หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1133 การแข่งขันของสองสาว
ทั้งเกาะเต็มไปด้วยซากปรักหัก
พร้อมกับหมอกพิษกระจายไปทั่วฟ้าดิน โดยไม่มีวี่แววของพลังชีวิตสักนิด
ซ่า ซ่า
เสียงฝีเท้าดังก้องในความเงียบงัน ร่างเงาหนึ่งเดินเข้ามาอย่างมีชีวิตชีวา นางกระโดดขึ้นไปบนก้อนหินป้องมือไว้เหนือดวงตามองไปในระยะไกล แต่สภาพแวดล้อมที่เงียบงันทำให้นางต้องเบ้ปาก
“ไม่มีอะไรเลยหลังจากเดินมาตั้งไกล…” หลินจิ้งพึมพำขณะที่เกลียวแสงจางๆ ปกคลุมร่างปกป้องจากพิษ เกาะมังกรแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าเกาะสายลมที่พวกนางเข้าไปอย่างชัดเจน มิหนำซ้ำหมอกพิษยังทำให้ประสาทสัมผัสดิ่งลงจนต้องค้นหาไปทีละก้าว
แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้เก็บเกี่ยวอะไรระหว่างทาง
“ดูเหมือนว่าข้าต้องเปลี่ยนเป็นวิธีอื่นแล้ว…” หลินจิ้งถอนหายใจ แสงรวมตัวกันบนฝ่ามือนางก่อนที่แมลงขนาดเท่ากำปั้นทารกจะปรากฏขึ้น บนหัวแมลงนี้มีหนวดยาวกระดุกกระดิกตลอดเวลา
นี่คือแมลงล่าสมบัติอันล้ำค่าที่สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้ ในเวลาเดียวกันแม้แต่ขุมทรัพย์ใต้ดินก็หาออกมาได้ด้วย
ทว่าภายใต้สภาพแวดล้อมนี้ แม้แมลงล่าสมบัติจะสามารถค้นหาได้ แต่มันอาจได้รับบาดเจ็บจากหมอกพิษซึ่งเป็นสาเหตุที่หลินจิ้งไม่คิดใช้ก่อนหน้านี้ แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันหากนางไม่ทำเช่นนี้ก็จะต้องเสียเวลามากมายแน่นอน
“ไปเถอะ”
หลินจิ้งยกมือขึ้น แมลงล่าสมบัติกระพือปีก หมุนคว้างไปรอบๆ ก่อนที่จะบินไปทางขวา เมื่อหลินจิ้งเห็นปฏิกิริยานั่นก็ติดตามอย่างใกล้ชิด
แมลงล่าสมบัติบินไปประมาณสิบกว่านาทีก่อนที่จะพลิ้วลงบนซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง หลินจิ้งอุ้มแมลงขึ้นอย่างระมัดระวัง ทว่าร่างกายของมันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำเนื่องจากหมอกพิษ
“ขอบใจนะ”
หลินจิ้งลูบไล้เนื้อตัวแมลงเบาๆ ก่อนที่จะดึงขวดหยกที่เต็มไปด้วยของเหลวและวางแมลงไว้ข้างใน ของเหลวมีผลในการชำระล้าง ดังนั้นจึงสามารถละลายหมอกพิษที่อยู่ภายในร่างแมลงล่าสมบัติได้
เมื่อจัดการเรียบร้อยหลินจิ้งก็เงยหน้าขึ้นมองไปในระยะไกลด้วยความยินดีในดวงตา
นี่เป็นซากปรักหักพังเมื่อพิจารณาจากร่องรอยจะต้องเป็นตำหนักขนาดใหญ่ ทว่าตอนนี้ได้พังทลายไปหมดแล้ว
หลินจิ้งกวาดสายตามองไปรอบๆ ก่อนที่จะพุ่งความสนใจไปที่ศูนย์กลาง มีบัลลังก์กระดูกขาวตั้งตระหง่านพร้อมกับพลังอำนาจที่สถิตบนบัลลังก์ เห็นได้ชัดว่าบัลลังก์นี้ต้องเป็นของจอมยุทธ์ทรงพลังในสมัยโบราณ
หลินจิ้งเหลือบมองไปที่บัลลังก์ ก่อนที่จะขยับสายตาไปที่ด้านบนนางเห็นไข่มุกสุกใสขนาดเท่าหัว
พื้นผิวของไข่มุกเรียบเนียนเปล่งประกายอย่างอ่อนโยน ดูเหมือนจะมีมังกรสีขาวขดอยู่ภายใน นอกจากนี้ยังมีความผันผวนของคลื่นหลิงไร้ขอบเขตถูกปล่อยออกมาจากมัน
“นี่มัน…ไข่มุกจิตตะมังกร?” หลินจิ้งมองไข่มุกที่มีมังกรขาวอยู่ภายใน ดวงตาก็อดเปล่งประกายไม่ได้ ว่ากันว่าคนของเผ่ามังกรสามารถผนึกคลื่นหลิงของพวกเขาให้กลายเป็นไข่มุกจิตตะมังกรเมื่อละสังขาร ซึ่งจะมีคลื่นหลิงบริสุทธิ์หรือแม้แต่สายเลือด หากได้รับสิ่งนี้และปรับแต่งก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการฝึกฝน
ตามการคาดการณ์ของนาง ไข่มุกจิตตะมังกรนี้น่าจะถูกทิ้งไว้โดยผู้บัญชาการตำหนักมังกรซึ่งน่าจะมีขุมพลังเกือบจะบรรลุตี้จื้อจุนขั้นปลายเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นมูลค่าของไข่มุกนี้จึงไม่น้อยไปกว่าพัดเทพสายลมที่มู่เฉินได้รับ
“ในที่สุดก็เจอของดี!” หลินจิ้งยิ้มกว้าง นางเดินโต๋เต๋มานานในที่สุดก็พบสมบัติชิ้นเยี่ยม
นางไม่มีความลังเลสักนิดสะบัดนิ้วออกไป แสงหลิงพุ่งออกมาตั้งใจที่จะคว้าไข่มุกจิตตะมังกรไว้
วาบ!
แต่เมื่อหลินจิ้งเตรียมคว้าไข่มุก คลื่นหลิงสีรุ้งก็พุ่งลงมาจากฟ้า ทำให้พลังงานของนางแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ใคร?” หลินจิ้งอึ้งไปเมื่อถูกโจมตีอย่างกะทันหัน อึดใจก็เค้นเสียงเย็น
เสียงตะโกนเยือกเย็นถูกตอบกลับด้วยความเงียบซึ่งไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพหลอน
“คิดว่าซ่อนแล้วข้าจะหาไม่เจอเรอะ?”
หลินจิ้งเค้นเสียงเย็นชาก่อนจะวาดตราประทับแล้วกดลงไปในอากาศที่เบื้องหน้า ทันใดนั้นเกลียวแสงหยกก็กระจายออกมาด้วยความเร็วที่น่าทึ่งใต้ฝ่ามือนาง
แม้แต่หมอกพิษยังกระเพื่อมออกไปเมื่อเกลียวแสงหยกกวาดออกมา ซึ่งราวกับสามารถเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ แม้แต่เงาก็ถูกกวาดทิ้ง
เกลียวแสงหยกกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นหลินจิ้งก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของมิติเบาบางบนหินก่อนที่จะเผยให้เห็นภาพเงาภายใต้แสงหยก
หลินจิ้งตะลึงเมื่อเห็นภาพเงานั่น เป็นเพราะนี่คือร่างสะคราญโฉมยืนอยู่เบื้องหน้านาง…
“เจ้าคือใคร?” หลินจิ้งมองไปที่ร่างเงาน่าหลงใหลขณะตั้งคำถาม
“ทำไม? มาหาสมบัติที่นี่ยังต้องแจ้งตัวตนเหรอ?” หญิงสาวชุดสีรุ้งยิ้มอย่างเกียจคร้าน แม้ว่านางจะสวมผ้าคลุมหน้า แต่ก็สามารถจินตนาการถึงรูปลักษณ์งดงามภายใต้ผ้าคลุมนั้นได้
ใบหน้าของหลินจิ้งยังคงเรียบเฉยขณะพูดว่า “ข้าพบไข่มุกจิตตะมังกรนี้ก่อน”
“กฎเปลี่ยนมาเป็นเจอก่อนได้ก่อนตั้งแต่เมื่อไร?” หญิงสาวชุดสีรุ้งพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน ชัดว่านางรู้สึกตลกในคำพูดของหลินจิ้ง
หลินจิ้งยักไหล่ แม้ว่านางจะสวยเหมือนกันแต่อากัปกิริยาก็แตกต่างจากหญิงสาวชุดสีรุ้งคนนี้ ดังนั้นการเคลื่อนไหวนั่นจึงดูทรงเสน่ห์เช่นกัน “ดูเหมือนไม่มีอะไรจะคุยระหว่างเรา…”
เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวชุดสีรุ้งก็ให้ความสนใจไข่มุกจิตตะมังกรเช่นกัน ซึ่งนางเองก็ไม่มีทางปล่อยไปได้ง่ายๆ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก
วาบ!
ทันใดนั้นไอเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้น ร่างเงาลึกลับเผยที่เบื้องหน้าหญิงสาวชุดสีรุ้ง เสือกแทงกระบี่ยาวในมือออกไป
ไอเย็นยะเยือกที่สามารถตรึงอากาศพุ่งเข้ามา แต่หญิงสาวชุดสีรุ้งก็ไม่ขยับ เมื่อกระบี่ยาวพร้อมไอเย็นเยือกอยู่ห่างจากนางเพียงหนึ่งจั้ง หางสีรุ้งก็พุ่งออกมากระแทกเข้ากับกระบี่ ทันใดนั้นกระบี่ยาวที่สร้างจากไอเย็นก็แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ตุ๊กตาน้ำแข็งก็ได้รับผลกระทบหนักหน่วง กระเด็นออกไปทิ้งรอยยาวไว้ที่พื้นก่อนที่จะทรงตัวได้
เมื่อหลินจิ้งเห็นภาพนี้ดวงตาก็หดลงพร้อมกับความเคร่งเครียดวูบไหวเป็นครั้งแรกขณะมองไปที่หญิงสาวชุดสีรุ้ง งูเจ็ดสีพาดอยู่บนไหล่อีกฝ่าย เจ้างูขดตัวตวัดลิ้นแผล่บๆ ปากนั่นมืดราวกับหลุมดำ ประหนึ่งว่าสามารถกลืนกินสวรรค์และโลกได้
งูตัวนั้นไม่ธรรมดา!
หลินจิ้งสามารถบอกได้ว่างูเจ็ดสีเหมือนจะทรงพลังมากจนอาจจะแข็งแกร่งกว่าตุ๊กตาน้ำแข็งเสียอีก
สิ่งนี้ทำให้หลินจิ้งพึมพำกับตัวเองขณะที่ครุ่นคิดถึงที่มาของหญิงสาวตรงหน้า วิธีการและรากฐานอีกฝ่ายไม่อ่อนแอกว่าซูซิงหยิงเลย แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีคนแบบนี้ในทวีปเทียนหลัวจากมู่เฉิน
แม้ว่านางจะตกใจกับความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม แต่หลินจิ้งคือใคร? นางคือองค์หญิงน้อยแห่งแคว้นหวู ถ้านางไม่สามารถคว้าไข่มุกจิตตะมังกรที่ตนสนใจมาได้ก็เสียหน้าเกินไปแล้ว
ดังนั้นหลินจิ้งจึงรีบดึงความประหลาดใจกลับ ยื่นมือปลดสร้อยข้อมือหยกออก
ตู้ม!
เมื่อถอดข้อมือหยกออก การยับยั้งคลื่นหลิงในร่างกายหลินจิ้งก็ถูกลบออกไป พายุทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับแรงกดดันคลื่นทรงพลังกวาดไปทั่วฟ้าดิน ในขณะนี้แม้แต่หมอกพิษก็ถูกผลักกลับ
“ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็ม…”
เมื่อสัมผัสได้ถึงความผันผวนของคลื่นหลิงทรงพลัง ดวงตาของหญิงสาวชุดสีรุ้งก็เป็นประกายขณะที่ประหลาดใจกับหญิงสาวคนนี้
ดูเหมือนว่าการคว้าไข่มุกจิตตะมังกรจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
เมื่อสัมผัสเรื่องนี้ได้หญิงสาวชุดสีรุ้งก็ไม่ได้ปกปิดความแข็งแกร่งของตัวเองอีกต่อไป ฝ่าเท้าเยื้องย่างออกมา มิติรอบตัวนางแปรปรวน ความผันผวนของคลื่นพลังน่าทึ่งที่ไม่อ่อนแอไปกว่าหลินจิ้งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มอีกคน!
ถ้าคนภายนอกได้เห็นฉากนี้ลูกตาของพวกเขาคงจะถลนออกมาอย่างแน่นอน โดยทั่วไปแล้วจอมยุทธ์ที่มีขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มจะได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในสี่อันดับของทำเนียบจอมยุท์รุ่นใหม่แห่งทวีปเทียนหลัว ทว่าทั้งสองสาวไม่ได้อยู่ในสี่อันดับแรก…
หลินจิ้งมองไปที่หญิงสาวชุดสีรุ้งก็เม้มริมฝีปาก ก่อนแถบหยกจะปรากฏขึ้นในมือและถูกบดขยี้
บดขยี้แถบหยกแล้ว หลินจิ้งก็ไม่ลังเล ฝ่าเท้ากระทืบลงไปส่งแรงทะยานไปหาหญิงสาวชุดสีรุ้งพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตแผ่ซ่าน
จังหวะที่หลินจิ้งขยี้แถบหยก
มู่เฉินก็ลืมตาโพลงโดยมีแถบหยกปรากฏขึ้นในมือพร้อมกับเสียงของหลินจิ้งกระจายออกมา
“มู่เฉิน ข้าเจอตัวปัญหาใหญ่ รีบมาช่วยข้าจัดการนางหน่อย!”