หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1163 ลวดลายจั้นเหวิน

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1163 ลวดลายจั้นเหวิน

ในโถงโบราณ

มู่เฉินเดินเข้าไปขณะเดินผ่านค่ายกลเก้าเทพมังกรประหาร มังกรทั้งเก้าก็สลายหายไปอย่างเงียบๆ โดยไม่มีสิ่งกวาดขวางใดต่อมู่เฉิน

ไม่กี่นาทีมู่เฉินก็มาถึงหน้าบัลลังก์ แต่เมื่อเขากำลังจะก้าวย่างขึ้นไป เขาก็มองเห็นประกายแสงแล่นแปลบปลาบบนร่างนักรบสังหารวิญญาณที่ฟื้นฟูพลัง เหล่านักรบก้าวออกมาข้างหน้า ทำให้โถงใหญ่สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น แรงกดดันรุนแรงกวาดผ่านตรงมาที่มู่เฉิน

เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดัน สีหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวถอยจากบันได เวลานั้นแรงกดดันก็หายไป กองทัพสังหารวิญญาณก็ก้าวกลับไป

“ต่อให้จะไม่มีสติปัญญาหลงเหลือ แต่ปณิธานปกป้องจอมพลสองก็ยังคงอยู่เรอะ?” สายตาของมู่เฉินวูบไหวเล็กน้อย ก่อนหน้านี้กองทัพสังหารวิญญาณสูญเสียพลังจึงไม่ได้ขัดขวางซูชิงหยิง แต่ตอนนี้พวกเขาฟื้นคืนพลัง ก็ปกป้องจอมพลสองตามสัญชาตญาณ

ถ้าเมื่อสักครู่เป็นสถานการณ์นี้ ซูชิงหยิงคงต้องทนทุกข์จากการโจมตีของนักรบสังหารวิญญาณสองพันนายแน่!

“ช่างเป็นผู้หญิงที่โชคดี” มู่เฉินถอนหายใจ จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

ตู้ม!

เกลียวแสงควบรวมกันในดวงตาของนักรบสังหารวิญญาณ แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวกวาดออก ครั้งนี้มีรัศมีโลหิตจางๆ พรั่งพรูออกมาจากร่างกายพวกเขาพร้อมกับพลังแรงกล้าควบแน่นอยู่เหนือศีรษะพวกเขา

นั่นคือพลังของรัศมีจั้นยี่!

ทว่าขณะที่รัศมีจั้นยี่ที่สามารถเทียบเคียงระดับจื้อจุนกำลังรวมตัว มู่เฉินก็ยกป้ายขึ้นทันที

ป้ายกองทัพโบราณมีรอยกระดำกระด่างวางอยู่ในมือมู่เฉินอย่างเงียบๆ ตอนนี้มันราวกับถูกกระตุ้น ป้ายลอยคว้างพร้อมกับเสียงแตรโบราณดังขึ้นจากมัน

เสียงนั้นประหนึ่งผ่านมาจากยุคโบราณ

เมื่อเสียงแตรดังขึ้น นักรบสังหารวิญญาณทั้งสองพันนายที่กำลังจะเริ่มโจมตีก็ตัวแข็งค้าง รัศมีจั้นยี่เหนือศีรษะพวกเขาสลายหายไป จากนั้นพวกเขาก็ก้าวไปข้างหน้าคุกเข่าข้างหนึ่งทำความเคารพมู่เฉินที่อยู่เบื้องหน้าอย่างพร้อมเพรียง

เนื่องจากได้กลายเป็นนักรบผีดิบ พวกเขาจึงไม่มีสติปัญญาและไม่สามารถเปล่งเสียงใดได้ แต่ขณะนั้นเมื่อพวกเขาคุกเข่า มิติโดยรอบก็โยกคลอน

มู่เฉินมองไปที่ภาพนี้ก็ฉีกปากยิ้ม

ดูเหมือนว่าแม้จะผ่านไปนับหมื่นปี กองทัพที่เคยทรงพลังแข็งแกร่งก็กลายเป็นกองทัพผีดิบ แต่ป้ายนี้ก็ยังใช้งานได้!

ทว่าความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน เขาถอนอารมณ์อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเขารู้ดีว่าด้วยป้ายที่ได้รับทำให้สามารถบังคับบัญชากองทัพสังหารวิญญาณเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถเร้าพลังของกองทัพออกมาได้

หากเขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังเต็มรูปแบบของกองทัพสังหารวิญญาณได้ นั่นก็ไร้ประโยชน์แม้ว่าจะได้รับมาแล้วก็ตาม

สายตาของมู่เฉินวูบไหว จากนั้นก็ก้าวขึ้นบันไดเดินไปที่ข้างบัลลังก์พลางมองลงไปที่กองทัพสังหารวิญญาณก่อนที่จะนั่งลงขัดสมาธิ

เป็นเวลานานมากแล้วที่เขาไม่ได้บัญชากองทัพ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความสำเร็จในฐานะจั้นเจิ้นซือจะหยุดลง ในความเป็นจริงเมื่อพลังของเขาเพิ่มขึ้นก็ทำให้เกิดความเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อศาสตร์รัศมีจั้นยี่

ทว่าแค่ไม่ได้มีโอกาสเหมาะสมในการเปิดเผยเท่านั้น

แต่ตอนนี้ถึงเวลาทดสอบความสำเร็จในฐานะจั้นเจิ้นซือหลังจากผ่านมาหนึ่งปีแล้ว

มู่เฉินค่อยๆ หลับตาลง อึดใจก็เปิดดวงตาขึ้น แต่คราวนี้ดวงตาของเขาแวววาวด้วยความผันผวนแปลกประหลาดและทรงพลังกวาดออกไป

ความผันผวนไม่ได้มีอันตรายใดๆ แต่เมื่อปรากฏขึ้นกองทัพสังหารวิญญาณที่คุกเข่าก็กระตุ้นพลังพร้อมกับประกายสีแดงเข้มกะพริบในดวงตาพวกเขา แสงโลหิตควบแน่นเหนือศีรษะกลายเป็นเมฆสีแดงเข้มกระจายไปทั่วห้องโถง

ความผันผวนน่ากลัวที่แผ่ซ่านมาจากเมฆสีแดงเข้มทำให้หัวใจของมู่เฉินเย็นเยือก เมฆสีแดงเข้มนี้ก็คือรัศมีจั้นยี่ของกองทัพสังหารวิญญาณ พลังนิยามได้ด้วยคำว่าน่ากลัวแท้จริง

นี่เป็นรัศมีจั้นยี่ทรงพลังที่สุดที่มู่เฉินเคยเห็นในหมู่นักรบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังอยู่ภายใต้สถานะที่จำนวนไม่เต็ม ดังนั้นจึงยากที่จะจินตนาการได้ว่ากองทัพสังหารวิญญาณทรงพลังเพียงใดเมื่ออยู่ในสภาพพร้อมรบ

ทว่ามู่เฉินก็ไม่ได้ถอยหนี ตรงกันข้ามดวงตากลับลุกโชนด้วยความกระหาย จั้นเจิ้นซือทุกคนไม่ยอมแพ้ต่อกองทัพชั้นยอดเช่นนี้ง่ายๆ หรอก

นี่เป็นสิ่งที่คล้ายกับพ่อครัวที่เห็นส่วนผสมชั้นดีที่สุด ช่างฝีมือมองเห็นวัตถุดิบที่เลิศที่สุด ก็เหมือนกันกับจั้นเจิ้นซือ ต้องมีกองทัพชั้นยอดในมือพวกเขาเท่านั้น ถึงจะสามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงของพวกเขาได้

หากไม่มีกองทัพ จั้นเจิ้นซือก็เป็นได้แค่ตัวตลก

มู่เฉินหายใจเข้าลึกเพื่อระงับอารมณ์ มือข้างหนึ่งวาดสร้างตราประทับ ความผันผวนแปลกประหลาดพัดออกมาจากร่างกาย มิติบิดเบี้ยวกลายเป็นลวดลายนับไม่ถ้วนบินออกไป

มองจากระยะไกลก็ดูคล้ายกับเกล็ดมังกรเป็นชั้นๆ

มู่เฉินจ้องมองไปที่ลวดลายเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด นี่ก็คือลวดลายจั้นเหวิน แม้ว่าจะไม่ได้บัญชารัศมีจั้นยี่ มู่เฉินก็สามารถคาดเดาจำนวนลวดลายจั้นเหวินที่เขาสามารถสร้างได้ในตอนนี้

หนึ่งปีก่อนมู่เฉินเป็นวั่นเหวินจั้นเจิ้นซือธรรมดา แต่ตอนนี้เขาก้าวหน้าออกไปไกลแล้ว

ลวดลายกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจก็มีถึงแสนลาย

สือวั่นเหวินจั้นเจิ้นซือเทียบได้กับจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้า

แต่ถึงอย่างนั้นมู่เฉินก็ยังคงมีสายตาสงบ สือวั่นเหวินจั้นเจินซือที่เคยอยู่ไกลเกินเอื้อมเมื่อในอดีต ตอนนี้ไม่อยู่ในครรลองสายตาของเขาแล้ว

นอกจากนี้หากเขาสามารถสร้างลวดลายจั้นเหวินได้เพียงแสนลาย ก็ไม่จำเป็นต้องพยายามบัญชากองทัพสังหารวิญญาณนี้ให้เมื่อย เพราะยังไงก็เป็นไปไม่ได้

ตามการคาดการณ์ของมู่เฉินจะต้องเป็นไป่วั่นเหวินจั้นเจิ้นซือถึงสามารถควบคุมกองทัพดังกล่าว แม้ว่ากองทัพสังหารวิญญาณจะจำนวนลดลงอย่างมาก แต่อย่างน้อยก็ต้องการลวดลายจั้นเหวินหกถึงเจ็ดแสนลาย

“ลวดลายจั้นเหวินหกถึงเจ็ดแสนลายเรอะ” มู่เฉินพึมพำ อึดใจสายตาก็เป็นประกายมากยิ่งขึ้น คลื่นจิตพวยพุ่งออกมาจากกลางหว่างคิ้วราวกับภูเขาไฟกำลังปะทุ

ลวดลายจั้นเหวินปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าก่อนจะกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว

ในช่วงสิบกว่าลมหายใจลวดลายบนท้องฟ้าก็เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนสี่แสนลายที่น่าสะพรึงกลัว

ทว่ามู่เฉินก็ยังขมวดคิ้ว เพราะนี่ยังไม่เพียงพอ

“มากกว่านี้!”

มู่เฉินคำรามในใจ กระแสธารคลุมเครือปรากฏขึ้นที่กึ่งกลางคิ้วขณะที่คลื่นจิตทั้งหมดในร่างกายถูกดึงออกมาอย่างสมบูรณ์

จำนวนลวดลายจั้นเหวินเพิ่มขึ้น

สี่แสนสาม… สี่แสนหก… ห้าแสน… ห้าแสนสี่…

เมื่อถึงห้าแสนหกใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดเล็กน้อยพร้อมกับความเจ็บปวดที่หัวแทบระเบิด

นี่เป็นสัญญาณของขีดจำกัด

“ต้องมากกว่านี้!”

ทว่ามู่เฉินก็ไม่ยอมแพ้ เขากัดฟันแน่นอดทนต่อความเจ็บปวดรุนแรงพร้อมกับความรู้สึกวิงเวียนที่ขมขื่น

แสงระยิบระยับหมุนคว้างอยู่ในดวงตาอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นลวดลายจั้นเหวินที่หยุดจำนวนลงก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง

ห้าแสนแปด… ห้าแสนเก้า… หกแสน…!

เมื่อจำนวนลวดลายจั้นเหวินมาถึงหกแสน มู่เฉินก็รู้สึกหัวหมุนไปหมด ในหูก็มีแต่เสียงหึ่งๆ ทว่าเขาไม่อาจสนใจเรื่องเหล่านี้ เขาหายใจเข้าลึกลวดลายจั้นเหวินหกแสนลายกลายเป็นกระแสน้ำพัดเข้าสู่เมฆสีแดงเข้มของกองทัพสังหารวิญญาณ

หลังจากมีประสบการณ์แรงกระทบจากรัศมีจั้นยี่จากกองทัพสังหารวิญญาณแล้ว เขาถึงจะได้รับการยอมรับและปลดปล่อยพลังรัศมีจั้นยี่ได้อย่างแท้จริง

ตู้ม!

เมื่อคลื่นจิตของมู่เฉินพุ่งเข้าไปในเมฆสีแดงเข้ม เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าทิวทัศน์รอบตัวเปลี่ยนไป นี่เป็นเหมือนสนามรบโบราณที่มีไฟสงครามลุกลามไปทุกหัวระแหง

ขณะที่เขากำลังตกตะลึงกับฉากที่เปลี่ยนแปลงเบื้องหน้า ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนน่ากลัวของคลื่นหลิงผ่านมา

มู่เฉินเงยหน้าขึ้นหนังหัวก็ระเบิดทันที ตอนนี้บนท้องฟ้าถูกล้อมด้วยกองทัพนับพันรอบตัวพร้อมกับชุดเกราะหนักที่มีรัศมีแดงเข้ม

รัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มไร้ขอบเขตกวาดออกไปทำให้มิติสั่นไหวภายใต้แรงกดดันรุนแรง

มู่เฉินมองไปที่กองทัพน่ากลัวก็หดดวงตา นั่นเป็นเพราะเขาตระหนักว่ากองทัพนี้เป็นกองทัพสังหารวิญญาณที่อยู่ในสถานะสูงสุด

นอกจากนี้มู่เฉินยังต้องตกใจเมื่อพบว่ารูปลักษณ์ของเขาเปลี่ยนไป ไม่ใช่ภาพเงาที่ดูอ่อนเยาว์อีกต่อไป แต่เป็นชายชราที่มีพลังน่าสะพรึงกลัวในร่าง

ระดับนี้ไปถึงระดับตี้จื้อจุนแล้วแน่นอน!

มู่เฉินอึ้งไป จากนั้นก็เข้าใจทันทีว่าจอมยุทธ์ผู้นี้จะต้องเป็นหนึ่งในคนที่กองทัพสังหารวิญญาณเคยสังหาร!

ตู้ม!

ขณะที่มู่เฉินกำลังครุ่นคิด กองทัพสังหารวิญญาณที่อยู่รอบตัวก็เริ่มการโจมตีพร้อมกับแสงสีแดงเข้มครอบงำ การทำลายล้างกดขี่และกลืนกิน

เมื่อรู้สึกถึงการโจมตีที่น่ากลัวหนังหัวของมู่เฉินก็สั่นระริกไปหมด

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset