หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1073 พัฒนาพลัง

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1073 พัฒนาพลัง

ขณะที่ข่าววังสวรรค์บรรพกาลปรากฏ

แล้วค่อยๆ แพร่กระจายออกไปในทวีปเทียนหลัว ลุกลามไปอย่างรวดเร็วในมหาพันภพ ส่วนในมิติที่แยกตัวออกมาเวลายังคงไหลผ่านไปอย่างเชื่องช้า

ในดินแดนที่ไม่มีดวงอาทิตย์ขึ้นลง กาลเวลาเป็นสิ่งที่ถูกหลงลืม

บนมหาสมุทรสีแดงเข้ม ร่างหนึ่งนั่งอยู่บนเกาะหินเงียบๆ ตอนนั้นเองเสียงร้องคมชัดก็ดังก้องขึ้น จากนั้นเปลวเพลิงก็ครอบงำไปทั่วเกาะหิน ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจครอบคลุมไปทั่วทั้งเกาะนี้แล้ว

สีของเปลวเพลิงนั้นเบาบางแต่กลับอัดแน่นด้วยพลังครอบงำ ขณะที่เพลิงพวยพุ่งแม้แต่มหาสมุทรรอบๆ ก็พลุ่งพล่านไปหมด มากจนแม้แต่มิติยังบิดเบือน

คลื่นหลิงไร้ขอบเขตในบริเวณนี้ดูเหมือนว่ากำลังจะถูกเผาผลาญ

สิ่งที่ทำให้ตกตะลึงที่สุดคือพลังชีวิตไร้ขอบเขตที่บรรจุอยู่ในเปลวไฟ เปลวไฟดูเหมือนจะครอบงำและทำลายล้าง แต่ในส่วนลึกก็มีพลังภายในทำให้ลึกลับอย่างยิ่ง

เปลวไฟน่าพิศวงนี้ก็คือเพลิงอมตะที่เป็นเอกลักษณ์ของวิหคอมตะนั่นเอง!

แต่เพลิงอมตะนี้ไม่ได้เป็นของราชินีวิหคอมตะ เมื่อสายตามองไปก็จะเห็นร่างเงาเพรียวบางที่นั่งอยู่บนเกาะซึ่งเป็นจุดกำเนิดของเปลวไฟ

ร่างนั้นก็คือจิ่วโยว ตอนนี้นางได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ผมของนางยาวมากขึ้นและเส้นผมทุกเส้นก็แล่นพล่านด้วยริ้วไฟกระพือขึ้นลงอยู่ด้านหลังคล้ายกับหางของเปลวไฟอันงดงาม

นอกจากนี้เส้นผมทุกเส้นยังบรรจุด้วยพลังแข็งแกร่ง ด้วยความคิดเดียวนางก็สามารถที่จะฟาดออกมาราวกับแส้เพลิง ซึ่งสามารถทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเจ็ดระยะปลายสุดมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเมื่อต่อกรกับเพลิงนี้

เห็นได้ชัดว่าการฝึกฝนครั้งนี้ ทำให้จิ่วโยวเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

นางนั่งอยู่เงียบๆ ทันใดนั้นดวงตาที่ถูกปิดมาเกือบครึ่งปีก็เปิดอย่างช้าๆ

ฟู่! ฟู่!

จังหวะที่ดวงตาเปิดขึ้นทั่วบริเวณก็ราวกับกำลังลุกโชติช่วง ทำให้เกิดช่องว่างบิดเบือนจากความร้อนในเส้นทางที่นางกวาดมอง ห้วงมิติถึงกับแตกสลาย

มีลวดลายเปลวเพลิงแปลกประหลาดปรากฏอยู่ตรงหว่างคิ้วนาง ลวดลายค่อยๆ เปลี่ยนเป็นประกายไฟ ทำให้เปลวไฟบนร่างของนางแข็งแรงขึ้นในเวลาเดียวกัน

ฮา

ลมหายใจสีขาวขุ่นพรูออกมาจากริมฝีปากของจิ่วโยว หมอกนั้นก่อตัวเป็นเปลวไฟในทันที ทำให้ต้นไม้เล็กๆ เบื้องหน้านางกลายเป็นเถ้าถ่าน

แต่หลังจากเผาต้นไม้เล็กๆ เป็นเถ้าถ่านแล้ว เปลวไฟสีขาวก็ไม่หายไปยังคงเผาไหม้ต่อไปด้วยพลังงานแปลกประหลาดที่ถูกปล่อยออกมาจากพวกมัน

สีเขียวมรกตอ่อนงอกขึ้นมาจากเถ้าถ่านของต้นไม้ เมื่อปรากฏออกมาจากเถ้าถ่านก็เปล่งชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง

จิ่วโยวมองดูต้นอ่อนในกองขี้เถ้าพร้อมกับความเบิกบานใจพล่านในดวงตา

“ไม่เลว เจ้าสามารถเข้าใจแก่นของเพลิงอมตะได้ ทำให้ตายกลายเป็นมีชีวิต ในอนาคตไม่ว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บใดๆ ตราบใดที่เพลิงอมตะยังไหลวนในสายเลือด เจ้าก็จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว” ที่ด้านหลังจิ่วโยว เสียงหัวเราะใสก็ดังผะแผ่ว เพียงแต่ฟังเหมือนทรุดโทรมและเหนื่อยล้าเต็มกำลัง

จิ่วโยวหันกลับมาอย่างรวดเร็วก็เห็นเงาสลัวรางของราชินีวิหคอมตะ ซึ่งกำลังจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ ความอ่อนล้ากระจายบนใบหน้างดงาม แต่กลับดูปลื้มปริ่มเมื่อมองไปที่จิ่วโยว

เมื่อจิ่วโยวเห็นสภาพนี้ก็รู้ว่าราชินีวิหคอมตะกำลังถึงขีดจำกัดแล้ว ในช่วงเวลาที่นางอยู่ในการเพาะบ่มที่เงียบสงบ ราชันปักษาวิญญาณและราชันอสูรไร้พิรุณก็หมดสิ้นพลังอย่างสมบูรณ์ตั้งแต่ครึ่งปีก่อน เหลือเพียงราชินีวิหคอมตะเท่านั้นที่ยังคงอยู่จนถึงตอนนี้ โดยอาศัยความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ของเพลิงอมตะ

จิ่วโยวมองไปที่ราชินีวิหคอมตะก็รู้สึกเปรี้ยวขึ้นในจมูก ทันใดนั้นนางก็คุกเข่าลงกับพื้น ก้มคารวะด้วยความเคารพสูงสุด

ถ้าไม่ใช่คำแนะนำของราชินีวิหคอมตะ นางไม่มีทางชำระแก่นมรดกโลหิตวิหคอมตะได้อย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้และไม่สามารถพัฒนาเพลิงอมตะของนางได้ถึงขั้นนี้แน่นอน

เมื่อเห็นจิ่วโยวคำนับให้ ราชินีวิหคอมตะก็มองไปด้วยความพึงพอใจอย่างที่สุด ในสายตาของนางพรสวรรค์ของจิ่วโยวโดดเด่นเป็นพิเศษ หากไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นในอนาคตก็มีโอกาสที่จะพัฒนาเป็นวิหคอมตะแท้จริง ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากระดับหนึ่ง นางมองจิ่วโยวในฐานะผู้สืบทอด

“จากนี้เจ้าจะต้องพึ่งพาตัวเองกับเส้นทางในอนาคต นอกจากนี้เผ่าวิหคอมตะก็มีสมาชิกจำนวนน้อยตั้งแต่ต้น ดังนั้นแม้จะถูกจัดสรรเป็นส่วนหนึ่งของเผ่าหงส์ฟ้า แต่จักรพรรดิของเผ่าหงส์ฟ้าก็มีเพียงหงส์ฟ้าแท้จริง พวกเขาค่อนข้างหวาดกลัวและหวาดระแวงพวกเรา” ราชินีวิหคอมตะพูดด้วยเสียงอ่อนระโหย

ในเผ่าหงส์ฟ้า เฉพาะหงส์ฟ้าแท้จริงเท่านั้นที่อยู่เหนือผู้ใด ส่วนวิหคอมตะแยกออกมาโดดเดี่ยว ดังนั้นแม้ว่าเผ่าหงส์ฟ้าจะให้ความเคารพนับถือกับเผ่าวิหคอมตะ แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่พวกเขาจะตั้งระวังภัยไว้สูง

จิ่วโยวพยักหน้า นางถือกำเนิดจากเผ่าวิหคโลกันตร์ ต่อให้นางจะสามารถพัฒนาเป็นวิหคอมตะได้ในอนาคต นางก็จะอยู่ต่อในเผ่าวิหคโลกันตร์ นางไม่สนใจที่จะไปแย่งชิงอำนาจในเผ่าหงส์ฟ้า

เพลิงอมตะไร้ขอบเขตรอบตัวจิ่วโยวเริ่มถอยกลับเข้าไปสถิตในร่างกาย เมื่อเกลียวเพลิงหายไปผมของนางก็กลับมาเป็นดังเดิม ยกเว้นอย่างเดียวก็คือดวงตาที่เปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม

จิ่วโยวลดศีรษะลง ค่อยๆ กำหมัดสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงที่ไม่มีที่สิ้นสุดในร่างกาย รอยยิ้มถูกยกขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้บนใบหน้า

นับจากเวลา นางอยู่ในมิตินี้ไปแล้วสองปีเต็ม แต่โลกภายนอกผ่านไปแค่ครึ่งปี

สองปีนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อจิ่วโยว ไม่เพียงแต่นางจะสามารถชำระสายเลือดสมบูรณ์แบบ แต่ยังพัฒนาขุมพลังผ่านทางแก่นมรดกโลหิตวิหคอมตะ ทำให้พลังของนางพุ่งจากระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดเป็นขั้นเก้าแล้ว!

สองปีพัฒนาไปสองขุมพลัง!

ตอนนี้จิ่วโยวเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าอย่างแท้จริงแล้ว!

นี่ถ้านางกลับไปที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์ นางจะต้องได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นจอมพลคนที่สี่ด้วยขุมพลังในปัจจุบันทันที!

หากคนอื่นรู้เกี่ยวกับพัฒนาการของนาง ดวงตาของพวกเขาคงแทบถลนออกมานอกเบ้า นั่นเป็นเพราะโดยทั่วไปแค่ระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดบรรลุขั้นแปด ก็ต้องใช้เวลาหลายปีในการเพาะบ่มอย่างขมขื่นรวมถึงทรัพยากรจำนวนมากและโชคชะตาที่จะบรรลุเป้าหมายนั้นด้วย

แน่นอนว่าพัฒนาการของจิ่วโยวเป็นสิ่งที่ถือได้ว่าโชคหล่นทับโดยไม่ต้องขวนขวย ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะแก่นมรดกโลหิตวิหคอมตะโบราณ การเพาะบ่มพลังในมิติพิเศษและจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนเป็นผู้ชี้แนะ…ขาดหนึ่งในสามเงื่อนไขนี้ไปก็คงเป็นเรื่องยากที่นางจะได้รับความก้าวหน้าถึงขนาดนี้

“ด้วยพลังในปัจจุบัน ข้าคงไม่ไร้ประโยชน์เหมือนเมื่อก่อนแล้วใช่ไหม?” จิ่วโยวคลี่ยิ้มบนริมฝีปากพลางมองออกไปในระยะไกล เมื่อก่อนนางสามารถสัมผัสได้ถึงพลังของมู่เฉินที่พุ่งทะยาน ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เขาเพิ่งเข้าร่วมกับอาณาเขตกงเวทสวรรค์ นางยังให้ความช่วยเหลือแก่น้องชายคนนี้ได้บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปพลังของเขาก็ก้าวล้ำผ่านนางไป

ตั้งแต่นั้นมาจิ่วโยวก็พบว่านางไม่สามารถช่วยเหลือมู่เฉินได้อีก มากจนนางต้องพึ่งพาเขาในการเดินทางมาที่ดินแดนเสินโซ่ นางเป็นเพียงผู้ชมตลอดการเดินทาง

สถานการณ์แบบนี้ทำให้จิ่วโยวอึดอัดใจมาก ตัวนางเคยดูแลมู่เฉินมาตลอด แต่เมื่อไร้ประโยชน์ก็ทำให้นางรู้สึกไม่คุ้นชิน

ดังนั้นนางจึงรู้สึกโล่งใจมากเมื่อรับรู้ได้ถึงความก้าวหน้าที่มี

นางรู้ว่าเหตุผลที่มู่เฉินมาที่ทวีปเทียนหลัวก็เพราะวังสวรรค์บรรพกาล เพื่อที่เขาจะได้รับทักษะวิวัฒนาการสำหรับร่างเทพสุริยะ ทุกสิ่งที่เขาทำมาจนถึงตอนนี้ก็คือการเตรียมการสำหรับเรื่องนี้

หลังจากจัดการเรื่องราวที่เผ่าวิหคโลกันตร์เรียบร้อยแล้ว ชัดว่ามู่เฉินจะเตรียมการเรื่องวังสวรรค์บรรพกาลอย่างเต็มที่ ด้วยพัฒนาการพลังที่เกิดขึ้นนางจะสามารถช่วยเหลือมู่เฉินได้อย่างแน่นอน

“แต่พูดถึงมู่เฉิน…เหมือนเขาจะไม่ได้เผยตัวนานแล้วนะ”

จิ่วโยวเบนสายตาไปยังมหาสมุทรกว้างใหญ่ ไม่มีใครที่นั่นเลย ร่างมู่เฉินเหมือนจะจมลงไปใต้น้ำตั้งแต่หนึ่งปีก่อน เนื่องจากคลื่นหลิงบริเวณนั้นหนาแน่นและทรงพลังยิ่งกว่า

หืม?

ขณะที่ความคิดวูบไหวในใจนาง มหาสมุทรที่ไกลออกไปก็ยกตัวขึ้นด้วยคลื่นเชี่ยวกราก ลอนคลื่นสูงหมื่นจั้งกวาดออกมาจากก้นมหาสมุทร ภาพเงาสูงโปร่งนั่งอยู่บนคลื่นอย่างเงียบๆ

“เอ๊ะ?”

จิ่วโยวมองร่างที่ปรากฏบนคลื่น ก็อดไม่ได้ที่จะร้องอุทานอย่างตกใจ นั่นเป็นเพราะนางรู้สึกได้ว่าความผันผวนของคลื่นหลิงรอบตัวมู่เฉินไม่ได้เติบโตขึ้นมาก เขายังดูอยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดเหมือนเดิม

เขาไม่พัฒนาในช่วงสองปีที่ฝึกฝนเลยเหรอ?

ใบหน้าจิ่วโยวฉายความตื่นตะลึง ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ที่มีพรสวรรค์ต่ำเตี้ยก็คงต้องมีการพัฒนามั้งนะ? ไม่ต้องพูดถึงพรสวรรค์ของมู่เฉินที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วเลย

“เจ้าหนูนั่นฉลาด…”

ขณะที่จิ่วโยวกำลังงุนงง ราชินีวิหคอมตะก็แย้มยิ้มขณะที่พูด “นี่เป็นการสะสมและรอการระเบิดออกมา”

จิ่วโยวเป็นคนหลักแหลมจึงเข้าใจความหมายทันทีและถามว่า “เขาตั้งใจระงับไว้เหรอ?”

ราชินีวิหคอมตะพยักหน้าเบาๆ “ยิ่งเขาระงับตัวเองมากเท่าไร ก็จะระเบิดพลังมากขึ้นเท่านั้น แต่เขาถึงขีดจำกัดในการระงับแล้ว ตอนนี้เรามาดูว่าเขาจะระเบิดออกไปได้ไกลแค่ไหน”

ตามการประเมินในตอนแรกของนาง มู่เฉินน่าจะสามารถไปถึงระดับจื้อจุนขั้นแปดได้ในการเข้าสมาธิลึกครั้งนี้ แต่ไม่ได้คิดว่าความทะเยอทะยานของเขาจะมากเพียงนี้ ถึงขนาดระงับคลื่นหลิงในร่างกายได้ถึงสองปี ตอนนี้ถ้าเขาปลดปล่อยการระเบิดจะต้องน่ากลัวอย่างยิ่ง

เมื่อมองแบบนี้ระดับจื้อจุนขั้นแปดก็คงไม่พอให้เขาหยุดลงได้

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset