หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1127 การโต้กลับของอาวุธมหสวรรค์
บนท้องฟ้า
ผู้บัญชาการตำหนักสายลมยืนจังก้าในมือถือพัดขนนกสีเขียวพร้อมกับพายุทำลายล้างกวนตัวอยู่บนตัวพัด ทำให้มิติแปรปรวน ดูเหมือนกับใกล้จะแตกเป็นเสี่ยงๆ
“นี่เป็นปัญหาซะแล้ว…”
ใบหน้าของทั้งสามน่าเกลียดจนไม่น่ามอง พวกเขารู้ถึงพลังของอาวุธมหสวรรค์แท้จริง นี่เป็นพลังที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังอยากได้
ถ้าผู้บัญชาการตำหนักสายลมควบคุมพัดขนนกสีเขียวได้ พลังการต่อสู้จะถึงระดับที่ยากต่อกร แม้ว่าจะไม่ถึงจุดสูงสุดของตอนมีชีวิต แต่ก็เทียบเคียงได้กับจอมยุทธ์ที่ก้าวเข้าสู่ระดับตี้จื้อจุน
พวกเขาคงไม่มีโอกาสชนะเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แบบนี้
แม้แต่เครื่องรางอารักษ์ของหลินจิ้งที่เคยใช้ก็จะไร้ผล เนื่องจากพลังการป้องจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีของผู้บัญชาการตำหนักสายลมได้อีกต่อไป
“ทำยังไงดี?” ใบหน้าของหลินจิ้งและจิ่วโยวเคร่งเครียดพลางมองไปที่มู่เฉินพร้อมกัน
มู่เฉินเม้มปากแน่นก่อนที่ใบหน้าจะมืดครึ้มลง ทว่าตัวเขาเป็นคนเด็ดขาดจึงตัดสินใจทันที “เตรียมถอย!”
สถานการณ์นี้อยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขา ถ้ายังเดินหน้าต่อก็ต้องจ่ายราคาแพงระยับ
แม้ว่าสมบัติจะดึงดูดใจ แต่สิ่งที่มีค่าที่สุดในใจมู่เฉินคือชีวิต ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจถอยหนี
แม้ว่าหลินจิ้งและจิ่วโยวจะไม่เต็มใจกับการตัดสินใจนี้ แต่ก็ยังพยักหน้ารับ เนื่องจากพวกนางรู้ว่ามู่เฉินเลือกทางที่ชาญฉลาดที่สุดในตอนนี้
“ข้าจะใช้ตุ๊กตาน้ำแข็งระวังหลัง” หลินจิ้งกล่าว ดูจากท่าทีนางตั้งใจจะสละตุ๊กตาน้ำแข็งเพื่อซื้อเวลา
มู่เฉินถอนหายใจ เนื่องจากครั้งนี้คาดผิดไป ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับสมบัติใดๆ ยังต้องสูญเสียตุ๊กตาน้ำแข็งที่มีค่าไปด้วย
แต่เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เวลามาลังเล เขาจึงพยักหน้า ทั้งสามคนก็เริ่มถอยออกไปเงียบๆ
วาบ!
ทันใดนั้นผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวของทั้งสาม สายตาน่ากลัวจับจ้องไป พัดขนนกสีเขียวโบกลงพัดไปหาทั้งสาม
เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไป ทั้งสามถอยออกไปเร็วขึ้น ขณะที่ตุ๊กตาน้ำแข็งทะยานออกไปภายใต้การควบคุมของหลินจิ้ง พยายามสกัดการโจมตีนั้น
ฮึ่ม! ฮึ่ม!
คลื่นหลิงมืดมิดเชี่ยวกรากรุนแรงพุ่งออกมาจากร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลม ทว่าขณะที่เขาเตรียมพร้อมโจมตี ก็มีบางอย่างเกิดขึ้น
รังสีแวววาวเปล่งออกมาจากพัดขนนกสีเขียว แสงสีฟ้าอมเขียวผันผวนกระจายรัศมีปีศาจบนมือของผู้บัญชาการตำหนักสายลม
โฮก!
เสียงคำรามคล้ายสัตว์ร้ายดังออกมาจากลำคอผู้บัญชาการตำหนักสายลม ราวกับเจ็บปวดร้าวราน ขณะที่เขากำมือแน่นขึ้นดูเหมือนว่าต้องการที่จะจับพัดลมขนนกไว้ให้มั่น
ปัง!
ทว่าพัดลมขนนกกลับเหมือนมีจิตวิญญาณ ดิ้นรนจนหลุดจากมือผู้บัญชาการตำหนักสายลม มันถอยห่างออกมาและพัดใส่อีกฝ่ายอย่างรุนแรง
ตู้ม!
พายุสีฟ้าอมเขียวปรากฏขึ้นราวกับมังกรวายุกวาดกรงเล็บเพื่อฉีกมิติออกจากกัน ปะทะกับผู้บัญชาการตำหนักสายลม
ปัง!
เกิดเสียงดังสนั่นจากผลกระทบ ผู้บัญชาการตำหนักสายลมถลากลับไป ร่างกระแทกเข้ากับผนังหนักหน่วง ทำให้ทั้งโถงสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นไปหมด
การโจมตีจากพัดขนนกสีเขียวรุนแรงน่าดู ไอสีดำรอบร่างผู้บัญชาการตำหนักสายลมจางลงมาก หลังจากได้รับทุกข์ทรมานจากการโจมตี แม้แต่หมอกสีดำไร้ขอบเขตก็จางหายไปบ้าง
ทั้งสามคนที่กำลังถอยก็หยุดตัวเมื่อเห็นสิ่งนี้ มองฉากนี้ด้วยใบหน้ามีสีสันขึ้น
หลินจิ้งขยี้ตา แม้แต่จิ่วโยวก็พูดติดอ่าง “นะ-นี่…เกิดอะไรขึ้น?”
พวกนางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมพัดขนนกถึงโจมตีเจ้าตำหนักสายลม…
มู่เฉินก็อึ้งไปครู่ใหญ่ ก่อนที่จะคิดได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับความสุขแล่นพล่านบนใบหน้า “ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการตำหนักสายลมจะถูกโต้กลับจากอาวุธมหสวรรค์!”
“โต้กลับ?” จิ่วโยวอึ้งไป
มู่เฉินพยักหน้าหนักแน่น “อาวุธมหสวรรค์เป็นวัตถุที่มีจิตวิญญาณที่รู้วิธีปฏิเสธความชั่วร้ายและแยกแยะความแตกต่าง พัดนี้เป็นของเจ้าตำหนักสายลมก็จริง แต่เป็นของก่อนที่จะตาย ถ้าจะพูดให้ถูกตอนนี้ผู้บัญชาการตำหนักสายลมคือปีศาจร้าย ซึ่งกล่าวแบบลงลึกก็คือเจ้าของเก่าถูกฆ่าโดยตัวเขาในตอนนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นอาวุธมหสวรรค์ระดับนี้จะปล่อยให้ตัวเองถูกใช้โดยปีศาจชั่วร้ายได้อย่างไร?”
จิ่วโยวและหลินจิ้งเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น จากคำอธิบายของมู่เฉินผู้บัญชาการตำหนักสายลมถูกกัดกร่อนจากรัศมีปีศาจและสูญเสียสติสัมปชัญญะ อาวุธมหสวรรค์ก็จำแนกได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงเกิดการตอบโต้ในกลไกนี้
“ดูเหมือนเราไม่จำเป็นต้องถอยตอนนี้แล้ว” มู่เฉินยิ้นพลางรู้สึกโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะพวกเขาไม่เต็มใจมากหากไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยกลับต้องสูญเสียตุ๊กตาน้ำแข็งไปอีก
จิ่วโยวและหลินจิ้งพยักหน้า เมื่อมองสถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือนพวกเขาจะสามารถนั่งชมได้อย่างสบายแล้ว บางทีสุดท้ายอาจจะได้รับรางวัลใหญ่ด้วย
ขณะที่ทั้งสามพูดกัน ผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็ดึงตัวออกจากกำแพง เขาโกรธมากกับการตอบโต้ของพัดขนนกสีเขียว เขาส่งเสียงคำรามเกรี้ยวกราดแล้วกำมือ ฝ่ามือสีดำขนาดใหญ่หลายร้อยปรากฏเหนือพัดขนนก พยายามคว้าเอาไว้
ฟู่ ฟู่!
พัดลมขนนกพัดโบกสร้างพายุอีกครั้งเพื่อตอบสนองการโจมตีของเจ้าตำหนักสายลม พายุสีฟ้าอมเขียวกวาดออกมา ฉีกฝ่ามือนั้นขาดออก
มู่เฉินแอบเดาะลิ้นเมื่อเห็นภาพนี้ นี่คืออาวุธมหสวรรค์ของแท้เหรอ? สามารถปลดปล่อยการโจมตีที่น่ากลัวเช่นนี้ได้แม้จะไม่มีใครควบคุมก็ตาม
ตามการคาดการณ์ของเขาแม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มก็ยังต้องหลีกเลี่ยงพายุนี้
เมื่อผู้บัญชาการตำหนักสายลมเห็นว่าการโจมตีถูกปิดกั้นก็ยิ่งโกรธมากขึ้น รัศมีปีศาจพุ่งราวกับการยาตราของปีศาจ ไอชั่วร้ายกวาดใส่พัดขนนกในรูปแบบของลำแสง
พัดขนนกตอบโต้การโจมตีโดยไม่ลังเล ดูเหมือนจะเกลียดชังรัศมีปีศาจอย่างที่สุด ดังนั้นจึงปลดปล่อยการตอบโต้อย่างเต็มที่ ทุกครั้งที่พัดโบกก็จะปล่อยพายุทอร์นาโดขนาดใหญ่ ฉีกมิติและทำลายรัศมีชั่วร้ายในเวลาเดียวกัน
ดังนั้นการต่อสู้ดุเดือดเกิดขึ้นในโถง แต่ตัวหลักไม่ใช่พวกมู่เฉิน การต่อสู้กลายเป็นระหว่างเจ้าของตำหนักกับอาวุธประจำตำหนักไปแล้ว…
ทั้งสามคนจากผู้ต่อสู้กลายเป็นผู้ชมพร้อมกับดวงตาลุกโชนมองการเผชิญหน้าดุเดือดตาไม่กะพริบ
ครืน!
พลังทำลายกระจายออกไป บดขยี้เสาหินจำนวนหนึ่งเป็นผุยผง พลังนี้ทำให้หางตาของมู่เฉินกระตุกไม่หยุด
“ใครจะชนะการต่อสู้ถ้าสิ่งนี้ดำเนินต่อไป?” หลินจิ้งกระเถิบเข้ามาใกล้มู่เฉิน อดถามขึ้นมาไม่ได้
มู่เฉินนิ่งไปตอบว่า “แม้ว่าอาวุธมหสวรรค์จะทรงพลัง แต่ก็ไม่มีการควบคุม ดังนั้นน่าจะคงอยู่ได้ไม่นาน”
แม้ว่าอาวุธมหสรรค์จะสุดยอด แต่ก็สามารถแสดงพลังที่แท้จริงได้เมื่ออยู่ในมือของผู้ควบคุม ตอนนี้พัดขนนกพึ่งพาตัวเองในการต่อสู้ เมื่อเสียพลังงานมากไปก็จะเข้าสู่สภาวะนิทราหรือทำลายตัวเอง
“แล้วเราล่ะ?” จิ่วโยวชำเลืองมองมู่เฉิน หากพัดขนนกเลือกที่จะทำลายตัวเองพร้อมกับผู้บัญชาการตำหนักสายลมจะเป็นการสูญเสียยิ่งใหญ่ของพวกนาง นี่เป็นอาวุธมหสวรรค์ของแท้เชียวนะ!
“รอให้เสียพลังไปมากกว่านี้แล้วเราค่อยลงมือ” มู่เฉินยิ้ม เขาไม่คิดยืนดูให้พัดขนนกระเบิดตัวเองหรอก ไม่งั้นหัวใจเขาคงเจ็บปวดน่าดู
ฮึ่ม!
การปะทะกันที่น่าทึ่งระเบิดขึ้นอีกครั้ง พัดขนนกและผู้บัญชาการตำหนักสายลมก็กระเด็นถอยไป เสาหินในห้องโถงพังทลายตามเส้นทาง
พัดขนนกลอยอยู่บนท้องฟ้า ตอนนี้รัศมีรอบตัวจางลง เห็นได้ชัดว่าหมดพลังจากการปะทะกับผู้บัญชาการตำหนักสายลม
ดังนั้นมันจึงสั่นไหวก่อนที่จะพุ่งไปหามู่เฉิน จิ่วโยวและหลินจิ้ง
วาบ!
พัดขนนกปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วเบื้องหน้ามู่เฉิน โดยที่ด้ามจับหันเข้าหาเขาขณะที่มันสั่นเล็กน้อย
มู่เฉินตกตะลึงกับภาพนี้ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึก พัดขนนกต้องการให้เขาใช้รึ? อาวุธชิ้นนี้ต้องการยืมพลังของเขาใช่ไหม?
แต่นี่ทำให้มู่เฉินรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย เนื่องจากเขารู้ว่าต้องใช้คลื่นหลิงมากแค่ไหนในการใช้อาวุธมหสวรรค์ ย้อนกลับไปตอนนั้นเหตุผลที่มู่เฉินมอบพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจให้กับมั่นถัวหลัว เพราะอาวุธนั่นจะสูบเขาจนกลายเป็นมัมมี่ถ้าคิดใช้มัน
ฮึ่ม ฮึ่ม
พัดขนนกสั่นสะเทือนอย่างเร่งเร้าที่หน้ามู่เฉิน
สายตาของมู่เฉินกะพริบตาวาบ อาวุธมหสวรรค์มีจิตวิญญาณ ถ้าเขาปฏิเสธที่จะช่วย เขาอาจจะสูญเสียโอกาสที่ยิ่งใหญ่และอาจได้รับการตอบโต้
ดังนั้นตอนนี้เขาเลือกได้เพียงทางเดียว
แต่มู่เฉินไม่ใช่คนโลเล เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็วพร้อมกับแสงพล่านขึ้นในนัยน์ตา
ตอนนี้เขามีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าซึ่งแข็งแกร่งกว่าเมื่อตอนที่ได้รับพีระมิดแสงดาวปราบปีศาจมาก ดังนั้นเขาไม่เชื่อว่าพัดขนนกจะสูบเขาจนกลายเป็นแห้งกรอบได้!
ตัดสินใจได้มู่เฉินก็ไม่ลังเลอีกต่อไปพลางหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ค่อยๆ ยื่นมือออกมาจับด้ามพัดขนนก
หลังจากนั้นเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงในร่างกายที่พลุ่งพล่านอย่างรุนแรง