อหยดลงมาจากใบหน้าที่บิดเบี้ยวของจงฮั้ว อึดใจเขาก็ปล่อยหอกยาวซึ่งกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ออก ร่างเงาถอยกรูดกลับไป

ปัง!

ขณะที่ถอยกลับ หอกยาวสีแดงก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากพลังของตราประทับศักดิ์สิทธิ์

อ็อก!

เมื่อถอยหนีออกไป เลือดสดก็พ่นออกมาจากปาก คลื่นหลิงในร่างกายดิ่งฮวบลง เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ทว่าเขาก็ยังกัดฟันพร้อมกับสายตามืดครึ้มลง แม้ว่าค่ายกลที่สร้างขึ้นโดยหลิงเจิ้นซือจะทรงพลังมาก แต่ตัวหลิงเจิ้นซือเองอ่อนแอมากเมื่อค่ายกลหายไป ดังนั้นหากได้โอกาสเหมาะ เขาออกเพียงกระบวนท่าเดียวก็จะจัดการมู่เฉินได้

ทว่าดูเหมือนมู่เฉินจะรู้ว่าจงฮั้วกำลังคิดอะไรอยู่ รอยยิ้มเย็นชาปรากฏที่มุมปาก ในเมื่อเขาเลือกที่จะเคลื่อนไหวแล้ว เขาก็จะไม่ทิ้งภัยคุกคามใดๆ เอาไว้รอบตัวอีก

มู่เฉินกระทืบเท้าปรากฏตัวเหนือตราประทับศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่จางหาย ก่อนที่จะกระแทกฝ่ามือลงไปภายใต้สายตาหวาดผวาที่จ้องมองมาของจงฮั้ว

ตู้มมมมม!

เมื่อส่งฝ่ามือออกไป ตราประทับศักดิ์สิทธิ์ก็ทะยานออกไปทันทีราวกับภูเขามหึมา พุ่งลงมาที่จงฮั้วที่กำลังถอยหนีพร้อมกับเงาขนาดใหญ่

เมื่อเงาห่อหุ้มโดยรอบ ใบหน้าของจงฮั้วก็เปลี่ยนไปทันที เขาได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เทพลังทั้งหมดไปที่ท่อนแขน จากนั้นก็ตบตราประทับศักดิ์สิทธิ์พยายามผลักมันออกไป

ปัง!

ทว่าเมื่อฝ่ามือทั้งสองของเขาสัมผัสกับตราประทับศักดิ์สิทธิ์ ขาของเขาก็อ่อนแรง หัวเข่ากดลงลึกไปในพื้นพร้อมกับเสียงกระดูกหักที่มาจากแขน ทำให้แขนทั้งสองข้างบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย

ตราประทับศักดิ์สิทธิ์เหมือนแบกภูเขาเทพขนาดมหึมาจริงๆ น้ำหนักเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแบกรับไว้ได้!

วาบ

มู่เฉินปรากฏขึ้นเหนือตราประทับศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็กระแทกเท้าลงไปอย่างหนักหน่วง ทันใดนั้นคลื่นก็ม้วนตัวออก ตราประทับทั้งแผ่นทิ้งตัวลงมา ทำให้จงฮั้วที่อยู่ข้างใต้ตกอยู่ในสถานะที่น่าสมเพชยิ่งกว่าเดิม แขนทั้งสองเกือบหัก เลือดหยดลงบนเสื้อผ้า สภาพน่าอนาถสุดๆ

แต่เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็ไม่ได้คิดสงสารจงฮั้ว สายตาฉายความไม่แยแสขณะกระทืบเท้าลงไปอีกครั้ง เขาตั้งใจทำให้จงฮั้วเป็นง่อยไปเลย

ทว่าจงฮั้วเหมือนจะรู้สึกถึงเจตนาสังหารของมู่เฉิน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ารีรอ เสียงคำรามแผดออก เปลวไฟสีแดงก็กวาดออกมาปะทะกับตราประทับศักดิ์สิทธิ์

ปัง!

มือทั้งสองของเขาฟาดลงไปกับพื้นขณะเลือดสดพ่นออกมา เลือดราวกับเปลวไฟ พริบตาร่างของเขาก็ปรากฏตัวห่างออกไปพันจั้ง ร่อนลงมาด้านนอกแท่นรับ

อ็อก!

เมื่อร่างร่อนลงไป เลือดก็กระอักเต็มปาก ผมเผ้ายุ่งเหยิง ไม่เหลือเค้าความมั่นใจแม้แต่น้อยเหมือนในตอนแรก ความกลัวและความตื่นตระหนกในดวงตาทำให้เขาดูราวกับหมาจนตรอก

เมื่อจงฮั้วหนีกระเสือกกระสนออกมาจากแท่นรับอย่างน่าสมเพช ความวุ่นวายก็ลุกฮือขึ้น จอมยุทธ์จำนวนมากจ้องมองมู่เฉินด้วยความตกตะลึง แววตาแต่ละคู่ไหวระริกเนื่องจากพวกเขาไม่คิดว่ามนุษย์ที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นหกจะยากที่จะต่อกรขนาดนี้

ฝั่งกลุ่มกระเรียนฟ้า พวกหลิ่วชิงก็มีสีหน้าไม่น่าดู เมื่อพวกนางเห็นมู่เฉินเอาชนะจงฮั้วได้ ตอนนี้ใบหน้ากลายเป็นสีเขียวคล้ำ ความไม่เชื่ออัดแน่น

ไม่มีใครคิดว่าสถานการณ์ที่อยู่ในกำมือจะพลิกไปในพริบตา…

“ไอ้บ้านั่นเป็นหลิงเจิ้นซือขั้นเทียนตัวจริง เขาซ่อนตัวเองเอาไว้ลึกสุดใจเลยทีเดียว!” จอมยุทธ์คนหนึ่งของเผ่ากระเรียนฟ้าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะที่พูด สายตาที่มองมู่เฉินมีริ้วความกลัวเพิ่มขึ้น ถ้าหลิงเจิ้นซือขั้นเทียนเตรียมพร้อมขึ้นมาละก็ เป็นเรื่องง่ายที่จะฆ่ากระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ด

หลิ่วชิงกำมือแน่นพลางขบฟัน ขณะที่สีเขียวสลับสีขาวกระจายบนใบหน้า แต่นางก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย

ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน มู่เฉินยังคงมีใบหน้านิ่งสงบ เขากระทืบเท้าลงไปตราประทับศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยๆ สลายลง

ขณะเดียวกันเขาก็เงยหน้าขึ้นมองจงเถิงที่เผชิญหน้ากับจิ่วโยวด้วยสีหน้าเฉยเมยพูดเบาๆ ว่า “ถ้าเจ้ายังคิดอยู่ที่นี่ ก็อย่าโทษข้าที่ต้องลงมือด้วย”

พูดจบแสงหลิงก็เต้นระริกออกมาจากแขนเสื้อแล้วรวมเข้ากับพื้นที่นี้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นลวดลายแสงก็ปรากฏขึ้นเลือนราง เหมือนกำลังจะก่อร่างตัวค่ายกลระดับเทียนอีกชั้นหนึ่ง

เมื่อรู้สึกถึงไอสังหารคมชัดที่เบื้องล่าง จงเถิงก็ม่านตาหดเกร็ง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอย่างช่วยไม่ได้ เขาก้มหน้าลงมองไปที่มู่เฉิน พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ครั้งนี้ข้าประเมินเจ้าต่ำไป”

ครั้งแรกที่พบเขาไม่เคยมองมู่เฉินอยู่ในสายตา แต่ในขณะนี้เขาเข้าใจว่าภัยคุกคามที่มู่เฉินนำมายิ่งใหญ่กว่าจิ่วโยวหลายขุม มิน่าล่ะจิ่วโยวถึงมีความมั่นใจมากขนาดนี้

มู่เฉินไม่ได้โต้ตอบ แต่ลวดลายเรืองแสงกลับสว่างขึ้น…สว่างขึ้น คลื่นพลังงานที่น่าอัศจรรย์ใจก่อตัวขึ้นช้าๆ

ฮา

จงเถิงสูดหายใจเข้าลึกสุดปอด แสงเย็นยะเยือกวูบไหวในดวงตา ทว่าเขาก็เป็นคนเด็ดขาดและรู้ว่าตนเองไม่มีโอกาสมากนักในการปะทะกับจิ่วโยวและมู่เฉิน ดังนั้นจึงถอยออกไปทันที

“เจ้าชื่อมู่เฉินใช่ไหม? ข้าจะจำชื่อนี้เอาไว้ หากมีโอกาสข้าจะขอลิ้มลองความแข็งแกร่งของค่ายกลเจ้ามั่ง หวังว่าเวลานั้นเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”

ขณะที่จงเถิงถอยกลับเสียงเย็นก็ดังก้อง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้

ทว่ามู่เฉินไม่สนใจกับการข่มขู่แบบนี้ เขาเงยหน้าขึ้นแลกเปลี่ยนสายตากับจิ่วโยวด้วยรอยยิ้มบาง จากนั้นก็กวาดมองไปที่เหล่าจอมยุทธ์

“ทุกคน ข้ามู่เฉินต้องการแท่นรับแห่งนี้ ไม่ทราบว่ายังมีปัญหาอะไรอีกไหม?”

ขณะที่พูดเขาก็ดีดนิ้ว แสงหลิงเชี่ยวกรากก็มารวมตัวกันบนแท่นรับ พิจารณาจากความซับซ้อนของลวดลาย ไม่มีใครรู้ว่ามีค่ายกลจำนวนเท่าไรถูกซ่อนอยู่ไว้กันแน่

เมื่อเหล่าจอมยุทธ์เห็นดังนี้สายตาก็วูบไหว แต่สุดท้ายก็ละสายตากลับมา ยังไงที่นี่ก็มีแท่นรับสิบแท่น ไม่จำเป็นต้องเสียแรงกับอันที่จัดการยาก ไปชิงแท่นรับที่ยังไม่มีผู้ครองดีกว่ามาเสี่ยงสู้กับมู่เฉินและจิ่วโยว

เพราะทุกคนรู้ชัดว่าแท่นรับนี้ได้รับการสร้างแนวปราการโดยมู่เฉินเรียบร้อย การจะฝ่าเข้าไปคงมีจอมยุทธ์ไม่กี่คนที่มีความมั่นใจแบบนั้น

เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็รู้สึกโล่งใจ จากนั้นเขาส่งยิ้มให้จิ่วโยวดูท่าจะไม่มีใครกล้ามาชิงแท่นรับนี้อีกแล้ว

ในที่สุดเขาก็ได้รับที่นั่งของเจดีย์ฝึกพลังกายโบราณมาครอบครอง

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset