หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1054 ส่วนในสุสาน

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตกวาดออกจากถ้ำราวกับคลื่นยักษ์

ขณะที่ร่างสูงโปร่งค่อยๆ ก้าวย่างออกมาภายใต้สายตาจดจ่อของจิ่วโยว หานซันและคนอื่น

เมื่อพวกเขาเห็นเงาร่างนั่นก็อดไม่ได้ที่จะหดเกร็งดวงตา เพราะยามนี้พวกเขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ทรงพลังจากอีกฝ่าย

แรงกดดันทำให้พวกเขาต้องทอดถอนหายใจ ในความจริงพวกเขาก็เป็นจอม์ยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดมานานมาก ทว่าแรงกดดันที่มู่เฉินผู้ซึ่งเพิ่งบุกเข้าสู่ขั้นเดียวกันกลับก้าวข้ามพวกเขาไปไกล

แต่พวกเขาก็เศร้าเสียใจเพียงชั่วครู่ เพราะสำหรับสัตว์ประหลาดที่สามารถเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดได้ตั้งแต่เขาอยู่ในขั้นหก พวกเขาก็ไม่แปลกใจที่เขามีพลังการต่อสู้ไม่ธรรมดา

ขณะที่ทุกคนกำลังรำพึงรำพัน มู่เฉินก็ยืนอยู่นอกถ้ำ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตรอบตัวค่อยๆ ย้อนกลับเข้าไปก่อนจะถูกเก็บไว้ในร่างกาย เขาค่อยๆ กำหมัดรู้สึกถึงพลังงานที่ไร้ขอบเขตที่ไหลเวียนทั่วเส้นสายพร้อมกับรอยยิ้มพึงพอใจปรากฏที่มุมปาก

เขาค้นพบว่าคลื่นหลิงในร่างกายมีพลังมากกว่าก่อนหน้าหลายเท่า ความหนาแน่นก็เกินกว่าที่เคยเป็นมามาก

ตามการประเมินหากเขาต้องต่อสู้กับอสูรวิญญาณขั้นแปดอีกครั้ง เขาก็ไม่ต้องลำบากในการสร้างค่ายกลมากมาย ด้วยพลังในปัจจุบันการฆ่าอสูรวิญญาณขั้นนั้นไม่ยากเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

ด้วยขุมพลังหลิงระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดบวกกับความแข็งแกร่งของพลังกาย พลังโดยรวมของเขาเกินกว่าจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดทั่วไป

มากจนกระทั่งเขาสามารถเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นแปดได้เลยทีเดียว

นอกจากนี้การเก็บเกี่ยวความก้าวหน้าของเขาไม่ได้มีเพียงแค่นี้…

มู่เฉินหรี่ตาลง มิติผันแปรที่เบื้องหลัง จุดจื้อจุนไห่ของเขาปรากฏขึ้นอย่างคลุมเครือพร้อมกับคลื่นซัดสาดและพลังงานหลิงพลุ่งพล่านเชี่ยวกราก มีแท่นสีขาวลอยเงียบสงบอยู่ที่เบื้องล่างทะเลพลังปลดปล่อยพลังชีวิตไร้ขอบเขตออกมา ทำให้คลื่นหลิงในจุดจื้อจุนไห่ควบแน่นและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น

ตอนนี้มู่เฉินยังไม่สามารถชำระเม็ดบัวมรกตเก้าโคจรได้ ดังนั้นเขาจึงวางเม็ดบัวลงไปในจุดจื้อจุนไห่และปราบปรามเอาไว้

ด้วยวิธีนี้พลังชีวิตของเม็ดบัวขาวจะสามารถหล่อเลี้ยงคลื่นหลิงในจุดจื้อจุนไห่ของเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้าและพยายามที่ปลดห่วงตรวนเพื่อเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุน เม็ดบัวขาวนี้ก็จะช่วยเขาให้บรรลุเป้าหมาย

ยิ่งไปกว่านั้นมู่เฉินก็สัมผัสได้ว่าวันเวลาที่ว่าไม่ได้ไกลจากนี้แล้ว เนื่องจากตอนนี้เขาอยู่ในขั้นเจ็ดแล้ว อีกเพียงสองขั้นก็จะไปถึงระดับจื้อจุนขั้นเก้า

ความคิดของมู่เฉินวูบไหวก่อนที่จะถูกระงับ ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือเข้าไปส่วนในของสุสานสักการะเทพ ช่วยจิ่วโยวให้ได้รับแก่นมรดกโลหิตวิหคอมตะโบราณ

จุดจื้อจุนไห่ที่ด้านหลังจางหายไปอย่างรวดเร็ว ด้วยการเคลื่อนไหวเขาก็มาปรากฏตัวต่อหน้าพรรคพวกด้วยรอยยิ้มสดใส “ไปกันเถอะ เราควรไปยังส่วนในแล้ว”

จิ่วโยวและคนอื่นๆ จ้องมองมู่เฉินก็สัมผัสได้ถึงความมั่นใจในตนเองของเขา แม้ว่าเขาจะสูญเสียหัวใจพาฬกินสายฟ้าที่เป็นไพ่ตายไป แต่การเชื่อมั่นที่ยิ่งใหญ่ในตอนนี้เกิดจากพลังของตัวเขาเอง

เมื่อบรรลุขุมพลังได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวที่จะปะทะกับไป๋หมิงอีกต่อไป

เมื่อเห็นมู่เฉินมีความมั่นใจเช่นนี้ แม้แต่จิ่วโยวและคนอื่นๆ ก็รู้สึกมั่นใจตามขึ้นมา แต่ละคนพยักหน้า หลังจากนั้นก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไป กลายเป็นร่างแสงทะยานออกไป

ในการเดินทางต่อไป มู่เฉินไม่ได้หยุดพักอีก ด้วยความสามารถในการรับรู้ของเนตรดับชีวิต ทำให้พวกเขาหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีฝูงอสูรวิญญาณขนาดใหญ่ไปได้อย่างง่ายดาย มุ่งหน้าไปยังส่วนในโดยไม่มีการขัดขวางใดๆ

พวกเขาเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด ครึ่งวันก็รู้สึกว่าทิวทัศน์โดยรอบเริ่มเปลี่ยนไป มิติเบื้องล่างเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดงเข้ม สีเข้มข้นนี้ทำให้หัวใจผู้คนเต้นรัว มีรัศมีลางร้ายถูกปล่อยออกมาเลือนราง ทำให้คลื่นหลิงในร่างกายพลุ่งพล่านไม่หยุด

ความเร็วในการเดินทางของกลุ่มมู่เฉินเริ่มช้าลง พวกเขามองไประยะไกล ก็เห็นฟ้าดินบริเวณนั้นเหมือนมีม่านแสงสีทองเข้มปกคลุมลงมา แบ่งฟ้าดินออกเป็นส่วนนอกและส่วนใน

“เราจะเข้าสู่สุสานสักการะเทพหลังจากผ่านม่านแสงนี้” มู่เฉินจ้องมองม่านแสงมหึมาด้วยท่าทางเคร่งเครียด เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่ไม่อาจบรรยายได้มาจากม่านแสงขวางกั้น นี่จะต้องเป็นค่ายกล นอกจากนี้พลังของค่ายกลนี้ก็มีเพียงหลิงเจิ้นต้าซือตัวจริงที่สามารถจัดตั้งขึ้นได้

คนอื่นๆ พยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึมและระมัดระวัง

“ไป”

มู่เฉินทะยานนำออกไปเข้าใกล้ม่านแสง เห็นสัญลักษณ์ลึกล้ำนับไม่ถ้วนไหลเวียนอยู่บนม่านแสง ทุกสัญลักษณ์เปล่งพลังน่าสะพรึงกลัวออกมา

การกีดขวางที่เกิดขึ้นจากม่านแสงเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นยังไม่สามารถบุกทะลวงได้ ไม่ต้องพูดถึงกลุ่มมู่เฉินเลย

ดังนั้นมู่เฉินจึงครุ่นคิดสั้นๆ ก่อนจะกำมือ หัวใจอสูรวิญญาณขั้นแปดปรากฏขึ้น จากนั้นเขาก็โยนออกไป ค่อยๆ เข้าใกล้ปราการม่านแสง

สัญลักษณ์โบราณไหลเวียน เส้นใยรัศมีก็พล่านลงมาปกคลุมหัวใจอสูรวิญญาณขั้นแปด ภายใต้แสงสว่าง หัวใจสีดำก็กำจายไอหมอกสีดำออกมาซึ่งเป็นรัศมีความตายอันทรงพลัง แต่เมื่อรัศมีความตายเข้าไปสัมผัสกับรัศมีกระจ่างก็ระเหยหายไปหมด

ดังนั้นหัวใจที่เต็มไปด้วยรัศมีความตายจึงกลายเป็นหัวใจธรรมดาในเวลาไม่กี่อึดใจ รัศมีความตายในนั้นถูกลบล้างอย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้หัวใจอสูรวิญญาณยังคงมีร่องรอยของพลังชีวิตและชีพจรเบาบาง

มู่เฉินอึ้งไปเมื่อเห็นภาพนี้ ไม่คิดว่าค่ายกลจะทรงพลังปานนี้ ไม่เพียงแต่ชำระรัศมีความตายได้ แต่ยังสามารถมอบพลังให้หัวใจที่ตายไปแล้วนับหมื่นปีให้มีร่องรอยแห่งชีวิตชีวา

แต่…มู่เฉินรู้ว่าถึงกระนั้นหัวใจดวงนี้ก็ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีก…

หัวใจที่ถูกชำระจนสะอาดค่อยๆ เคลื่อนไปทางปราการช้าๆ ก่อนที่จะหลอมรวมเข้าไป ราวกับว่ากลายเป็นแสงรวมอยู่ในค่ายกลขนาดใหญ่

เมื่อหัวใจรวมกับม่านแสง รอยแตกเล็กๆ ก็ค่อยๆ เปิดขึ้นมาตรงหน้าพวกเขา

มู่เฉินมองรอยแตกแล้วสูดหายใจเข้าลึก เขาหันไปแลกเปลี่ยนสายตากับจิ่วโยวและคนอื่นๆ ก่อนที่จะพยักหน้าก้าวนำเข้าไป

ด้านหลังพรรคพวกก็ก้าวตามเข้ามา

หลังจากก้าวเข้าไปในรอยแตก ภาพแรกที่เข้ามากระแทกในดวงตาของทุกคนก็คือดินแดนสีแดงเข้ม แผ่กระจายไปไกลไม่มีที่สิ้นสุดราวกับมหาสมุทรโลหิตสีแดงก่ำ

มีรัศมีแปลกประหลาดในดินแดนสีแดงเข้ม สีเหล่านั้นไม่ได้มาจากธรรมชาติ แต่เป็นเลือดบริสุทธิ์ที่แท้จริง ซึ่งเลือดนี้ต้องทรงพลังมาก มิฉะนั้นไม่มีทางชัดเจนปานนี้แม้ว่าจะผ่านไปหมื่นปีก็ตาม จ้องมองชั่วครู่ก็ทำให้มู่เฉินและพรรคพวกรู้สึกถึงความเย็นเยือกในร่างกาย

ดินแดนนี้ประหนึ่งปีศาจ

กลุ่มมู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้า ไม่กล้าลงไปยังดินแดนแห่งนี้ พวกเขายืนอยู่กลางอากาศพลางมองไปบนท้องฟ้าก็พบว่าท้องฟ้าที่นี่แตกต่างจากโลกภายนอก

นั่นเป็นเพราะท้องฟ้าเต็มไปด้วยรัศมีทรงพลังที่ก่อกำเนิดจากสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลัง แม้ว่าพวกเขาจะตายไปแล้ว ปณิธานของพวกเขาก็ยังคงอยู่ราวกับว่ากำลังระงับบางสิ่ง

ผืนฟ้าและผืนดินมองดูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

และกลุ่มของมู่เฉินก็ดูตัวเล็กมาก ยามนี้ราวกับว่าพวกเขาเป็นมดอยู่ในฝ่ามือของยักษ์สองตัว

“การต่อสู้ที่นี่คงรุนแรงที่สุดในดินแดนเสินโซ่” มู่เฉินถอนหายใจ แม้ผ่านมาหมื่นปี ภาพที่ปรากฏก็ยังโหดเหี้ยม ยากที่จะจินตนาการว่าสงครามแบบไหนที่เกิดขึ้นที่นี่

เผ่าปีศาจต่างมิติมาพร้อมกับคลื่นความโหดร้าย จอมยุทธ์ที่ปกป้องดินแดนเสินโซ่ใช้ทุกอย่างที่มี เพื่อปะทะกับเผ่าต่างมิติที่น่ากลัว

แค่คิดเกี่ยวกับการสงครามครั้งนั้นอย่างเดียวก็ทำให้พวกเขาหวั่นไหว

ใบหน้าของจิ่วโยวและคนที่เหลือเคร่งขรึมลงด้วยความตื่นระวัง ในดินแดนแห่งนี้อันตรายเล็กน้อยก็สามารถฝังกลบพวกเขาทั้งเป็นได้

“ไปกันเถอะ พยายามอย่าลงไปบนพื้นดิน” มู่เฉินมองไปที่ระยะไกลแล้วโบกมือ ในเมื่อพวกเขาเข้ามาส่วนในแล้วก็ไม่ควรยอมแพ้ง่ายๆ

จบคำพูดเขาก็ทะยานออกไป แต่คราวนี้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้นขณะที่เดินทาง ไม่กล้าที่จะตะลุยไปข้างหน้าแบบเช่นเคย นอกจากนี้เขายังไม่กล้าที่จะใช้เนตรดับชีวิต เพราะถ้าเขาพบวัตถุโบราณจนถูกโต้กลับ จะเป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถทนได้

โชคดีที่ส่วนในไม่ใหญ่เท่าที่คิด หลังจากเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงมู่เฉินก็ชะลอความเร็วลง นั่นเป็นเพราะมีบางสิ่งปรากฏในดินแดนที่ย้อมด้วยสีเลือดนี้

นั่นคือแท่นบูชาโบราณมหึมาที่มีขนาดหนึ่งหมื่นจั้งยืนตระหง่านบนพื้นราวกับว่าเชื่อมโยงสวรรค์และโลก

โซ่หินนับไม่ถ้วนแผ่ออกมาจากแท่นบูชา โซ่เหล่านั้นเชื่อมต่อกับผืนดินราวกับว่ากำลังพันธนาการบางอย่าง

มู่เฉินมองดูแท่นบูชาก็เกิดความคาดเดาในใจ สิ่งที่พวกเขาต้องการในครั้งนี้น่าจะอยู่ที่นี่แหละ

ขณะที่ความคิดนี้วาบวับ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีสายตาผสมการเยาะเย้ยสาดมาจากอีกทิศทางหนึ่งของแท่นบูชา

มู่เฉินเบนสายตาไป ตามคาดก็เห็นไป๋หมิงที่ถือพัดขนนกสีฟ้าน้ำแข็งและสมาชิกเผ่าหงส์ฟ้าคนอื่นๆ

ไป๋หมิงโบกพัด ฉายรอยยิ้มเยาะเย้ยให้มู่เฉินจากระยะไกล

“ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าปรากฏตัวที่นี่จริงๆ ข้าควรจะพูดว่าเจ้ากล้าหาญหรือโง่สุดๆ ดี?”

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset