หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1007 กระบวนท่าของมู่เฉิน

เบื้องหน้าศิลาพลังยุทธ์

มู่เฉินที่ยืนนิ่งเงียบสายตาก็กวาดมองรอยมือนับไม่ถ้วนบนแผ่นศิลา เขาเหมือนจะสัมผัสได้ถึงจอมยุทธ์มากมายที่มายืนอยู่ตรงหน้าสถานที่แห่งนี้เพื่อรวบรวมความแข็งแกร่งของพลังกายแล้วซัดกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดออกไป

ว่ากันว่าในสมัยโบราณเคยมีจอมยุทธ์ที่ทำให้ตะเกียงทองแดงทั้งเก้าดวงส่องสว่าง นี่ทำเอามู่เฉินอึ้งไป แน่นอนว่าเขาก็รู้ว่าผู้ที่จะจุดตะเกียงได้เก้าดวงมีขุมพลังเหนือชั้นกว่าพวกเขาแน่นอน มากจนมีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นแปดหรือขั้นเก้า

ยิ่งเมื่อบวกกับความสามารถในการชำระกายของดินแดนเสินโซ่ในยุคโบราณ ซึ่งทำให้จอมยุทธ์ ณ ที่แห่งนี้ล้วนมีพลังกายแข็งแกร่ง ดังนั้นมู่เฉินไม่สงสัยเลยว่าพวกเขาจุดตะเกียงทั้งเก้าดวงได้

นอกจากนี้หลังจากดินแดนเสินโซ่แตกเป็นเสี่ยง ทำให้จำนวนจอมยุทธ์อัจฉริยะที่สามารถจุดไฟทั้งเก้าดวงในเจดีย์ก็มีลดน้อยลงมาก

คนเหล่านั้นล้วนเป็นตัวประหลาดสุดขั้วในรุ่นนั้นๆ แม้แต่อัจฉริยะของเผ่าอื่นๆ ก็ยังหม่นหมองเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขา

สำหรับการจุดไฟตะเกียงทั้งเก้าดวงนั้น มู่เฉินรู้ดีว่ายากลำบากมากแค่ไหน กระทั่งคนที่ทรงพลังอย่างหานซันก็แทบจะไม่สามารถทำให้ตะเกียงดวงที่เจ็ดส่องสว่างด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดที่มี ซึ่งนี่ยังมีช่องว่างกว้างใหญ่ก่อนจะไปถึงตะเกียงดวงที่เก้า

ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่สามารถประเมินได้ว่าตนเองจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้เขาก็ต้องทุ่มให้สุดแรงเกิด!

เพื่อให้บรรลุขั้นสองของกายามังกรหงส์ได้ในเจดีย์ฝึกพลังกายนี้!

ฮา!

มู่เฉินสงบใจลงแล้วหายใจลึกๆ หมัดเขากำแน่นภายใต้สายตาที่จ้องมองมา

แสงสีทองบางจางเริ่มแผ่ซ่านจากร่างมู่เฉิน แช่ตัวเขาด้วยทองคำ ราวกับว่าเขาถูกสร้างขึ้นมาจากทองคำแท้ เมื่อเวลาผ่านไปก็ยิ่งหนาแน่นขึ้นประหนึ่งว่าเขาเป็นรูปปั้นทองคำโบราณ

การเร้าวิชากายามังกรหงส์ค่อยๆ ดึงความแข็งแกร่งทั้งหมดในร่างกายออกมา ครั้งนี้เขาจะผลักดันวิชานี้ให้ถึงขีดสุดไปเลย!

ไม่ไกลนัก จงเถิง หานซันและมั่วเฟิงก็มองดูมู่เฉิน ก่อนที่ดวงตาจะหรี่ลง นั่นเป็นเพราะพวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหนักแน่นมั่นคงที่มาจากมู่เฉิน

มู่เฉินให้ความรู้สึกราวกับว่าเป็นเหมือนภูเขาสูงตระหง่านที่ยืนค้ำระหว่างสวรรค์และโลก

เมื่อเขาค่อยๆ เร้าวิชากายามังกรหงส์ไปจนถึงขีดสุด ลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบนแขนของมู่เฉินก็บิดตัวไปมา จากนั้นเสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าก็ดังสะท้อนออกมาจากร่างกายของเขา สั่นสะเทือนทั่วสรรพางค์กาย ทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทบทวีคูณ

เสียงคำรามของมังกรและหงส์ฟ้าเร่งเร้ามากขึ้น ร่างกายของมู่เฉินก็สั่นเทิ้มเมื่อเกิดการเดือดพล่าน โดยเฉพาะลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบนแขนของเขาก็เดือดปุดราวกับว่าทำจากเหล็กร้อน

ดวงตาของมู่เฉินเปล่งประกายด้วยแสงสีทองมากขึ้น การหายใจหนักหน่วง นั่นเป็นเพราะพลังงานในร่างกายเขาได้ควบรวมไปถึงระดับที่น่ากลัว แข็งแกร่งกว่าตอนที่เขาทำให้ลู่สุยบาดเจ็บเสียอีก!

แววตาของอีกสามคนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด เมื่อพวกเขาจ้องมองร่างเงาที่กำจายแสงสีทองสว่างอย่างต่อเนื่อง แสงสีทองนั้นไม่ใช่คลื่นหลิง แต่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามู่เฉินเร้ากระแสโลหิตและรัศมีของตัวเขาไปถึงขีดสุด ทว่าที่ทำให้พวกเขาอึ้งไปเพราะความจริงที่ริ้วแสงที่เปล่งจากมู่เฉินแปลกประหลาดอย่างมาก ดูเหมือนจะมีแรงกดดันที่ทำให้พวกเขารู้สึกถูกคุกคามด้วย

“ไม่คิดว่าระดับจื้อจุนขั้นหกจะรวมพลังได้น่าสะพรึงเช่นนี้…” สายตาคมกริบของหานซันจ้องมองไปที่มู่เฉิน แม้ว่าเขาจะไม่ได้ประเมินมู่เฉินต่ำไป แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายจะโดดเด่นเช่นนี้ เขามีลางสังหรณ์ว่ากระบวนท่าของมู่เฉิน อาจเหนือกว่าจงเถิง มั่วเฟิงและอาจรวมถึง…เขาด้วย!

มนุษย์คนนี้ไม่ธรรมดา

ยามนี้มู่เฉินไม่สามารถสัมผัสแววตาเคร่งเครียดของพวกเขาได้แล้ว เมื่อเลือดในร่างกายต้มเดือด เขาก็พบว่าความวุ่นวายภายนอกถูกปิดกั้น ราวกับว่าเขาเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในโลกนี้

สภาวะนี้ทำให้พลังงานในร่างกายของมู่เฉินไปถึงจุดสูงสุด

แสงสีทองมากมายพรั่งพรูออกมาจากดวงตาของมู่เฉิน พลังงานในร่างกายก็มาถึงจุดสูงสุดอย่างสมบูรณ์ มากเกินจนกระทั่งเขารู้สึกเจ็บปวดทั้งกระดูกและเลือดเนื้อ

นี่เป็นการแสดงว่าถึงขีดสุดแล้ว

ในเมื่อมาถึงขีดสุดแล้ว ก็ถึงเวลาออกกระบวนท่าได้!

ใบหน้าของมู่เฉินไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ ราวกับว่าปล่อยว่างเปล่าทุกอย่าง เขากำหมัดขวาแน่น จากนั้นก็เหวี่ยงออกไป

ทันทีที่มู่เฉินเหวี่ยงหมัด ลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงก็บิดตัวทะยานเข้ามาสถิตที่แขนขวาของเขา ก่อนที่แสงสีทองจะกระจายออกมา มังกรทองคำและกรงเล็บหงส์ฟ้าเหยียดออกห่อหุ้มกำปั้นของเขาไว้

โฮก!

จังหวะที่หมัดเหวี่ยงออกไป เสียงคำรามเฉียบคมก็ไม่สามารถปิดกั้นไว้ได้ด้วยร่างกายของมู่เฉิน คลื่นเสียงกระเพื่อมออกไปสะท้อนก้องไปทั่วจัตุรัสโบราณ

เวลานี้ร่างกายของหานซัน มั่วเฟิงและจงเถิงก็แข็งทื่อ พวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันน่าสะพรึงกลัวกระจายออกจากร่างของมู่เฉินอย่างรุนแรง

แรงกดดันนี้ทำให้กระทั่งสายเลือดยังถึงกับสั่นไหว

นี่เป็นการสยบสายเลือด!

การสยบนี้ทำให้ทั้งสามรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เนื่องจากสายเลือดของพวกเขาอยู่ในระดับสูง ซึ่งถือเป็นอันดับต้นๆ ในโลกสัตว์อสูร แต่ตอนนี้สายเลือดของพวกเขากลับถูกระงับโดยพลังที่มาจากมู่เฉินหรือ?

ซึ่งนั่นเป็นไปได้สำหรับสายเลือดของมหาเทพอสูรเท่านั้น!

ขณะที่ทั้งสามคนตกตะลึง หมัดทองคำของมู่เฉินซึ่งผสานไว้ด้วยมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงก็ซัดออกมาแหวกกระแสลม สุดท้ายกระแทกเข้ากับแผ่นศิลาสีดำด้วยคลื่นพลังทองคำ

ตู้ม!

ทันทีที่เกิดการปะทะ ทั้งสามก็รู้สึกได้ว่าจัตุรัสโบราณสั่นไหว มากจนแม้กระทั่งแผ่นศิลาที่มีความทนทานสูงก็สั่นสะเทือนเล็กน้อย

ทั้งสามคนจ้องเขม็งจุดปะทะระหว่างหมัดและแผ่นศิลา จากนั้นม่านตาก็หดตัว

ระลอกคลื่นทองคำกระจายออกจากจุดนั้น กำปั้นของมู่เฉินก็ฉีกขาดเลือดสดพุ่งเป็นสาย เหมือนจะสามารถมองเห็นกระดูกสีขาวได้เลือนราง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหมัดของเขาทรงพลังเพียงใด จนถึงจุดที่แม้แต่พลังกายของเขาก็ไม่สามารถทนรับคลื่นกระแทก ทำให้กำปั้นเกิดการฉีกขาด

ทว่าต่อให้เลือดไหลนองจากกำปั้น กระดูกสีขาวโผล่ออกมาให้เห็น มู่เฉินก็ไม่มีความคิดที่จะถอนหมัดกลับมา ตรงกันข้ามเขากลับคำราม พลังทั้งหมดในร่างกายพุ่งออกจากหมัดรุนแรงทุกหยาดหยด

ระลอกคลื่นทองคำกระเพื่อมบนหมัดมู่เฉิน กวาดไปทั่วพื้นผิวของศิลาพลังยุทธ์

ใต้เท้ามู่เฉิน พื้นหินโบราณก็เกิดรอยแตกขึ้นอย่างเงียบๆ

ฮึ่ม! ฮึ่ม!

ภายใต้ผลกระทบที่น่าสยดสยองทั้งสามคนก็เห็นเปลวไฟลุกโชนบนตะเกียงทองแดงอย่างต่อเนื่อง

ดวงที่หนึ่ง ดวงที่สอง… ดวงอื่นๆ ถูกจุดขึ้นอย่างรวดเร็ว!

อึดใจเดียวตะเกียงทองแดงหกดวงก็สว่างไสว!

เมื่อตะเกียงดวงที่หกลุกโชน ประกายไฟก็รวมตัวกันอย่างรวดเร็วบนดวงที่เจ็ด ก่อนที่จะพวยพุ่งโชติช่วงภายใต้สายตาที่มองมาอย่างตื่นตกใจนับไม่ถ้วน

“ตะเกียงดวงที่เจ็ดสว่างขึ้นแล้ว!” ด้านนอกเจดีย์เสียงอุทานด้วยความอัศจรรย์ใจดังก้อง ทุกคนฉายความไม่เชื่อบนใบหน้า นั่นเป็นเพราะมู่เฉินทำให้ตะเกียงดวงที่เจ็ดสว่างไสวเร็วยิ่งกว่าหานซันเสียอีก!

ใบหน้าของหานซันเปลี่ยนไป จากนั้นก็จ้องเขม็งที่ตะเกียงดวงที่แปด แม้ว่าจะยังดับสนิทดำมืด แต่เขาก็รู้สึกได้คลุมเครือว่าพลังของมู่เฉินยังไม่หมด

ภายใต้สายตาจับจ้องของหานซัน ความมืดในตะเกียงดวงที่แปดคงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่ประกายไฟจะลุกพรึ่บ…

มั่วเฟิงและจงเถิงที่เห็นประกายไฟก็สูดหายใจเข้าลึกสุดปอด พลังของมู่เฉินทำให้เกิดประกายไฟปรากฏในตะเกียงดวงที่แปดได้ด้วย!

นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่หานซันก็ทำไม่ได้!

แหมะ!

เลือดหยดลงมาจากกำปั้นของมู่เฉินอย่างต่อเนื่อง เผยให้กระดูกสีขาวเลือนราง ทว่าเขาก็ยังไม่ขยับเขยื้อน คลื่นสีทองยังคงผันผวนออกมาจากกำปั้นทองคำพุ่งเข้าใส่แผ่นหินสีดำอย่างบ้าคลั่ง

ชี่! ชี่!

ในตะเกียงดวงที่แปดประกายไฟที่อ่อนแอเริ่มแรกก็เพิ่มขึ้น ประกายที่สอง… ประกายที่สาม …

ประกายแสงค่อยๆ ปรากฏขึ้น ท่ามกลางดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นของทั้งสามคน จนสุดท้ายเมื่อประกายแสงรวมจนถึงขีดสุดก็ปะทุเปลวไฟลุกโชนขึ้น

ตะเกียงดวงที่แปดสว่างขึ้นแล้ว!

ใบหน้าของทั้งสามแข็งทื่อไป พวกเขาตะลึงพรึงเพริดเมื่อมองตะเกียงดวงที่แปดซึ่งถูกจุดขึ้น ก่อนที่จะมองไปที่ร่างอ่อนเยาว์ราวกับก้อนหินเบื้องหน้าแผ่นศิลาด้วยความตกใจในใจจนพูดอะไรไม่ออก

ใครจะไปคิดได้ว่ามู่เฉินจะสามารถจุดตะเกียงทองแดงดวงที่แปดได้!

พลังที่มีอยู่ในหมัดนั้นน่ากลัวเพียงใด!

แม้แต่พวกเขาก็คงต้องใช้กำลังทั้งหมดเพื่อเผชิญหน้ากับพลังนั้นใช่ไหม?

ด้านนอกของเจดีย์เงียบกริบ เมื่อตะเกียงทองแดงดวงที่แปดสว่างขึ้น…

ทว่าขณะที่พวกเขาตกตะลึงจนพูดไม่ออก ดวงตามู่เฉินที่มีริ้วสีทองพล่านอยู่ก็ยังจับจ้องไปที่ศิลาพลังยุทธ์ ความเจ็บปวดที่มาจากกำปั้นถูกมองข้าม สมองเขารู้สึกว่างเปล่าหลังจากใช้พลังแบบนี้ออกไป

แต่ไม่รู้ว่าทำไมสัญชาตญาณของเขาบอกว่านี่ยังไม่จบ!

เขารู้สึกเลือนรางว่ายังสามารถควบคุมพลังที่ซัดใส่แผ่นศิลาราวกับว่าเป็นพลังงานลับที่ซ่อนอยู่

ถ้าพลังงานนั้นระเบิดออกก็จะทำให้เกิดพลังทำลายล้างที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

ไม่แน่อาจสามารถทำให้จุดตะเกียงดวงที่เก้าได้ด้วย!

แสงสีทองพวยพุ่งออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง จากนั้นเขาไม่ลังเลอีกต่อไปกดกำปั้นลงบนแผ่นศิลา เสียงแหบพร่าเค้นออกมาจากลำคอ

“ระเบิด!”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset