หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1167 ศึกแรกกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน
โฮก!
ภายในโถงนักรบสังหารวิญญาณคำรามลั่นพร้อมกับรัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มพวยพุ่งขึ้นมาจากศีรษะ ก่อตัวเป็นกลุ่มเมฆหนาทึบสีแดงเข้ม
ขนาดของรัศมีจั้นยี่ไปไกลเกินกว่ากองทัพใดๆ ที่มู่เฉินเคยบัญชาการ แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นก็ไม่กล้าดูถูก
มิติพังทลายลงพร้อมกับรอยแตกร้าวแผ่กระจายออกราวกับใยแมงมุม แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและครอบงำของรัศมีจั้นยี่
ผู้อาวุโสจั่วที่ยืนอยู่หน้าประตูหินที่มีท่าทางไว้ตัวก่อนหน้าก็ถูกลบออกอย่างสมบูรณ์จากฉากน่าตกใจนี้
สายตาเขาเลื่อนขึ้นลงด้วยความไม่เชื่อระหว่างกลุ่มเมฆรัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มและมู่เฉินที่ได้รับการคุ้มครองจากกองทัพสังหารวิญญาณ
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากเชื่อว่ามู่เฉินจะมีความสามารถควบคุมกองทัพชั้นยอดได้จริงๆ
“เป็นไปได้ยังไง?!”
เสียงแหบของผู้อาวุโสจั่วแฝงความสั่นเครือ
สถานการณ์เกิดขึ้นรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะรู้ตัวสิ่งมีชีวิตต่ำต้อยที่เขาคิดว่าสามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดายก็ระเบิดขึ้นด้วยพลังที่น่ากลัว
“ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้เจ้าผิดหวังแล้วนะ โชคดีที่ข้าบัญชาการกองทัพนี้ได้เต็มรูปแบบ” มู่เฉินมองไปที่ผู้อาวุโสจั่วที่การแสดงออกเปลี่ยนไป ความตื่นเต้นก็พล่านขึ้นในใจของมู่เฉิน
เมื่อก่อนทางเลือกเดียวของเขาคือหนีเมื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่วันนี้เขากลับสร้างความหวาดกลัวบนใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยการเผยไพ่ตายขึ้น
มู่เฉินจับป้ายกองทัพไว้แน่น แม้ตอนนี้จะต้องอาศัยกองทัพสังหารวิญญาณเพื่อเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่เขาก็มั่นใจว่าในอนาคตอันใกล้นี้เขาจะสามารถทำได้ด้วยตัวเอง
“ไอ้แก่ ตอนนี้ยังคิดจะมาขัดขวางข้าต่ออีกเหรอ?” มู่เฉินยิ้มตาหยี
“ไอ้เด็กบ้าหลงตัวเอง ข้าผ่านโลกมามากมายและนี่ก็เด็กเกินไปที่จะข่มขู่ข้าด้วยกองทัพ นอกจากนี้ใครจะรู้ว่าไอ้จอมเจ้าเล่ห์อย่างแกจะแค่ทำมั่นหน้าไหม?” ดวงตาของผู้อาวุโสจั่วมืดครึ้ม
เขาตกตะลึงกับไพ่ตายของมู่เฉิน แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น จะถูกข่มขู่จากคำพูดของมู่เฉินได้อย่างไร?
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น”
เมื่อได้ยิน มู่เฉินก็ยิ้มพลางเอ่ย “งั้นก็ขอให้แกช่วยลิ้มลองพลังของกองทัพสังหารวิญญาณดูละกัน”
ตู้ม!
พูดจบมู่เฉินก็ก้าวออกไป เคลื่อนตัวเข้าไปในกองทัพสังหารวิญญาณก่อนจะนั่งลงหลับตา เขาปลดปล่อยคลื่นจิตหลอมรวมกับเมฆสีแดงเข้มไร้ขอบเขต
โฮก! โฮก!
เสียงคำรามดังก้องอยู่ในห้วงแห่งจิตเขาเมื่อคลื่นจิตหลอมรวมกับรัศมีจั้นยี่ ในเวลาเดียวกันเขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีจั้นยี่ที่น่าสยดสยองภายใต้การควบคุมของตนเอง
ครืน!
คลื่นสีแดงก่ำพัดออกไป มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ กดทับไปยังผู้อาวุโสจั่ว
แม้ว่าการโจมตีจะดูเรียบง่าย แต่มีเพียงผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเท่านั้นที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทาน ตามการคาดการณ์ของมู่เฉิน ถ้าตอนนี้เป็นจาโหลหลัวและจู้เยี่ยนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า พวกเขาจะไม่มีแม้แต่ศพทิ้งไว้ต่างหน้า
นั่นเพราะคลื่นสีแดงอัดแน่นด้วยรัศมีจั้นยี่น่าสะพรึงกลัวของกองทัพสังหารวิญญาณ
คลื่นสีแดงเข้มขยายในม่านตา ใบหน้าของผู้อาวุโสจั่วก็ดูเคร่งขรึม เขาสัมผัสได้ถึงพลังน่ากลัวที่มีอยู่ในคลื่นสีแดงเข้ม แม้แต่เขาก็ไม่สามารถประมาทได้
“ไอ้สารเลว!”
ผู้อาวุโสจั่วกัดฟันแน่น งานง่ายๆ นี้กลายเป็นการรับหม้อไปได้แล้วเขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?
ผู้อาวุโสจั่วยื่นฝ่ามือออกจากแขนเสื้อ ผิวดูนุ่มนวลราวกับเด็กทารก ระหว่างนิ้วทั้งห้าก็มีประกายแสงราวกับหยก
เมื่อฝ่ามือยื่นออกมาก็ขยายขนาดเป็นพันจั้งพลางกดลง มิติแตกเป็นเสี่ยงๆ กระแทกเข้ากับคลื่นสีแดงเข้มที่พุ่งเข้ามา
ตู้ม!
พลังงานสองสายซัดกันเปรี้ยงปร้างพร้อมกับเสาหินในโถงแตกระเบิด ระลอกคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายออกไปทำให้มิติบิดเบี้ยวและแตกเป็นเสี่ยงๆ
พลังทำลายล้างของการปะทะที่ดูเรียบง่ายนี้เกินกว่าที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มออกกระบวนท่าวิทยายุทธระดับเสินทงเสียอีก
ร่างกายของผุ้อาวุโสจั่วสั่นสะท้านจากคลื่นกระแทก ก่อนที่จะถอยหลังไปครึ่งก้าวพร้อมด้วยสีหน้ามืดมน
เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบในการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่
ถ้าเขามีพลังในจุดสูงสุดก็ไม่กลัวกองทัพสังหารวิญญาณนี้ จะสู้หรือจะถอยก็ทำได้ตามต้องการ แต่เนื่องจากได้จ่ายราคามหาศาลสำหรับการเข้าสู่วังสวรรค์บรรพกาล ทำให้พลังของเขาเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่งในจุดสุดยอด
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถต้านทานรัศมีจั้นยี่ที่น่าสะพรึงได้อย่างสมบูรณ์
ตู้ม! ตู้ม!
มู่เฉินยังคงมึนเมากับพลังที่น่ากลัวของรัศมีจั้นยี่ที่โหยหา เขาสะบัดแขนเสื้อเมฆสีแดงเข้มร้อนระอุก็ม้วนตัวพลางควบแน่นเป็นหอกสีแดงเข้มจำนวนนับไม่ถ้วน
หอกถูกปกคลุมด้วยลวดลายจั้นเหวิน ซึ่งมีหลายแสนเล่มและทุกเล่มก็บรรจุด้วยพลังที่สามารถข่มขู่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มได้
“ไป!”
มู่เฉินตวัดนิ้ว พายุหอกก็ทะยานออกไปพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสจั่ว
“รูปแบบฟ้าดิน!”
แสงสีแดงเจาะทะลุฟ้าดิน ราวกับว่าระยะทางไม่เป็นอุปสรรค ผู้อาวุโสจั่วก็ไม่กล้าผ่อนคลาย เขากระทืบเท้าพร้อมเสียงคำราม คลื่นหลิงระหว่างสวรรค์และโลกรวมตัวกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นภูเขาสูงตระหง่านที่เบื้องหน้า
ภูเขาระยิบระยับด้วยห้าสีก่อตัวจากคลื่นหลิงบริสุทธิ์ที่อยู่ระหว่างสวรรค์และโลกด้วยรูปแบบที่แท้จริง ราวกับว่าได้สร้างภูเขาคลื่นหลิงขึ้นมาจากความว่างเปล่า
ซึ่งนี่เป็นกลยุทธ์เอกลักษณ์ของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน
เคร้ง เคร้ง เคร้ง!
ภูเขานั้นคล้ายกับโล่ปิดกั้นหอกอย่างสมบูรณ์
ทว่าภูเขาก็เต็มไปด้วยหลุมบ่อจากการโจมตีและสุดท้ายก็พังทลายลง
“ไอ้เวร คิดว่าข้าจะจัดการแกไม่ได้จริงเรอะ?” หลังจากถูกมู่เฉินโจมตีใบหน้าของผู้อาสุโสจั่วก็เปลี่ยนมืดครึ้ม เขาเค้นเสียงเย็น ฝ่ามือที่ราวกับหยกก็พลิกขึ้น ส่วนมืออีกข้างก็ชี้นิ้วออก
เมื่อเขาพลิกมือ มู่เฉินก็รู้สึกว่าฟ้าดินหดขนาดลง ขณะที่ความมืดปกคลุม เสามหึมาพุ่งลงมาจากท้องฟ้าซัดใส่ตัวเขาที่ได้รับการปกป้องจากกองทัพสังหารวิญญาณ
ความแข็งแกร่งของการโจมตีจินตนาการไม่ได้ หากมู่เฉินไม่มีกองทัพสังหารวิญญาณก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนี
“เฮ้ ถ้าแกอยู่ในจุดสุดยอดอาจจะเป็นเรื่องยากสำหรับข้าที่จะเอาชนะ แต่ในสถานะปัจจุบันที่มีแกทำอะไรได้บ้าง?” มู่เฉินเงยหน้าขึ้นเขารู้ว่าเสานั้นถูกสร้างขึ้นจากดัชนีของผู้อาวุโสจั่ว
ฮา
มู่เฉินหายใจเข้าลึก อึดใจดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมกับคำราม “กองทัพสังหารวิญญาณ—ฆ่า!”
ตู้ม!
นักรบสังหารวิญญาณสองพันนายลืมตาโพลง เงยหน้าขึ้นมองเสามหึมาพร้อมกับรัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มพุ่งออกมาจากดวงตากวาดล้างไปทั่วท้องฟ้า
ปัง!
รัศมีจั้นยี่สีแดงเข้มกวาดออก เสาก็ระเบิด
ความมืดจางหายไปอย่างรวดเร็ว มู่เฉินก็พบว่าได้กลับมาสู่ห้องโถง ความมืดโดยรอบเมื่อครู่ราวกับภาพลวงตา เขาเห็นนิ้วของผู้อาวุโสจั่วสั่นเทิ้มมีเลือดไหลออกมา
การควบคุมรูปแบบฟ้าดินด้วยนิ้วเดียวที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นี่คือระดับตี้จื้อจุนแท้จริง
ดวงตาของมู่เฉินเป็นประกายด้วยความอิจฉา ถ้าไม่ใช่รัศมีจั้นยี่ของกองทัพสังหารวิญญาณครอบงำเกินไป เขาคงไม่สามารถหนีรอดออกมาได้
ในการปะทะกันสั้นๆ เขาก็ได้สัมผัสกับพลังของระดับตี้จื้อจุนด้วยตัวเอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มจะเผชิญหน้าได้
แต่ถึงเวลาแล้วที่เขาจะจบศึก
มู่เฉินเลียริมฝีปากพลางยิ้มบางให้ผู้อาวุโสจั่ว “แม้ว่าข้าอยากจะสัมผัสกับพลังระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นอีกสักหน่อย แต่เวลาของข้ามีค่ามาก ดังนั้นถึงเวลาที่จะจบลงแล้ว”
มู่เฉินกัดปลายนิ้วแล้ววาดไปในมิติก่อร่างอักขระโบราณ
“ค่ายกลสงครามสังหารวิญญาณ!”
อักขระโลหิตตกลงไปในเมฆสีแดงเข้ม ทันใดนั้นแสงมันวาวก็พุ่งออกมา ก่อตัวเป็นค่ายกลสงครามขนาดใหญ่อย่างคลุมเครือ
เมื่อผู้อาวุโสจั่วเห็นค่ายกลสงครามนี้ ใบหน้าก็น่าเกลียดลงอย่างสมบูรณ์
นั่นเพราะเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความตายจากมัน