มู่เฉินและมั่วหลิงพุ่งสายตาไปรวมกันที่ก้อนหินสีดำที่ดูเหมือนไข่
เขาเหลือบมองหญิงสาวที่อยู่ด้านข้างอย่างประหลาดใจ เห็นชัดเขาไม่คิดว่าพวกเขาจะเล็งวัตถุชิ้นนี้พร้อมกัน
หินสีดำที่มีรอยเผาไหม้ดูเป็นสิ่งที่ธรรมดามาก แต่ด้วยประสาทสัมผัสพิเศษ มู่เฉินรู้สึกถึงความผันผวนของความร้อนที่รุนแรงผิดปกติในหินสีดำ
มั่วหลิงเบิกตากว้างด้วยประกายแวววาว จากนั้นก็คว้าแขนเสื้อมู่เฉิน ใช้เสียงที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน “พี่ใหญ่มู่เฉิน มีแก่นเพลิงหงส์ฟ้าในหินสีดำ!”
“แก่นเพลิงหงส์ฟ้า?” หัวใจของมู่เฉินสั่นระรัว ที่เรียกว่าเพลิงหงส์ฟ้าก็คือเปลวไฟเอกลักษณ์ของเผ่าหงส์ฟ้าซึ่งเป็นสิ่งครอบงำมาก แก่นเพลิงหงส์ฟ้าชำระมาจากหงส์ฟ้าเพลิง ถือได้ว่าเป็นสมบัติดี เป็นประโยชน์อย่างมากต่อจอมยุทธ์ที่ฝึกคลื่นหลิงคุณสมบัติเปลวไฟ
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือความจริงที่ตัวเขาทำได้เพียงรู้สึกถึงความผันผวนแปลกประหลาดในหินสีดำเบาบางทว่ามั่วหลิงกลับสามารถระบุวัตถุที่ผนึกไว้ภายในได้แน่นอน
“เจ้ารู้ได้ยังไง?” มู่เฉินอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงถามออกไป
มั่วหลิงกะพริบตากลมโตหัวเราะเสียงพลิ้ว “นั่นเป็นเพราะข้ามีความสามรถพิเศษในการรับรู้โดยกำเนิดที่น่าตกใจ ไม่ว่าจะเป็นผนึกแบบใด ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจพบของข้าไปได้”
หัวใจของมู่เฉินสั่นไหว ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะมีพรสวรรค์โดยกำเนิดแบบนี้ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมนางถึงระบุสมบัติที่ผนึกไว้ในหินสีดำได้
ในแง่ของราคา แก่นเพลิงหงส์ฟ้าชิ้นหนึ่งสูงกว่าของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดเสียอีก ซึ่งถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกคลื่นหลิงเพลิง
มู่เฉินมองมั่วหลิงที่ดวงตาเปล่งประกายวิบวับ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจพลางพูดว่า “เจ้าอยากได้เหรอ?”
มั่วหลิงเหมือนจะมาจากเผ่าหงส์ฟ้า ดังนั้นจึงครอบครองเพลิงหงส์ฟ้าด้วย หากนางได้ดูดซับแก่นเพลิงหงส์ฟ้า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนางมากขนาดไหน
มั่วหลิงพยักหน้าหงึกหงัก แต่ก็พูดด้วยความเขินอาย “แต่ข้าไม่มีของเหลวจื้อจุนจำนวนมากอยู่กับตัว… นอกจากนี้แม้ว่าเราจะรู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทำลายผนึกได้หรือไม่”
ผลสำเร็จสามส่วนต่ำเกินไป หากพวกเขาล้มเหลวก็จะทำให้เงินกลายเป็นอากาศธาตุ
“ไม่ว่ายังไงก็ต้องลองเสี่ยงนะ”
มู่เฉินยิ้ม ตั้งแต่เขาเข้ามาในดินแดนเสินโซ่ก็ได้รับผลประโยชน์มากมาย มั่วเฟิงโชคดีกว่าเนื่องจากได้เข้าสู่เจดีย์ฝึกพลังกายโบราณ ขณะที่จิ่วโยวและมั่วหลิงรออยู่ข้างนอกเป็นวัน
เขากับจิ่วโยวไม่จำเป็นต้องเกรงใจในเรื่องผลประโยชน์แบบนี้มากนัก แต่สำหรับมั่วหลิงแล้วก็รู้สึกว่าตนเองเป็นหนี้บุญคุณนาง ในเมื่อนางพบบางอย่างที่ต้องการ มู่เฉินก็เต็มใจที่จะใช้จ่ายของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดให้
พูดจบมู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเอื้อมมือดูดลูกผลึกแสงที่มีหินสีดำก็หล่นลงในมือ เวลาเดียวกันเขาก็สะบัดแขนเสื้อส่งขวดหยกบินไปหาชายร่างผอมบางใต้ต้นไม้หิน
อีกฝ่ายรับไว้ หลังจากตรวจสอบจำนวนของเหลวจื้อจุนเสร็จเขาก็สะบัดนิ้วตัดเส้นใยคลื่นหลิงที่เชื่อมติดอยู่กับลูกผลึกแสงออก
บนพื้นผิวของหินสีดำหยาบกระด้างมีรอยไหม้อยู่ด้วย นอกจากนี้ยังมีอักขระโบราณปกคลุม ซึ่งเกิดจากผนึก ทำให้ดูลึกซึ้งอย่างยิ่ง
มู่เฉินจับหินสีดำหลับตาลงอย่างช้าๆ คลื่นหลิงสอดแทรกเข้าไปในหินสีดำเพื่อตรวจสอบผนึกโบราณ ผ่านไปพักใหญ่กว่าเขาจะลืมตาขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
ผนึกนี้ประหลาดมาก หากใช้กำลังทำลายก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก่อนที่ผนึกจะถูกทำลายมีความเป็นไปได้สูงที่จะจุดชนวนทำลายตัวเองเพื่อล้างผลาญวัตถุที่อยู่ภายใน
ดังนั้นเขาจะต้องใช้วิธีพิเศษถ้าต้องการที่จะทำลายผนึกโดยไม่ไปสะกิดของภายใน
“วัสดุที่ใช้ผนึกดูเหมือนจะค่อนข้างพิเศษ”
หลังจากตรวจสอบอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็รู้ถึงจุดสำคัญของอักขระบนพื้นผิวของหินสีดำ อักขระเหล่านี้มีสีแดงเข้มและบรรจุด้วยแรงกดดันเป็นพิเศษ
“ผนึกนี้เกิดขึ้นจากเลือดของมหาเทพอสูร… มิน่าล่ะถึงยังคงอยู่แม้จะผ่านไปนับหมื่นปี”
มู่เฉินสังเกตจนถี่ถ้วน สุดท้ายก็ตระหนักได้ว่าแรงกดดันนี้เป็นสิ่งที่มีเพียงมหาเทพอสูรเท่านั้นที่มีได้ แม้ว่าจะอ่อนกำลังลงไปหลายเท่าแล้ว แต่เนื่องจากในร่างเขามีจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง เขาจึงยังคุ้นเคยกับกลิ่นอายของมหาเทพอสูรนี้อยู่
“พี่ใหญ่มู่เฉินเป็นยังไงบ้าง? ทำลายผนึกได้ไหม?”
มั่วหลิงอดไม่ได้ต้องถามเขาอย่างสงสัย ที่ด้านข้างผู้คนจำนวนมากก็มองมาที่มู่เฉิน ชัดว่าต่างต้องการเห็นจะๆ ว่าคนที่ทุ่มทุนซื้อสิ่งนี้ด้วยของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดจะได้อะไรออกมา
มากจนแม้แต่ชายร่างผอมบางก็หันมามองด้วย ที่จริงเขาพอจะสามารถสัมผัสได้คลุมเครือว่าวัตถุที่ขายไปไม่ใช่ของธรรมดา ครั้งหนึ่งเขาเคยทำใจแข็งที่จะเปิดพวกมันทั้งหมดโดยลองเสี่ยงกับโชคชะตาของตนเองดู หากเขาได้พบกับสมบัติที่แท้จริงก็จะคุ้มค่า ทว่าเขาไม่คิดว่าตนเองจะไม่มีดวงขนาดนั้น ผนึกที่เขาเปิดเองทั้งหมดล้วนล้มเหลว
ดังนั้นรอยแผลจึงถูกทิ้งไว้ในหัวใจหลังจากความล้มเหลว ตัวเขาไม่กล้าที่จะเปิดเองอีกต่อไป เขากลัวว่าจะโชคร้ายจนล้มเหลวทุกครั้ง หากเป็นเช่นนั้นความพยายามทั้งหมดก็จะไร้ผล เขาจึงเลือกวิธีขายพวกมันผ่านการเสี่ยงโชค นั่นเพราะเขายังสามารถหารายได้เป็นของเหลวจื้อจุนกลับเข้ามาในกระเป๋าได้บ้าง
ภายใต้สายตาของทุกคน มู่เฉินยังคงนิ่งเงียบอยู่นานก่อนที่จะพูดช้าๆ “ลองดูได้”
หลังจากค่อยๆ ทำความเข้าใจโครงสร้างวัสดุที่ใช้ในการผนึก เขาก็มีวิธีการบางอย่างที่สามารถลองดูได้ แม้ว่าเขาจะไม่มั่นใจเต็มร้อยเกี่ยวกับโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังดีกว่าการทำลายด้วยความป่าเถื่อน
เมื่อคิดได้เช่นนี้ มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไป นิ้วจับหินสีดำสั่นไหวเบาๆ ทันใดนั้นคลื่นหลิงก็รวมกันก่อร่างเป็นสัญลักษณ์หลิงยิ่งรวมตัวเข้าในอากาศ
เมื่อสัญลักษณ์หลิงยิ่งรวมเข้าในอากาศ ค่ายกลก็ถักทอขึ้นที่กลางฝ่ามือของมู่เฉิน โดยมีหินสีดำตั้งอยู่ในใจกลาง
ค่ายกลนี้ไม่ใช่ค่ายกลน่ากลัวอะไร มากจนถึงจุดที่ไม่มีความสามารถในการโจมตีเลย ทว่ากลับมีความสามารถในการเปลี่ยนแปรช่วยให้มู่เฉินเทคลื่นหลิงลงไปในผนึกโดยที่ไม่ต้องสัมผัส เขาคิดจะทำลายผนึกจากด้านใน
ทว่าถึงค่ายกลจะดูเรียบง่าย แต่ก็ต้องมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์นี้ โชคดีที่มู่เฉินเป็นหลิงเจิ้นต้าซือแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างค่ายกลนี้ได้ตามที่ต้องการ
ลวดลายมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบนแขนเต้นเบาๆ จากนั้นแสงสีม่วงทองก็พุ่งออกมา เข้าไปในหินสีดำผ่านทางค่ายกล
ผนึกโบราณนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยเลือดมหาเทพอสูร วิธีการทั่วไปไม่สามารถทำลายได้โดยไม่ไปสะกิดสิ่งที่อยู่ภายในให้เสียหาย สิ่งเดียวที่ทำลายมันได้ก็คือพลังมหาเทพอสูรตัวอื่น
เช่น พลังมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่สถิตในแขนของมู่เฉิน
มีเพียงพลังในระดับเดียวกันเท่านั้นที่สามารถทำลายผนึกได้อย่างสมบูรณ์
แสงสีม่วงทองค่อยๆ รวมเข้ากับหินสีดำสัมผัสอักขระ ก่อนที่แสงสีม่วงทองจะเริ่มกัดกร่อนผนึกอย่างเงียบๆ
การกัดกร่อนนี้ละเอียดมาก เนื่องจากมู่เฉินไม่กล้าประมาท เขากลัวว่าของเหลวจื้อจุนห้าแสนหยดจะสลายเป็นอากาศธาตุหากเขาประมาท
ผู้คนโดยรอบไม่สามารถเข้าใจการกระทำของเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดไปว่ามู่เฉินกำลังฉงนสนเท่ห์ขณะจับก้อนหินสีดำ ทันใดนั้นหลายคนก็เบ้ปากอย่างดูถูกเหยียดหยาม ดูท่าคงเป็นไอ้งั่งอีกคน…
มีเพียงจิ่วโยวและมั่วเฟิงเท่านั้นที่มองไปที่มู่เฉินด้วยความอยากรู้ ด้วยความเข้าใจพื้นนิสัยของมู่เฉิน อีกฝ่ายต้องมีความมั่นใจถึงจะทำ
ชี่! ชี่!
มู่เฉินไม่ใส่ใจต่อสายตาเหล่านั้น ในการรับรู้ของเขา ภายใต้การกัดกร่อนของแสงสีม่วงทอง ในที่สุดรอยแตกก็มีปรากฏขึ้นในผนึก
รอยแตกเพียงแค่นี้ ก็ทำให้เกิดช่องโหว่ในผนึกทันที
“ตอนนี้แหละ!”
เมื่อช่องโหว่ปรากฏขึ้น มู่เฉินก็หดดวงตาลงและไม่ลังเลอีกต่อไป คลื่นหลิงที่เทลงไปในก้อนหินสีดำก็ระเบิด ทำลายผนึกจากด้านในอย่างรวดเร็วและบดขยี้ลงอย่างแรง
ฮึ่ม!
แสงระเบิดออกจากหินสีดำในมือของมู่เฉิน หินแตกเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ก็เบ้ปาก ดูเหมือนว่าคนโง่คนนี้ล้มเหลวแล้ว
ชายร่างผอมบางก็ส่ายหัวขณะเดียวกันก็ดีใจไปด้วย ดูเหมือนว่าเขาทำให้คนอื่นโชคร้ายอีกแล้ว…
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
ทว่าขณะที่พวกเขาส่ายหัวและดึงสายตากลับ เปลวไฟสีแดงก็พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากฝ่ามือของมู่เฉิน อุณหภูมิสูงขึ้นจนน่ากลัว ทำเอามิติถึงกับบิดเบี้ยว
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันทำให้ทุกคนอึ้งไป จากนั้นสายตาของพวกเขาก็หันมาจดจ่อที่ฝ่ามือของมู่เฉิน พลางหายใจเข้าลึก
นั่นเป็นเพราะพวกเขาเห็นในฝ่ามือมู่เฉินหินสีดำหายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยผลึกอัญมณีสีแดงขนาดเท่าฝ่ามือที่ดูเหมือนมีลาวาไหลเอื่อยอยู่ภายใน
นอกจากนี้ลาวายังก่อตัวเป็นรูปหงส์ฟ้าเพลิงอีกด้วย!
เมื่อมองไปที่หงส์ฟ้าที่ก่อตัวจากลาวา คนที่รู้จักของชิ้นนี้ที่นี่ก็หดดวงตาลงทันที ความโลภหนาแน่นพล่านในแววตา เสียงอุทานด้วยความตะลึงใจดังก้อง
“นั่นมันแก่นเพลิงหงส์ฟ้า!”
ใต้ต้นไม้หินชายร่างผอมบางอ้าปากเหวอ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นตลกอย่างยิ่ง
เมื่อมองไปที่แก่นเพลิงหงส์ฟ้าแม้แต่มู่เฉินก็อดสูดหายใจไม่ได้ ก่อนหน้าตอนที่เขาทำลายผนึกแม้ว่าจะไม่เกิดความปั่นป่วนขนาดใหญ่ แต่เขาก็จำเป็นต้องควบคุมพลังงานให้ดี
“ไม่ได้ทำให้ผิดหวังนะ”
มู่เฉินยิ้มบาง ยื่นแก่นเพลิงหงส์ฟ้าในมือให้มั่วหลิงที่เบิกตากว้างด้วยแสงแวววาว
“ขอบคุณพี่ใหญ่มู่เฉิน!”
มั่วหลิงดีใจมาก จากนั้นก็รับแก่นเพลิงหงส์ฟ้ามาอย่างระมัดระวัง
แต่ขณะที่มือมั่วหลิงกำลังยื่นไปจะรับแก่นเพลิงหงส์ฟ้า ทันใดนั้นแส้ก็จู่โจมเข้ามาห่อหุ้มแก่นเพลิงเอาไว้ เวลาเดียวกันแสงสายหนึ่งก็พุ่งเข้าหามู่เฉิน เสียงหญิงสาวเย็นชาดังก้องขึ้น
“ของเหลวจื้อจุนหกแสนหยดสำหรับแก่นเพลิงหงส์ฟ้านี้”