หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1117 สิทธิ์การท้าทาย

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1117 สิทธิ์การท้าทาย

เมื่อซูชิงหยิงมองไปที่หลินจิ้ง

ทุกสายตาก็เลื่อนตามมา ตอนนี้จอมยุทธ์มีชื่อเสียงทั้งหมดที่นี่ทดสอบแล้ว ยกเว้นพวกมู่เฉิน…

เมื่อมู่เฉินได้ยินคำพูดซูชิงหยิง เขาก็บอกได้ว่านางพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่หลินจิ้ง

ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้ใส่ใจเกินไป เขามองไปที่ประตูมังกรทะยานสวรรค์ที่เจิดจ้าพลางสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะก้าวไปข้างหน้า

จังหวะที่เขาก้าวออกมา สายตานับไม่ถ้วนก็พุ่งตรงมารวมกระทั่งซูชิงหยิงก็เปลี่ยนความสนใจมาที่มู่เฉิน ทว่าสีหน้าไม่แยแสนั้นเห็นได้ชัดว่านางไม่ได้คาดหวังกับมู่เฉินมากมายนัก

“ข้าไปลองก่อนนะ” มู่เฉินมองไปที่จิ่วโยวกับหลินจิ้งขณะยิ้ม

จิ่วโยวพยักหน้า ส่วนหลินจิ้งชูกำปั้นเล็กขึ้นมาพูดอย่างร่าเริง “สู้ๆ ต้องให้ได้ป้ายมังกรทองคำมานะ!”

นางไม่ได้ปกปิดเสียงหัวเราะ นี่ทำให้เกิดรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของผู้คน แม้แต่ซูชิงหยิงยังได้แค่ป้ายมังกรเขียว สำหรับมู่เฉินที่อยู่อันดับยี่สิบในทำเนียบ เป็นเรื่องยากแม้แต่จะได้รับป้ายอินทรีทองคำ ไม่ต้องพูดถึงป้ายมังกรทองคำเลย

เผชิญหน้ากับสายตาเยาะเย้ยเหล่านั้นมู่เฉินก็ไม่ได้ใส่ใจ เขามองไปที่ประตูร่างเคลื่อนไหวเร็วรี่กลายเป็นร่างแสงสว่างจ้าทะยานออกมา

วาบ!

เมื่อเขาไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าประตู แสงเจิดจ้าก็โอบล้อมและกลืนเขาเข้าไปอย่างสมบูรณ์

เมื่อมู่เฉินเข้าไปภายใน เสียงสนทนาก็กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนไม่ได้ให้ความสนใจกับประตูอะไรมากนัก กลับจ้องมองไปที่เสาแสงสีทองด้วยความเคารพในสายตา

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับอันดับยี่สิบบนทำเนียบที่มีขุมพลังอีกครึ่งก้าวจะบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้า

มีเพียงหญิงสาวสองคนที่ยังมองไปที่ประตูนั่นก็คือจิ่วโยวและหลินจิ้ง ด้วยความเข้าใจของพวกนางที่มีต่อมู่เฉินมากกว่าใคร พวกนางรู้ดีว่าไพ่ตายของเขาไปไกลเกินกว่าขุมพลังนัก

แม้แต่จอมยุทธ์ภูมิภาคทางเหนือที่เบื้องหลังพวกนางก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก กระทั่งคนอย่างซูชิงหยิงก็เป็นศิษย์ระดับมังกรเขียว ดังนั้นพวกเขาจึงยากที่จะมั่นใจในตัวมู่เฉิน

มู่เฉินไม่รู้เกี่ยวกับความคิดของคนอื่น

เมื่อถูกกวาดเข้ามาในประตูเขาก็สัมผัสได้ถึงความผันผวนมิติรอบตัว เมื่อแสงเข้มข้นสลายลง เขาก็ปรากฏตัวบนลานขนาดมหึมา

ขอบฟ้าไร้ขอบเขตนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศโบราณที่มีร่องรอยถูกทิ้งเอาไว้บนพื้น ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน

“นี่เป็นลานทดสอบของประตูมังกรทะยานสวรรค์เหรอ?” มู่เฉินกวาดมองทั่วลานประลอง ก่อนจะมองไปในที่ไกลเบื้องหน้า

เขาเห็นเสาหินสิบกว่าเสาตั้งอยู่ แต่ละเสามีรูปปั้นหินที่ดูกระจ่างสดใสมาก ราวกับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แผ่กระจายความผันผวนของคลื่นหลิงที่น่าทึ่ง

มู่เฉินมองไปที่รูปปั้นหินและรู้ว่าการทดสอบของประตูมังกรทะยานสวรรค์เกี่ยวกับอะไร เมื่อกวาดมองจากทางขวาไปซ้าย สายตาก็เริ่มตึงเครียด

เนื่องจากเขาสังเกตได้ว่ารูปปั้นหินทางซ้ายให้ความรู้สึกของภัยคุกคามหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะรูปหินทางซ้ายสุด ที่ทำให้เขารู้สึกหนาวสะท้านจับใจ

รูปปั้นนั้นดูอ่อนเยาว์ถือหอกยาวปลดปล่อยอากาศที่น่ากลัวออกมาอย่างคลุมเครือ ทำให้มิติถึงกับแปรปรวน

ฮึ่ม!

ขณะที่มู่เฉินกวาดมองรูปปั้นหิน ความผันผวนผิดปกติก็แผ่กระจายออกมา อึดใจมู่เฉินก็รู้สึกว่า ลานประลองกำลังสั่นสะเทือน

“ผู้ท้าชิงขุมพลังอีกครึ่งก้าวบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้า สิทธ์การท้าทาย ศิษย์ระดับอินทรีขาว” เสียงเก่าแก่ดังก้องไปทั่วลานโดยไม่มีสติปัญญาใดๆ ฟังดูช่างว่างเปล่า

“ประตูมังกรทะยานสวรรค์เป็นอาวุธมหสวรรค์ที่มีสติปัญญา แต่ดูจากตอนนี้คงจะถูกทำลายไปแล้ว…” หัวใจมู่เฉินกระตุกเบาๆ เมื่อได้ยินเสียงที่กลวงเปล่านั่น

“สิทธ์การท้าทาย ศิษย์ระดับอินทรีขาว?” มู่เฉินพึมพำแล้วเงยหน้าขึ้นก็เห็นรูปปั้นหินบนเสาที่สามเคลื่อนไหวก่อนจะเริ่มมีชีวิต จากนั้นก็พุ่งออกมากระแทกลงที่พื้นเบื้องหน้ามู่เฉิน

รูปปั้นหินนี้สวมชุดเกราะหนาหนักราวกับหอคอยเหล็ก พลังที่น่ากลัวสาดออกมาทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น

“อีกครึ่งก้าวบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้า…” มู่เฉินกวาดมองก็สัมผัสกำลังของรูปปั้นได้ทันที ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ที่แท้ประตูมังกรทะยานสวรรค์จะจำกัดการท้าท้ายของผู้ท้าชิงที่เข้ามาตามขุมพลังที่มี

เช่นด้วยขุมพลังของเขาที่อีกครึ่งก้าวบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้า ฝ่ายตรงข้ามก็จะเป็นศิษย์ระดับอินทรีขาวที่มีขุมพลังเท่ากัน ถ้าเป็นเช่นนี้ในกรณีนี้ซูชิงหยิง นางคงสามารถท้าทายศิษย์ระดับมังกรได้ตั้งแต่เข้ามา

“อย่าบอกนะว่าข้าจะต้องสู้ขึ้นไปทีละคน?” มู่เฉินพึมพำ

ตู้ม!

ขณะที่เขาพึมพำ ร่างหอคอยเหล็กก็คำรามก่อนจะชกหมัดออกมา ส่งระลอกคลื่นกระเพื่อมบนมิติ

หมัดบรรจุพลังน่าหวาดเสียวขยายตัวอย่างรวดเร็วในม่านตามู่เฉิน แต่สีหน้าเขากลับสงบนิ่ง เมื่อหมัดพุ่งมาถึงเขาก็ก้าวเท้าออกไปชกหมัดหลุ่นๆ ออกมา

ฮึ่ม!

แสงสีทองเปล่งประกายออกจากร่างพร้อมกับเสียงคำรามของมังกรที่คลุมเครือ

ตู้ม!

หมัดทั้งสองปะทะกัน พื้นดินก็สั่นสะเทือน ร่างมู่เฉินไม่ขยับเขยื้อนออกไปแม้แต่น้อย แต่มีพลังที่น่ากลัวเหลือล้นพวยพุ่งออกมาจากกำปั้น

ภายใต้พลังที่น่าสะพรึงกลัว รูปปั้นหินก็กระเด็นถอยหลังพลางระเบิดออกกลายเป็นประกายลำแสงโปรยปรายกลางอากาศ

เขาซัดรูปปั้นเป็นอากาศธาตุด้วยหมัดหมัดเดียว

สีหน้าของมู่เฉินไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากผลลัพธ์ หากแค่จอมยุทธ์อีกครึ่งก้าวบรรลุระดับจื้อจุนขั้นเก้ายังยากที่จะจัดการก็ไม่ควรท้าทายอะไรอีกต่อไป

เมื่อรูปปั้นถูกจัดการด้วยหมัดเดียว ทั่วลานประลองก็เงียบลง ทว่าไม่นานเสียงสั่นสะเทือนก็กระจายออกมาอีกครั้ง

มู่เฉินขยับสายตาขึ้นก็เห็นรูปหินบนเสาที่หกตื่นขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้าง

เขาเป็นชายสวมชุดคลุมสีเทาที่มีภาพเจียวขาวปักไว้ เจียวขาวแยกเขี้ยวกางกรงเล็บเปล่งความดุร้ายออกมา

“ศิษย์ระดับเจียวขาว?”

มู่เฉินหดตาลงกับฉากนี้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยเนื่องจากไม่คิดว่าการท้าทายของเขาจะยกระดับหลายขั้นในครั้งเดียว จากอินทรีขาวกลายเป็นเจียวขาว ดูเหมือนว่าประตูมังกรทะยานสวรรค์จะประเมินพลังการต่อสู้ของเขาว่าเกินระดับขุมพลังที่มีไปไกล จากการที่เขาซัดหมัดเดียวก็จัดการศิษย์ระดับอินทรีขาวได้

ตามการประเมินของมู่เฉิน พลังของศิษย์ระดับเจียวขาวนี้มาถึงระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะปลายสุดแล้ว ซึ่งเทียบเท่ากับหลิ่วกุย หวังทงเสียนและเฉวียนหมิง

ศิษย์ระดับเจียวขาวพลิ้วตัวลงมาปรากฏตัวตรงหน้ามู่เฉิน ทันใดนั้นเขาก็ยกมือขึ้นแสงควบแน่นอยู่ในฝ่ามือทั้งสอง ซึ่งดูราวกับทำมาจากหยกขาว เปล่งอันตรายแต่ก็แฝงความงดงามในเวลาเดียวกัน

มือหยกขวาสร้างตราประทับก่อนที่แสงจ้าจระเบิดออก ร่างสิงโตหยกขาวก่อร่างขึ้นอย่างคลุมเครือ

“ตราประทับสิงโตหยก!”

เสียงไม่แยแสดังออกมาจากปากศิษย์ระดับเจียวขาว กำปั้นซัดออกไปข้างหน้า

โฮก!

แสงจ้าสีขาวครอบงำพื้นที่ก่อนจะก่อร่างเป็นสิงโตหยกขนาดพันจั้งพุ่งตรงเข้าหามู่เฉิน

ทันทีที่ออกกระบวนท่าก็เป็นท่าไม้ตาย ทำให้คนตั้งตัวไม่ทัน

มู่เฉินยังคงรักษาอารมณ์นิ่งสงบก่อนที่จะย่ำเท้า แสงสีทองระเบิดออกมา ร่างเทพสุริยะควบแน่นอยู่ที่เบื้องหลัง

ดวงตะวันสีทองอร่ามลุกโชนรอบร่างมหึมาก่อนจะระเบิดออกกลายเป็นกระแสพลังสีทอง

แสงสีทองรวมกันอย่างรวดเร็วเบื้องหน้าร่างเทพสุริยะ ก่อตัวเป็นกงล้อที่ลึกซึ้ง

“กงล้อแสงสวรรค์!”

มู่เฉินคำราม เขาไม่ได้ถอยแต่หันไปเผชิญหน้ากับการโจมตีเต็มกำลังของศิษย์ระดับเจียวขาว เขาใช้ท่ารุกรับที่สมบูรณ์แบบประสานกัน

ตู้ม!

สิงโตหยกกระโจนเข้ามาปะทะกับกงล้อแสง ทว่าไม่มีเสียงกัมปนาทที่น่าทึ่งใดๆ เพราะเมื่อกงล้อหมุน สิงโตหยกก็หมุนติ้วหันหลัง ฉีกมิติกระโจนกลับไปหาศิษย์ระดับเจียวขาว

ปัง!

พายุพลังงานครอบงำกวาดออก ภายใต้การโจมตีของสิงโตหยก ศิษย์ระดับเจียวขาวก็พังทลาย ก่อนที่จะกลายเป็นประกายแสงพร่างพราว

ศิษย์ระดับเจียวขาวแพ้แล้ว!

มู่เฉินยืนอยู่บนร่างเทพสุริยะ แสงสีทองรอบร่างค่อยๆ ถอนกลับไป เขาไม่ได้มองไปที่ศิษย์ระดับเจียวขาว แต่หลุบตาลงรอคอยอย่างเงียบๆ

เขาอยากรู้ว่าการท้าทายรอบต่อไปที่ประตูมอบให้คืออะไร

ความเงียบแขวนอยู่ในอากาศหลายสิบลมหายใจ ก่อนที่มู่เฉินจะรู้สึกถึงแผ่นดินไหว จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น รูปปั้นหินบนเสาที่สามจากด้านซ้ายกำลังตื่นขึ้น

มังกรขาวตัวใหญ่ปักอยู่บนแขนเสื้อของรูปปั้นหิน ซึ่งปล่อยแรงกดดันทรงพลัง คล้ายกับคลื่นครอบงำทั่วลานประลอง

นั่นคือ…ศิษย์ระดับมังกรขาว

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset