หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1107 ตำนาน
แสงกะพริบวิบวับต่อเนื่องบนม้วนหนัง
ข้อความปรากฏที่เบื้องหน้าสายตามู่เฉิน
“อันดับสองซูชิงหยิง ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุด ศิษย์เอกผู้เฒ่าหมื่นแมลง สถานะหลิงฉงซือ”
แม้ว่าข้อมูลจะดูธรรมดา แต่หัวใจของมู่เฉินก็สั่นไหวเมื่อได้เห็น จอมยุทธ์อันดับสองบนทำเนียบเป็นหลิงฉงซือเหรอ?
ในมหาพันโลกมีเส้นทางฝึกฝนมากมาย ไม่มีใครสามารถอ้างสิทธิ์ได้ว่าใครแข็งแกร่งที่สุด เพราะเมื่อไปถึงจุดสูงสุดทุกเส้นทางก็สามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของพีระมิดนี้ได้
เช่นหลิงเจิ้นซือ จั้นเจิ้นซือที่มู่เฉินฝึก รวมถึงหลิงฉงซือนี้ด้วย
มู่เฉินยังจำได้ว่าในอดีตเคยพบศพของหลิงฉงซือที่มณฑลเป่ยหลิงและได้รับขลุ่ยควบคุมแมลงซึ่งช่วยเขาไว้ได้มากในตอนนั้น ไม่คิดว่าสองสามปีต่อมาเขาจะได้พบกับหลิงฉงซือตัวจริง
ว่ากันว่าหลิงฉงซือสามารถเลี้ยงดูแมลงวิญญาณที่ทรงพลังได้ โดยที่แมลงทุกตัวจะดุร้ายมาก บางตัวอาจสามารถเทียบเคียงได้กับระดับตี้จื้อจุนเลยทีเดียว
หลิงฉงซืออาศัยแมลงวิญญาณในการต่อสู้ ซึ่งมีหลากหลายชนิดทำให้ยากที่จะป้องกันตัว
ทว่าจำนวนผู้ฝึกศาสตร์นี้มีน้อยมากจึงทำให้กลายเป็นศาสตร์ลึกลับแขนงหนึ่ง ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่มู่เฉินได้เห็นอะไรเกี่ยวกับหลิงฉงซือตัวจริง
“แต่จอมยุทธ์คนนี้เป็นศิษย์เอกของเฒ่าหมื่นแมลงเชียว…” เมื่อมู่เฉินเหลือบมองไปที่ชื่อนี้ สายตาก็เคร่งเครียดลง แม้แต่เขาที่อยู่แต่ในภูมิภาคทางเหนือมานานยังเคยได้ยินชื่อนี้
นี่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในทวีปเทียนหลัวที่ได้รับการพิจารณาว่าอยู่ด้านบนสุดของพีระมิดท่ามกลางจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน ความจริงที่น่ากลัวที่สุดก็คือผู้เฒ่าหมื่นแมลงได้เลี้ยงดูแมลงเทพตัวหนึ่งที่ทรงพลังมาก กระทั่งสามารถต่อสู้กับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ดังนั้นแม้แต่ผู้นำขั้วอำนาจชั้นยอดอื่นๆ ในทวีปก็หวาดกลัวเขา เพราะถ้าต่อสู้กับเขาก็เทียบเท่ากับปะทะกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนถึงสองคน
ผู้เฒ่าหมื่นแมลงมีคุณสมบัติที่จะสร้างขั้วอำนาจของตัวเองด้วยพลังที่มี แต่เขาชอบความสันโดษและรับศิษย์เพียงไม่กี่คน เมื่อพิจารณาจากข้อมูลแล้วซูชิงหยิงคนนี้ดูเหมือนจะเก่งที่สุดในบรรดาลูกศิษย์ของเขา
แม้ว่าซูชิงหยิงจะไม่มีสำนักสนับสนุน แต่เพียงผู้เฒ่าหมื่นแมลงคนเดียวผลักดันเบื้องหลังก็เกินกว่าอะไรแล้ว
“จอมยุทธ์ในทำเนียบไม่มีใครอ่อนแอเลยจริงๆ” มู่เฉินถอนหายใจวางเรื่องซูชิงหยิงไว้ในจุดสูงขึ้น คนที่สามารถเป็นศิษย์ของผู้เฒ่าหมื่นแมลงจะธรรมดาได้อย่างไร?
“แล้วใครเป็นอันดับหนึ่ง?”
แม้แต่คนอย่างซูชิงหยิงยังอยู่ในอันดับสอง ทำให้มู่เฉินยิ่งอยากรู้ถึงอันดับหนึ่งอย่างมาก เขาเลื่อนสายตาไปข้อความล่างสุด
“อันดับหนึ่ง จู้เยี่ยนประมุขน้อยเผ่าเทพอัคคี ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม ฝึกฝนร่างเทพอัคคีซึ่งอยู่ในอันดับสามสิบสี่หนึ่งในคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์ชั้นยอดของเผ่าเทพอัคคี หลายปีที่ท่องยุทธภพในทวีปเทียนหลัว ไม่เคยแพ้ใคร”
มู่เฉินมองไปที่ข้อความเหล่านั้นเป็นเวลานานก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่คิดว่าจอมยุท์อันดับหนึ่งจะเป็นประมุขน้อยของเผ่าเทพอัคคี ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงทรงพลังมาก
เผ่าเทพอัคคีเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ทรงพลังในมหาพันภพที่มีรากฐานที่ลึกซึ้งและมีผู้เชี่ยวชาญมากพอๆ กับกลุ่มเมฆบนท้องฟ้า ฐานกำลังเกินกว่าทุกขั้วอำนาจในทวีปเทียนหลัว
“ร่างเทพอัคคี…” มู่เฉินเม้มริมฝีปาก นี่อาจเป็นร่างเทห์สวรรค์สูงสุดที่เขาเคยเห็นมา จากการคาดการณ์ที่น่าตกใจหากร่างเทพสุริยะได้รับการจัดอันดับในทำเนียบคัมภีน์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง ก็น่าจะอยู่ในอันดับประมาณสามสิบซึ่งพอๆ กับร่างเทพอัคคีนี้
“ไม่คิดว่าประมุขน้อยเผ่าเทพอัคคีจะท่องยุทธ์และฝึกฝนในทวีปเทียนหลัว” จิ่วโยวถอนหายใจเช่นกัน จู้เยี่ยนทรงพลังอย่างแท้จริง
“จู้เยี่ยนเผ่าเทพอัคคีเหรอ?” หลินจิ้งเงยหน้าขึ้นถามด้วยความประหลาดใจ
“เจ้ารู้จักเขา?” เมื่อเห็นปฏิกิริยาของนาง มู่เฉินก็อึ้งไปเล็กน้อย
หลินจิ้งเบะปากขณะพูดต่อ “เผ่าเทพอัคคีเป็นศัตรูตัวฉกาจของเผ่าเทพน้ำแข็งซึ่งเป็นของท่านน้าปิงข้า ดังนั้นข้าจึงรู้บางอย่างเกี่ยวกับเขา แต่พูดให้ถูกต้องจู้เยี่ยนเป็นแค่หนึ่งในตัวสำรองที่จะเป็นประมุขน้อยไม่ใช่ตัวจริง ตอนนี้ที่ท่องยุทธภพก็คงเพราะต้องการบรรลุระดับตี้จื้อจุนเพื่อกลับไปแข่งขันที่เผ่า”
มู่เฉินพยักหน้าเบาๆ มีข่าวลือว่าเทพจักรพรรดิสงครามมีฮูหยินสองคน มารดาของหลินจิ้งเป็นหญิงสะคราญโฉมที่เขาเคยพบมาก่อน ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือประมุขเผ่าเทพน้ำแข็ง ท่านน่าปิงที่หลินจิ้งพูดถึง
“เผ่าเทพอัคคีมีความสามารถค่อนข้างมากแต่นั่นก็เท่านั้น ไม่งั้นในอดีตพวกเขาคงไม่แพ้จนสูญเสียเพลิงจักรพรรดิในการเดิมพันกับเทพจักรพรรดิอัคคี แม้แต่ผู้อาวุโสที่เข้าฌาณก็ยังไม่สามารถหยุดเทพจักรพรรดิอัคคีได้” หลินจิ้งอธิบาย ในฐานะที่นางเป็นอยู่ นางจึงไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับเผ่าเทพอัคคีมากนัก
“เจ้ากำลังพูดถึงเทพจักรพรรดิอัคคีแห่งแคว้นหวู่จิ้งฮั่วใช่ไหม?” หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้าน เซียวเซียวที่เขาเคยพบมาก่อนในมิติหลงเฟิ่งเป็นธิดาของเทพจักรพรรดิอัคคี
“ใช่แล้ว” หลินจิ้งพยักหน้าพูดต่อด้วยความสดใส “เทพจักรพรรดิอัคคีน่าเกรงขามจริงๆ แม้แต่ท่านพ่อข้าก็ประเมินว่าเขาไม่สามารถหยั่งรู้ได้”
“พวกเขาเคยต่อสู้กันมาก่อนเหรอ?” มู่เฉินถามอย่างสงสัย เทพจักรพรรดิสงครามและเทพจักรพรรดิอัคคีเป็นจอมยุทธ์ที่อยู่บนสุดของพีระมิดแห่งมหาพันภพ ทั้งสองคนมาจากพิภพเขตล่าง แต่ประสบความสำเร็จที่ทำให้จอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนในมหาพันภพยังต้องอับอาย
ไม่มีใครรู้ว่ายอดยุทธ์ทั้งสองใครทรงพลังมากกว่ากัน
หลินจิงยักไหล่ “ตามที่ฟังมาจากท่านพ่อในบางครั้งนะ พวกเขาน่าจะเคยสู้กัน แต่ไม่ได้บอกว่าใครเหนือกว่ากัน ยิ่งไปกว่านั้นแคว้นหวูตั้งอยู่ทางชายแดนใต้สุด ส่วนแคว้นหวู่จิ้งฮั่วตั้งอยู่ชายแดนเหนือสุด เนื่องจากสถานที่ตั้งทั้งสองมีความสำคัญอย่างยิ่ง ปกติท่านพ่อข้าและเทพจักรพรรดิอัคคีไม่สามารถออกจากแคว้นไปได้ง่ายๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้กันเท่าไร”
“ทำไมล่ะ?” มู่เฉินถามด้วยความสงสัย
หลินจิ้งเหลือบมองมู่เฉินตอบว่า “เป็นเพราะที่นั่นเป็นชายแดนติดกับจักรวรรดิปีศาจต่างมิติ”
หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้านก่อนที่สีหน้าจะกลายเป็นเคร่งขรึมจากนั้นจึงตระหนักว่าทำไมเทพจักรพรรดิทั้งสองจึงตัดสินใจที่จะไม่สร้างฐานมั่นที่ใจกลางมหาพันภพ ที่แท้พวกเขามีความตั้งใจที่จะทำหน้าที่เป็นปราการป้องกันการรุกรานของจักรวรรดิปีศาจ
“พิภพเขตล่างที่ท่านพ่อข้าถือกำเนิดถูกรุกรานโดยเผ่าปีศาจหนึ่งเมื่อในอดีต เพื่อช่วยท่านพ่อ ท่านน้าปิงจุดชนวนเผาตัวเองช่วยให้ท่านพ่อเอาชนะเผ่าปีศาจได้ หลังจากที่พวกท่านมาถึงมหาพันภพ ท่านพ่อก็ใช้พิภพเขตล่างเป็นรากฐานในการสร้างแคว้นหวูและปกป้องบ้านไว้ในเวลาเดียวกัน เขาพยายามหยุดการรุกรานของเผ่าปีศาจด้วยเหตุนี้ จึงสร้างปราการกั้นระหว่างจักรวรรดิปีศาจและมหาพันภพ” หลินจิ้งอธิบาย
“เทพจักรพรรดิสงครามสุดยอดจริงๆ” มู่เฉินอดถอนหายใจไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินข้อมูลบางอย่างมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดมากเท่ากับตอนที่หลินจิ้งเล่า ซึ่งทำให้หัวใจของเขาสั่นสะเทือนมากยิ่งขึ้น
ศึกกับเผ่าปีศาจเป็นอะไรที่ทำให้เกิดสงครามทุกหัวระแหงและเกิดการเสียสละมากมายนับไม่ถ้วนเพื่อรักษาโลกของเรา ทว่าเทพจักรพรรดิสงครามกลับสามารถเอาชนะเผ่าปีศาจได้ขณะที่อยู่ในพิภพเขตล่าง จากนั้นก็ทะลุผ่านระนาบมิติเดินทางมายังมหาพันภพ ความสำเร็จของเขาถือได้ว่าเป็นตำนาน
“แน่นอนสิ” หลินจิ้งกล่าวอย่างภาคภูมิใจ ชัดว่านางเคารพนับถือต่อบิดาอย่างมาก
มู่เฉินยิ้มบาง บิดาเช่นนี้ก็สมควรที่หลินจิ้งจะภูมิใจ ที่พวกเขาสามารถฝึกฝนได้อย่างสงบในมหาพันภพก็ต้องขอบคุณยอดยุทธ์อย่างเทพจักรพรรดิสงครามและเทพจักรพรรดิอัคคีที่ดูแลชายแดน ทำให้เผ่าปีศาจต่างๆ อยู่ในสายตาพวกเขาตลอดเวลา
แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มู่เฉินรู้สึกเคารพ
นอกจากนี้ข้อมูลที่หลินจิ้งให้เพิ่ม มู่เฉินก็สามารถเข้าใจได้อย่างคลุมเครือว่ายอดยุทธ์ในมหาพันภพทั้งหลายรวมตัวกันเป็นเกราะป้องกันทรงพลัง เหมือนกับเทพจักรพรรดิทั้งสอง
ทว่าข้อมูลเหล่านั้นเป็นความลับสุดยอดที่แม้แต่จอมยุทธ์ทั่วไปก็ไม่สามารถรู้ได้ กระทั่งมู่เฉินก็ยังไม่มีคุณสมบัตินั้นในตอนนี้
แต่เขาเชื่อว่าวันหนึ่งจะสามารถสัมผัสไปถึงขั้นนั้นได้ อย่างไรก็ตามเขาต้องการเวลา
มู่เฉินหายใจเข้าลึกระงับความคิดพลุ่งพล่านก่อนที่จะละสายตาจากม้วนหนัง หากเขาต้องการที่จะเดินบนเส้นทางของยอดยุทธ์ เขาก็ต้องได้รับวิธีวิวัฒนาการร่างเทพสุริยะให้ได้
เขาลูบไล้ม้วนหนังหยาบกร้านไล่มองชื่อจอมยุทธ์ที่อยู่จุดสูงสุดของทวีปเทียนหลัวพลางแตะนิ้วเบาๆ
เส้นทางของยอดยุทธ์ต้องก้าวข้ามคู่แข่ง ในอดีตเขาเอาชนะอุปสรรคที่เผชิญโดยไม่พ่ายแพ้และครั้งนี้ก็เช่นกัน
มู่เฉินหลุบตาลงส่วนลึกของดวงตาลุกโชนด้วยไฟแห่งการต่อสู้
ให้โลกได้รู้กันว่าจอมยุทธ์อย่างข้าที่เดินทางจากมณฑลเป่ยหลิง สำนักศึกษาเป่ยชางจนเข้าสู่อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะมีคุณสมบัติต่อสู้กับพวกเจ้าหรือไม่