หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1165 ศัตรูกันทางจะแคบ

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1165 ศัตรูกันทางจะแคบ
เมื่อมู่เฉินออกจากหอสองฟ้า

เขาก็ไม่ได้หยุดกลางคันมุ่งหน้าไปยังหอหนึ่งฟ้าทันที ขณะนี้ทุกคนคงแยกย้ายอยู่ตามหอทั้งห้า ดังนั้นเขาจะต้องไปถึงหอหนึ่งให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ แม้เขาไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องที่จะมีคนเข้าไปในโถงที่มีร่างเดิมของมั่นถัวหลัวได้ แต่ถ้ามีใครสักคนกระตุ้นค่ายกล การจะนำร่างหลักของมั่นถัวหลัวออกไปก็จะยิ่งลำบากขึ้น

ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่หยุดแม้จะเห็นโถงต่างๆ ที่มีแสงหลิงพลุ่งพล่านออกมาระหว่างทาง

เขารู้ว่าแสงหลิงเหล่านั้นคงเป็นสมบัติที่หลงเหลืออยู่ในวังโบราณ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาค้นหาสมบัติ

สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือนำร่างหลักของมั่นถัวหลัวออกมาให้ได้อย่างรวดเร็ว

มิฉะนั้นเมื่อฮ่องเต้เซี่ยมาถึงวังสวรรค์บรรพกาลและทราบข่าวว่าเขาฆ่าเซี่ยหยู่ไปแล้ว อีกฝ่ายจะต้องพุ่งตรงมาหาเขาด้วยความโกรธแค้นแน่นอน

ถ้าต้องการเอาชีวิตรอดภายใต้ฮ่องเต้เซี่ยและเจ้าตำหนักเทพปีศาจที่เป็นคู่แค้นกับมั่นถัวหลัว เขาก็ต้องนำร่างหลักมาให้นางเพื่อมั่นถัวหลัวจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม

มิฉะนั้นถึงแม้จะมีกองทัพสังหารวิญญาณ ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะต่อกรกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย

“เวลาเร่งรีบแท้จริง”

มู่เฉินพึมพำจากนั้นก็กลายเป็นริ้วแสง ดวงตาของเขามองไปไกลก่อนที่จะหดเกร็ง เนื่องจากเห็นมหาสมุทรสีฟ้าอมเขียวปรากฏขึ้นที่ปลายสายตา

เหนือมหาสมุทรพลุ่งพล่าน คลื่นน้ำม้วนตัวขึ้นหมื่นจั้งเป็นครั้งคราว

“นี่คือทิศทางไปหอหนึ่งแน่นอน หรือว่าหอหนึ่งจะอยู่บนมหาสมุทร?” มู่เฉินอึ้งไปกับทิวทัศน์ ก่อนที่จะครุ่นคิดพักหนึ่ง แต่ก็ยังพุ่งต่อไปอย่างแน่วแน่ เดินทางด้วยความเร็วสูงสุด จนทำให้เกิดคลื่นซัดสาดในมหาสมุทร

มู่เฉินเดินทางสิบกว่านาที หลังจากนั้นก็เห็นเกาะต่างๆ ปรากฏขึ้นพร้อมกับหอสูงตระหง่านที่แสดงให้เห็นถึงความสง่างามและเจริญรุ่งเรืองในอดีต

บางครั้งก็มองเห็นริ้วแสงวอบแวบบนหมู่เกาะเหล่านั้น ชัดว่าเป็นจอมยุทธ์คนอื่นๆ ที่บุกเข้าไปค้นหาสมบัติกัน ทว่ามู่เฉินไม่ได้สนใจพวกเขา ยังคงเดินทางต่อไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเดินทางลึกเข้าไป มู่เฉินก็สามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยของค่ายกลในพื้นที่นี้ ซึ่งมีพลังที่ทำให้ผู้คนตกใจกลัว โชคดีที่ค่ายกลเหล่านั้นถูกทำลายจนหมดแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องเสียเวลาในการผ่านไป

วาบ!

ร่างมู่เฉินพาดผ่านเส้นขอบฟ้าขณะสายตามองไปที่สถาปัตยกรรมบนเกาะต่างๆ พยายามค้นหาโถงที่ร่างหลักของมั่นถัวหลัวซ่อนอยู่

แล้วการค้นหาของเขาก็ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง

เมื่อเวลาผ่านไปมู่เฉินก็ขมวดคิ้ว เขาค้นหาเกาะสามในสี่ส่วนแล้ว ทว่าแม้จะมีความผันผวนที่แปลกประหลาดแผ่กระจายออกมาในบางเกาะ แต่เขาก็ไม่สามารถจับคู่กับความทรงจำที่มีได้

“ลองหาดูต่อ” มู่เฉินกัดฟันแน่นก่อนจะพุ่งลึกเข้าไปสำรวจในส่วนที่ยังไม่ค้นหา

ทว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมาใบหน้าของมู่เฉินก็เปลี่ยนไปเป็นไม่น่าดู เนื่องจากเขาค้นหาทั่วทั้งมหาสมุทรแล้ว แต่เขาก็ยังไม่พบสิ่งที่ตรงกับความทรงจำเลย

“โถงที่ข้าเห็นก่อนหน้าไม่มีทางเป็นภาพลวงตานะ” ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดราวกับน้ำนิ่ง เขาระงับความวิตกกังวลในใจและสงบสติอารมณ์

“ทำไมบนมหาสมุทรข้าถึงหาไม่เจอ? นอกจากนี้… ข้าก็ไม่เห็นหอหนึ่งด้วยเช่นกัน”

มู่เฉินเม้มริมฝีปากขณะมองไปรอบๆ พลางพึมพำ “หรือว่าไม่ได้อยู่บนมหาสมุทร”

ถ้าไม่ได้อยู่บนมหาสมุทรแล้วจะอยู่ที่ไหน?

มู่เฉินก้มหน้าลงไปที่มหาสมุทรครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนที่จะหดดวงตา “หรือว่าจะอยู่ใต้มหาสมุทร?”

วาบ!

มู่เฉินกลายเป็นร่างแสงพุ่งลงไปในมหาสมุทรทันที กระจายการรับรู้คลื่นหลิงออกไป จากนั้นก็ค้นพบหอสง่างามที่คล้ายกับสัตว์อสูรหมอบลึกที่ใต้มหาสมุทร

มู่เฉินรู้สึกโล่งใจมากกับฉากนี้ ที่แท้หอหนึ่งก็ตั้งอยู่ใต้ท้องมหาสมุทร ไม่ใช่ผิวน้ำ จอมพลหนึ่งช่างลึกลับอย่างแท้จริง

ฟิ้ว!

มู่เฉินราวกับปลาน้อยขณะที่เดินทางใต้น้ำกระจายการรับรู้ออกไป ครั้งนี้เขาก็สัมฤทธิ์ผล

“พบแล้ว!”

มู่เฉินมาปรากฏตัวเบื้องหน้าซากปรักหักพังพร้อมกับหอโบราณกระดำกระด่างที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ ช่างดูคล้ายกับความทรงจำของมู่เฉิน

นอกจากนี้ยังมีการกลิ่นหอมแปลกๆ ลอยอวลออกมาทำให้ผู้คนหลงใหล

นั่นคือกลิ่นหอมของดอกแมนดาลา!

มู่เฉินมองไปที่หอกระดำกระด่างก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา ก่อนที่จะเข้าใกล้ด้วยความระมัดระวัง เขายืนอยู่ตรงหน้าลังเลเล็กน้อยแล้วก็เข้าไป

ภายในหอตัดขาดจากน้ำทะเลภายนอก การตกแต่งภายในทั้งโอ่อ่าและกว้างใหญ่เป็นพิเศษ นี่จะต้องเป็นสถานที่สำคัญของหอหนึ่งในสมัยโบราณ

ในโถงใหญ่ก็ดูเสียหายใหญ่หลวง ชัดว่าเคยมีการต่อสู้รุนแรงที่เกิดขึ้น เนื่องจากภาพโครงกระดูกที่นอนกองอยู่รอบๆ

มู่เฉินกวาดสายตาทั่วโถง อึดใจถัดมาใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองไปที่ปลายโถง มีประตูหินอยู่ ซึ่งร่างหลักของมั่นถัวหลัวน่าจะอยู่หลังประตูนั้น

ทว่ามู่เฉินไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้ เนื่องจากเขาสังเกตเห็นร่างสองร่างยืนอยู่ตรงหน้าประตู

มู่เฉินคุ้นเคยกับหนึ่งในนั้น จาโหลหลัวจากตำหนักเทพปีศาจ ขณะนี้จาโหลหลัวก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าเยาะเย้ยพลางกอดอก

ทำไมจาโหลหลัวถึงอยู่ที่นี่?

ใบหน้าของมู่เฉินน่าเกลียดขึ้น ดูจากท่าทางของจาโหลหลัวคงรออยู่ที่นี่นานแล้ว

“ฮ่าๆ ดูเหมือนท่านประมุขจะเดาถูกที่จะต้องมีคนมานำร่างหลักของนางกลับ แต่ข้าไม่คิดว่าจะเป็นแก”

จาโหลหลัวมองไปที่มู่เฉินพลางยิ้มตาหยี “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ก็คงเป็นศัตรูคู่อาฆาตของประมุขข้าสินะ ซ่อนได้ดีจริงๆ”

ร่างของมั่นถัวหลัวที่แยกออกมาจากดอกตูมน่าจะมีความต่างกับร่างหลัก ดังนั้นต่อให้เป็นตำหนักเทพปีศาจก็ยังหานางไม่พบ แต่ตอนนี้เมื่อจาโหลหลัวเห็นมู่เฉินที่นี่ เขาก็ปะติดปะต่อเรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดได้

มู่เฉินจ้องไปที่จาโหลหลัว ใบหน้าที่น่าเกลียดก็เริ่มคลายลง ประมุขตำหนักเทพปีศาจน่าจะรู้จักสถานที่นี้ เพราะเขาเป็นคนบีบบังคับให้มั่นถัวหลัวต้องซ่อนตัวในนี้ นอกจากนี้เขายังไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้มั่นถัวหลัวได้ร่างหลักคืนไปเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่ง ดังนั้นลู่หยวนจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งมั่นถัวหลัวจากการฟื้นร่างหลักนี้

จาโหลหลัวคงจะอยู่ที่นี่ภายใต้คำสั่งของเขา

ทว่าหากเป็นเพียงจาโหลหลัวคนเดียวมู่เฉินก็ไม่มีอะไรต้องกลัว แต่เห็นได้ชัดว่างานนี้ไม่ง่ายอย่างนั้น

สายตาของมู่เฉินเลื่อนไปที่ด้านข้างจาโหลหลัว ร่างในชุดสีดำขาวดูค่อนข้างสูงวัย แต่ไม่มีความผันผวนของคลื่นหลิงรอบตัวเขา

แต่เหตุนี้ทำให้มู่เฉินรู้สึกว่าถูกคุกคาม เขาไม่คิดว่าคนที่อ่อนแอเช่นนี้จะสามารถผ่านกับดักหนักหน่วงมาถึงที่นี่ได้

เมื่อรู้สึกถึงสายตาของมู่เฉิน จาโหลหลัวก็ยิ้มอ่อน “ตอนแรกข้าอยากระเบิดศึกระหว่างแกกับข้าเพื่อดูว่าใครมีร่างเทพสุริยะแข็งแกร่งกว่ากัน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแกจะไม่มีโอกาสนี้อีกต่อไป”

พูดจบเขาก็หันไปทางชายในชุดสีดำขาวโค้งด้วยความเคารพ “ผู้อาวุโสจั่ว ต้องรบกวนท่านที่นี่ ท่านประมุขแจ้งว่าไม่ต้องการเห็นใครเข้าไปในโถงนี้”

“ผู้อาวุโสจั่ว?”

เมื่อเห็นท่าทางเคารพของจาโหลหลัว ม่านตาของมู่เฉินก็หดเกร็ง อึดใจเขาก็มองไปที่ชายชุดสีดำขาวด้วยความไม่เชื่อ คนคนนั้นเป็นผู้อาวุโสของตำหนักเทพปีศาจหรือ?

เขาถึงจุดที่แม้แต่จาโหลหลัวยังให้ความเคารพ ดังนั้นจะต้องอยู่ในขุมพลังตี้จื้อจุนแล้ว!

แต่ปัจจุบันวังสวรรค์บรรพกาลไม่อนุญาตให้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเข้ามาไม่ใช่เหรอ? ทำไมผู้อาวุโสตำหนักเทพปีศาจถึงมาที่นี่ได้?

นอกจากนี้เขาไม่ได้แสดงตัวเองตั้งแต่แรกเริ่มแม้แต่ในทะเลสาบสวรรค์

“ฮ่าๆ แปลกมากเหรอ?”

เมื่อเห็นความตกใจของมู่เฉิน จาโหลหลัวก็หัวเราะร่วน “ที่จริงวังสวรรค์บรรพกาลในปัจจุบันไม่รองรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน ดังนั้นสำนักข้าจึงต้องจ่ายราคาแพงเพื่อให้ผู้อาวุโสจั่วเข้ามาที่นี่ แต่ด้วยวิธีนี้เขาจะมีโอกาสโจมตีเพียงครั้งเดียว มิหนำซ้ำพลังก็จะได้รับผลกระทบมากเช่นกัน ในอนาคตหากเขาต้องการฟื้นตัวก็คงต้องใช้เวลาหลายสิบปี”

จาโหลหลัวมีความสุขที่ได้เห็นความตกใจของมู่เฉินและด้วยเหตุนี้เขาจึงพูดมากขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดนั่นเปลือกตาของมู่เฉินก็กระตุก จักรพรรดิปีศาจแห่งตำหนักเทพปีศาจร้ายกาจแท้จริง ยินยอมให้ผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนจ่ายราคาดังกล่าวเพียงเพื่อขัดขวางการดึงร่างหลักของมั่นถัวหลัวกลับไป

แต่คำพูดของจาโหลหลัวกลับทำให้หัวใจที่ตึงเกร็งของเขาคลายลง ชัดว่าตอนนี้ผู้อาวุโสของตำหนักเทพปีศาจคนนี้ไม่ได้มีพลังในจุดสูงสุด กลับได้รับผลกระทบจนสูญเสียพลังไปมาก

แต่สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น ต่อให้พลังของเขาจะลดลงอย่างมาก ก็ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มจะเผชิญหน้าได้ ดังนั้นเมื่อมู่เฉินเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ เขาก็คือคนตายไปแล้วในสายตาของจาโหลหลัว

ทว่าเขาคิดไม่ได้หรอกว่าตอนนี้มู่เฉินไม่ได้อยู่ในขอบเขตจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มแล้ว

ดังนั้นขณะที่จาโหลหลัวากำลังจะเพลิดเพลินกับสีหน้าหวาดกลัวและตกใจบนใบหน้าของมู่เฉิน เขาก็ต้องหดดวงตาเมื่อพบว่ามีส่วนโค้งเบาบางปรากฏบนใบหน้าของมู่เฉิน

เสียงหัวเราะอ่อนโยนดังก้องโถง

“ที่แท้ก็คือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่พิการไปแล้วครึ่งหนึ่งสินะ?”

**สำนวนศัตรูกันทางจะแคบ แปลประมาณว่าพวกที่เป็นศัตรูจะชอบเจอหน้ากันเสมอ

 

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset