ด้านหลังลานเมฆสายฟ้า
คลื่นมิติกระเพื่อมไหวขณะที่เส้นแสงนับไม่ถ้วนพุ่งผ่านราวกับดาวหาง ฉากนี้ช่างงดงามนัก
ภายในทุกเส้นแสงมีแก่นสายฟ้าหนึ่งหยดซึ่งทำให้ดวงตาคนมองฉายโลภ ในสมัยโบราณว่ากันว่าเทพอสูรจำนวนมากใช้แก่นสายฟ้าเพื่อปรับสภาพพลังกายที่ฝึกฝน ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งราวกับเพชรที่ไม่สามารถทำลายได้
ทว่าแก่นสายฟ้าไม่ได้หาเจอได้ง่าย ในมหาพันภพปัจจุบันแม้ว่าจะมีแก่นสายฟ้าถูกนำเสนอในการประมูลขนาดใหญ่บ้าง แต่ราคาก็แพงระยับ มิหนำซ้ำเพียงแค่ปรากฏก็จะถูกประมูลไปทันที ยากสำหรับจอมยุทธ์ธรรมดาจะหาซื้อมาได้
แต่ตอนนี้วัตถุล้ำค่าฉวัดเฉวียนอยู่เบื้องหน้าสายตาแบบนับไม่หวาดไหว ดังนั้นพวกเขาจะไม่รู้สึกถึงแรงกระเพื่อมในหัวใจได้อย่างไร?
“นี่คือโชคสำหรับคนที่ได้รับที่นั่งทั้งห้ามาเรอะ…” มู่เฉินเลียริมฝีปาก หากเขาสามารถผ่านพื้นที่นี้ได้สำเร็จ ก็เหมือนได้ชำระล้างจากแก่นสายฟ้ามากมายมหาศาลนี้ ซึ่งถือเป็นการชำระที่ไม่สามารถจินตนาการได้สำหรับร่างกาย
เจดีย์ฝึกพลังกายเต็มไปด้วยโอกาสในการชำระร่างกายอย่างแท้จริง
แค่เวลาเพียงครึ่งวันนับตั้งแต่ที่พวกเขาเข้าสู่เจดีย์ พัฒนาการที่มีต่อพลังกายก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับการฝึกฝนภายนอกหนึ่งปี
“มิน่าล่ะดินแดนเสินโซ่จึงเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญมากมายในสมัยนั้นซึ่งเป็นจำนวนหนึ่งในสามของโลกสัตว์อสูร…” มู่เฉินถอนหายใจ ด้วยสภาพเหมาะสมในการเพาะบ่มพลังที่ยอดเยี่ยมดังกล่าว จึงไม่แปลกใจว่าทำไมจำนวนจอมยุทธ์ดินแดนเสินโซ่จึงมีจำนวนและประสิทธิภาพมากทั้งคู่
ฮึ่ม!
ขณะที่มู่เฉินถอนหายใจ เบาะสายฟ้าที่อยู่เบื้องล่างก็สั่นสะเทือนและบินไปอย่างช้าๆ นำพาพวกเขาเข้าไปในมิติที่เต็มไปด้วยดาวหางนับไม่ถ้วน
เมื่อมู่เฉินและคนอื่นๆ เห็นสิ่งนี้หัวใจก็สั่นระรัวรีบปรับสภาพสายตาจ้องมองไป
ฟิ้ว!
เบาะสายฟ้านำพวกเขาเข้าไปในห้วงมิติ เส้นแสงบินฉวัดเฉวียนมาจากทุกทิศทาง ทำให้ดวงตาทั้งห้าคู่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
หานซันว่องไวมาก เขางุ้มมือทำเป็นกรงเล็บคว้าไปที่เบื้องหน้า ทันใดนั้นแรงดูดก็ระเบิดออกเล็งไปที่เส้นแสงหนึ่งแล้วกระชากกลับมาอย่างแรง
เส้นแสงเปลี่ยนวิถีโคจร พุ่งเข้ามาราวกับดาวตก
หานซันฉีกยิ้มเปิดแขนกว้างโดยไม่ใช้พลังงานใดๆ เนื่องจากเขาทราบดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่คลื่นหลิงจะเชื่อมโยงกับแก่นสายฟ้า ในโลกนี้มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่สามารถจับมันได้ก็คือร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดเนื้อ
ดังนั้นหากเขาต้องการดูดซับแก่นสายฟ้า เขาก็ต้องรับมันมาด้วยร่างกายของตนเอง
ปัง!
เส้นแสงกระแทกหน้าอกของหานซัน ทำให้เกิดเสียงดังลึกต่ำ หลุมเลือดปรากฏบนหน้าอกของเขา สามารถมองเห็นสายฟ้าแล่นแปลบปลาบในรอยแผล มีร่องรอยของสายฟ้าเหลวรวมเข้ากับร่างกายของเขาผ่านหลุมเลือดอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของหายซันบิดเบี้ยว เห็นได้ชัดว่าเขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง เมื่อแก่นสายฟ้าเข้าสู่ร่างกาย มันจะค่อยๆ ละลายและชำระเลือดเนื้อ
อาการบิดเบี้ยวคงอยู่บนใบหน้าเป็นเวลานาน ก่อนที่จะค่อยๆ จางหายไป เมื่อเขาฟื้นสติร่างก็ปกคลุมไปด้วยเหงื่อ ความโลภในดวงตาก็จางลงมากถูกแทนที่ด้วยความกลัว เห็นได้ชัดว่าความเจ็บปวดที่เกิดจากแก่นสายฟ้าชำระร่างกายไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ธรรมดาจะทนได้
อัจฉริยะอย่างหานซันมีจิตใจแน่วแน่อยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องพักตัวไปนานกว่าจะกล้าดึงแก่นสายฟ้าอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันคนอื่นก็พยายามซึมซับแก่นสายฟ้าเข้าไป สุดท้ายทุกคนก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับหานซัน ใบหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ร่างกายสั่นไหวตลอดเวลาเมื่อแก่นสายฟ้าเข้ามาในร่างกาย
หลังจากรับความเจ็บปวดรุนแรง ทั้งสี่คนต่างก็ฉายความกลัวบนใบหน้า ยกเว้นมู่เฉิน เมื่อเขาลืมตาม่านตาสีดำก็สว่างวาบด้วยแสงประหลาด
เขาก้มศีรษะลงมองดูหน้าอกของตน หลุมเลือดกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ผิวหนังกะพริบแผ่วเบาด้วยแสงสีเงิน ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากแก่นสายฟ้า
มู่เฉินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าจุดที่ร่างกายซับแก่นสายฟ้าเข้าไปแข็งแกร่งและมีพลังมากกว่าส่วนอื่นๆ
ทว่าสิ่งที่ทำให้มู่เฉินครุ่นคิดไม่ใช่เรื่องการเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อแก่นสายฟ้าเข้าสู่ร่างกาย เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังงานส่วนใหญ่จากแก่นสายฟ้าถูกดูดซับโดยลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่อยู่ใต้ผิวหนัง
มู่เฉินมองที่แขนสองข้างซึ่งลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงสถิตอยู่ เขารู้สึกได้เลือนรางว่าเทพอสูรทั้งสองยามนี้กระฉับกระเฉงขึ้นมากพร้อมกับความกระหายอยากแผ่ซ่านออกมา หากมู่เฉินเดาถูกต้องแล้ว พวกมันคงจะหิวโหยพลังงานในแก่นสายฟ้า
“หิวอะไรกันขนาดนั้น…”
มู่เฉินพึมพำในใจ ในที่สุดเขาก็ได้รับประสบการณ์ความยากลำบากในการฝึกฝนคัมภีร์หลงเฟิ่ง ตั้งแต่เขาเริ่มฝึกวิชานี้ก็ไม่เคยหย่อนยานเลย แม้ว่าจะใช้ทรัพยากรไปมากมายก็ยังไปไม่ถึงขั้นสองสักที
ตามการคาดการณ์ของมู่เฉิน ถ้าเขาไม่สามารถบรรลุวิชานี้ในเจดีย์ฝึกพลังกายได้ เขาอาจจะต้องใช้เวลาอีกหนึ่งปีเพื่อบรรลุซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่มู่เฉินทนรับไม่ได้
ตอนนี้สิ่งที่เขาขาดมากที่สุดก็คือเวลา!
ดังนั้นในเมื่อมีทรัพยากรมากมายบินว่อนอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่สามารถมองพวกมันอย่างสูญเปล่าได้
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ดวงตาเขาเปล่งประกายด้วยความเด็ดเดี่ยว พลังใจปะทุขึ้น คลื่นหลิงเพิ่มขึ้นก่อตัวเป็นพลังดูดทรงประสิทธิภาพดึงเอาเส้นแสงทั้งหมดที่อยู่ใกล้เคียงเข้ามา
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็มีเส้นแสงเกือบสิบสายที่บินเข้ามา ทั้งหมดเปล่งประกายด้วยหยดแก่นสายฟ้า
ที่ใกล้เคียงอีกสี่คนก็ตกตะลึงอย่างมากกับการเคลื่อนไหวของมู่เฉิน พวกเขาผงะออกไปทันที ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลง
พวกเขารับรู้ชัดเจนเกี่ยวกับความเจ็บปวดที่เกิดจากการดูดซับแก่นสายฟ้า ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะค่อยเป็นค่อยไป หากรีบเร่งขึ้นมา ร่างกายของพวกเขาอาจเป็นสิ่งแรกที่ไม่สามารถทนได้
ในเวลานั้นแก่นสายฟ้าจะมีพลังมากเกินไป ร่างกายของพวกเขาก็จะถูกทำลาย
ครืน!
เส้นแสงพุ่งเข้ามาราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ ระดมยิงเข้าใส่ร่างของมู่เฉิน ทันใดนั้นหลายหลุมเลือดก็ปรากฏบนร่างของเขา ทำให้ร่างพร่ามัวชุ่มโชกไปด้วยเลือด
ขณะที่เลือดสดไหลหลั่ง แก่นสายฟ้าสีเงินเหล่านั้นก็หลอมรวมเข้ากับร่างกาย ความเจ็บปวดรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้ดวงตาของมู่เฉินเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
เขากัดฟันเม็ดเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก ใบหน้าของมู่เฉินก็บิดเบี้ยวจนน่ากลัว เสียงคำรามเจ็บปวดดังสะท้อนจากลำคอซึ่งฟังราวกับสัตว์ป่าบ้าคลั่ง
ชี่! ชี่!
เขายังสามารถได้ยินเสียงนาบของร้อนเมื่อแก่นสายฟ้าหลอมรวมเข้ากับร่างกาย ซึ่งทำให้รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังละลาย
ความเจ็บปวดเกินบรรยายเกือบทำให้เขาหมดสติ
ทว่าขณะที่มู่เฉินกำลังจะทนแบกรับความเจ็บปวดหนักหน่วงไม่ไหว ลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงก็ขยับตัว ทันใดนั้นเสียงคำรามก็ดังก้องออกมาจากร่างของมู่เฉิน
ฮึ่ม!
เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าดังก้อง เสียงดังกล่าวทำให้รัศมีและกระแสเลือดของมู่เฉินพุ่งสูงขึ้น แต่ความเจ็บปวดรุนแรงในร่างกายกลับถูกระงับอย่างรวดเร็ว
เมื่อความเจ็บปวดหายไปมู่เฉินก็รู้สึกโล่งสบาย ถ้าลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าไม่เคลื่อนไหวอีก เขาคงต้องปล่อยโอกาสไป
ขณะที่เขารู้สึกผ่อนคลายลง แก่นสายฟ้าในร่างก็เริ่มเปลี่ยนเป็นแสงสีเงิน สุดท้ายก็ถูกดูดซับโดยลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าที่อยู่บนแขนของเขา
มู่เฉินเปิดตา แสงสีเงินวาววับในรูม่านตา ร่างสะบักสะบอมก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสงสีเงินอ่อนๆ พล่านบนผิวหนังเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงจากการชำระ
“เขายังไม่ตายเหรอ?!” เมื่อจงเถิง หานซัน มั่วเฟิงและสีคุนเห็นว่ามู่เฉินฟื้นตัวขึ้น ม่านตาก็หดเกร็ง หากพวกเขาเป็นมู่เฉินแล้วละก็ พวกเขาจะต้องได้รับผลกระทบหนักหน่วงตอนนี้แน่นอน แล้วนี่มู่เฉินฟื้นตัวรวดเร็วขนาดนี้ได้ยังไงกัน?
“ทำไมร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าพวกเราอีก?!” สีคุนรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อ พวกเขาเป็นเทพอสูรที่มีร่างกายที่ทรงพลังตั้งแต่กำเนิด แล้วมนุษย์อย่างมู่เฉินทำไมถึงมีพลังกายเหนือกว่าพวกเขา?
ทว่ามู่เฉินไม่ได้ใส่ใจกับความตกใจของพวกเขา ศีรษะก้มลงมองที่แขน ไม่เพียงแต่ลวดลายมังกรและหงส์ฟ้าจะมีสีสันชัดเจนยิ่งขึ้น ริ้วแสงสีทองก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างตระการตา เกล็ดมังกรชูชันและปีกหงส์ฟ้าเปล่งพลังอันทรงประสิทธิภาพออกมา
ความรู้สึกนั้นราวกับว่าลวดลายกำลังจะมีชีวิตขึ้น
เมื่อรับรู้ถึงพัฒนาการบนลวดลายเทพอสูรทั้งสอง ดวงตาของมู่เฉินก็เบิกกว้างอย่างมีความสุข เขาเลียริมฝีปากก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองเส้นแสง
ในระยะไกลรัศมีแสงสามารถมองเห็นได้เลือนราง ซึ่งน่าจะเป็นทางผ่านเข้าสู่ชั้นสี่
ขณะนี้เบาะสายฟ้าที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวไป ซึ่งไม่มีใครสามารถควบคุมได้ ดังนั้นหากพวกเขาต้องการได้รับการชำระล้างของแก่นสายฟ้ามากขึ้น พวกเขาก็จะต้องทำให้เสร็จก่อนที่เบาะจะส่งถึงจุดหมายปลายทาง
ทั้งสี่คนก็รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ดี ดังนั้นดวงตาของพวกเขาจึงเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเห็นมู่เฉินดูดซับแก่นสายฟ้าอย่างเมามัน ตอนนี้ทุกคนราวกับผีหิวโหยที่มีเครื่องเซ่นวางไว้ตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าพวกเขาโหยหิวจนถึงจุดที่ท้องไปติดกับหลัง แต่พวกเขาก็ต้องกินช้าๆ ในขณะที่มู่เฉินกวาดอาหารเรียบ ไม่ว่าจะวางไว้ตรงหน้าก็จะกินก่อนแล้วถึงพูด
อาหารรสเลิศบนโต๊ะกำลังเดินเข้าไปในท้องของมู่เฉินอย่างรวดเร็ว
ดังนั้นจึงกระตุ้นต่อมพวกเขาอย่างมาก
หลังจากต่อสู้ดิ้นรนในใจ ในที่สุดพวกเขาก็กัดฟัน คลื่นหลิงระเบิดขึ้นเพิ่มความเร็วในการดูดซับ
ส่วนราคาสำหรับการเพิ่มความเร็วนี้เป็นเสียงกรีดร้องคร่ำครวญ…
เมื่อมู่เฉินได้ยินเสียงเหล่านั้น มุมปากก็ยกขึ้นก่อนที่เขาจะหลับตาและกางแขนกว้าง จากนั้นคลื่นหลิงในร่างกายก็เพิ่มขึ้นพร้อมกับแรงดูดระเบิดออกมา ทันใดนั้นเส้นแสงโดยรอบก็ราวกับได้พบกับแม่เหล็ก ส่งเสียงหวีดหวิวพุ่งมายังร่างของมู่เฉินอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพวกเขาเห็นมู่เฉินเพิ่มแรงดูดขึ้นไปอีก ทั้งสี่คนก็ร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด หนังตาถึงกับกระตุก พวกเขาอดไม่ได้ที่จะด่าเสียงต่ำ
“เขาไม่ใช่มนุษย์!”