หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1171 หอคัมภีร์เทพซ่อนปรากฏ
ที่ปลายบันได
แท่นดอกบัวสีแดงเข้มกำจายแสงสีแดงซึ่งมีดอกแมนดาลาที่น่าหลงใหลวางนิ่งอยู่ แสงสีเข้มเปล่งออกมาดูแปลกตาอย่างยิ่ง
“นี่คือดอกไม้เทพที่หายากในตำนานของมหาพันภพ—ดอกแมนดาลาเหรอ?”
มู่เฉินก้าวเดินขึ้นไปหยุดที่เบื้องหน้าดอกไม้ กวาดมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น หน้ารายการนิรันดร์ที่สถิตในร่างกายเขามีทักษะการฝึกฝนร่างเทพสุริยะก็ถูกสลักไว้ด้วยลวดลายศักดิ์สิทธิ์ของดอกแมนดาลา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นของจริง
ตำนานเล่าว่าเมื่อดอกแมนดาลาพัฒนาไปจนถึงขีดสุด ก็จะมีพลังเทียบเท่ามังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงซึ่งเทียบได้กับระดับเทียนจื้อจุน
ทว่าดอกไม้ดังกล่าวมีสติปัญญาตั้งแต่เกิดและมีความเชี่ยวชาญในศาสตร์มืด ดังนั้นแม้ว่าจะเพิ่งเกิด ตราบใดที่ซ่อนตัวกระทั่งจอมยุท์ขุมพลังตี้จื้อจุนก็ยังหาไม่พบ
มู่เฉินมองไปที่ดอกไม้แม้ว่าจะปิดผนึกตัวเอง แต่มู่เฉินก็ยังคงสัมผัสได้ถึงพลังพลุ่งพล่านภายใน
ซึ่งทำให้มิติโดยรอบสั่นสะเทือนเบาๆ
มู่เฉินถอนหายใจกับพลังมหาศาลก่อนที่แสงมืดจะควบแน่นในมือกลายเป็นใบไม้สีดำ
แม้ว่าร่างหลักของมั่นถัวหลัวจะปิดผนึกตัวเองไว้ แต่ก็ยังคงมีสัญชาตญาณในการปกป้องตัวเอง หากมู่เฉินพยายามที่จะยึดครองก็จะทำให้มันโจมตีเขาและการโจมตีระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายไม่ใช่สิ่งที่มู่เฉินจะทนได้
แต่โชคดีที่เขาเตรียมตัวมา ใบไม้นี้เป็นสิ่งที่มั่นถัวหลัวมอบให้มาก่อนหน้านี้ ซึ่งใช้ดึงร่างหลักของนางโดยเฉพาะ
มู่เฉินรมใบไม้สีดำด้วยคลื่นหลิงของตนเอง ทำให้ใบไม้เอิบอาบด้วยประกายแสงสีดำและขยายออกไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจก็มีขนาดหลายสิบจั้งห่อดอกไม้ที่น่าหลงใหลไว้
ดอกไม้สั่นไหวเล็กน้อย แต่ไม่ได้ขัดขืน ปล่อยให้ใบไม้ห่อตัวเองคล้ายกับรังไหม
มู่เฉินโบกมือดึงรังไหมสีดำออกมา จากนั้นก็มองไปที่แท่นบัวหยกสีแดงเข้มด้วยความใคร่รู้
เขาลูบนิ้วบนแท่นดอกบัว สัมผัสช่างเย็นเฉียบ จากนั้นคลื่นเย็นเยือกก็เข้าสู่ร่างกายเขา
พลังงานที่เข้ามาฉับพลันนี้ทำให้มู่เฉินสะดุ้ง ขณะที่เขากำลังบังคับออกมาก็ต้องตัวแข็งทื่อเนื่องจากตระหนักได้ว่าพลังงานนี้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับจากศพได้อย่างรวดเร็ว
รอยฝ่ามือบนหลังเขาก็ค่อยๆ หายไป
ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีอาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ก็หายเป็นปกติ มากจนแม้แต่ความเหนื่อยล้าจากการควบคุมกองทัพสังหารวิญญาณก็ลดน้อยลง
“นี่…”
ความตกตะลึงฉายขึ้นบนใบหน้ามู่เฉิน แท่นดอกบัวนี้มีความสามารถในการฟื้นตัวที่ทรงพลังขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย?
ต้องรู้ว่าหากมู่เฉินต้องการหายจากอาการบาดเจ็บครั้งนี้จะต้องใช้เวลาฟื้นฟูอย่างน้อยครึ่งวัน แต่ตอนนี้เขาหายได้ในเวลาเพียงสิบกว่านาทีภายใต้การเสริมของแท่นดอกบัวสีแดง ประสิทธิภาพนี้เร็วกว่าอย่างน้อยร้อยเท่า
ดังนั้นเขาสามารถบอกได้ว่าแท่นดอกบัวนี้เป็นสมบัติวิเศษ!
แบบนี้แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหนักในอนาคต เขาก็จะใช้เวลาในการพักฟื้นน้อยลง มิหนำซ้ำสิ่งนี้ยังมีประโยชน์ต่อจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนอีกด้วย มิฉะนั้นมั่นถัวหลัวคงไม่ใช้สิ่งนี้เพื่อรักษาบาดแผลของนาง
“มูลค่าของสิ่งนี้น่าจะเทียบได้กับอาวุธมหสวรรค์ขั้นกลาง!”
มู่เฉินจ้องมองไปที่แท่นดอกบัวสีแดงเข้มพร้อมกับความกระหายอยากในดวงตา ถ้าให้พูดจริงๆ แม้แต่มูลค่าของพัดเทพสายลมก็ยังด้อยกว่าสิ่งนี้
มู่เฉินยิ้มกว้าง ไม่คิดว่าไม่เพียงแต่เขาจะสามารถหาร่างหลักของมั่นถัวหลัวได้เท่านั้น เขายังเก็บเกี่ยวได้แบบไม่คาดคิดอีกด้วย
ดังนั้นมู่เฉินจึงสะบัดแขนเสื้อเก็บแท่นดอกบัวไปโดยไม่ลังเล สมบัติเช่นนี้ไม่ควรทิ้งอย่างสูญเปล่าที่นี่
มู่เฉินปัดมือด้วยความพึงพอใจ ทว่าเขาไม่ได้รีบร้อนที่จะออกไปกลับนั่งลงเหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง
เขากำลังรอการปรากฏขึ้นของหอคัมภีร์เทพซ่อน
นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในวังสวรรค์บรรพกาล เขาก็รู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมาหา ก่อนหน้านี้เขาก็ยังสงสัยว่าตัวเองรู้สึกไม่ถูกต้องหรือเปล่า แต่ขณะนี้เขาสามารถยืนยันได้ว่านั่นจะต้องเป็นหอคัมภีร์เทพซ่อนอย่างแน่นอน
ก็อย่างที่เซียวเซียวบอกไว้มีเพียงสมาชิกที่มีผลงานโดดเด่นเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่หอคัมภีร์เทพซ่อนได้
ตอนนี้ไม่เพียงแต่มู่เฉินสามารถเข้าไปในหอสองและได้รับกองทัพชั้นยอดของจอมพลสอง เขายังเอาชนะจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นในหอหนึ่งและยังผ่านค่ายกลที่น่าสะพรึงที่ทำให้แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนยังปวดประสาทได้อีกด้วย
หากผลงานชิ้นโบแดงขนาดนี้ยังไม่เข้าตาหอคัมภีร์เทพซ่อนละก็ สวรรค์ก็คงจะตามืดบอดแล้ว
ดังนั้นมู่เฉินจึงไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือรอดูว่าหอคัมภีร์ลึกลับจะตอบสนองหรือไม่
เวลาผ่านไปท่ามกลางการรอคอย แต่ก็ยังไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น ราวกับว่าหอคัมภีร์ไม่เห็นด้วยกับการแสดงของมู่เฉิน
ดวงตาของมู่เฉินกะพริบบางเบา ทว่าจากนั้นแววตาก็เปลี่ยนเป็นแน่วแน่ด้วยความมั่นใจในตนเอง
ตราบใดหอคัมภีร์เทพซ่อนมีสติปัญญา มู่เฉินก็มั่นใจได้ว่าความสำเร็จที่ตนเองทำไว้เพียงพอที่จะได้รับคุณสมบัติที่จะเข้าไปในหอคัมภีร์
นั่นเพราะเขาเชื่อว่าแม้จะอยู่ในวังสวรรค์บรรพกาลเมื่อก่อน ผลงานของเขาก็ติดอันดับต้นๆ แน่นอน
สายตาของมู่เฉินราบเรียบมองไปที่มิติตรงหน้าราวกับว่ากำลังมองไปที่หอคัมภีร์เทพซ่อนที่มองไม่เห็น ทำทีเหมือนเขากำลังพูดกับมันด้วยสายตาที่บอกว่าเขามีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปได้
ราวกับว่ามีบางอย่างสัมผัสได้ถึงสายตาของเขา
ความเงียบนั้นคงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มู่เฉินจะหดดวงตาเมื่อตระหนักได้ว่ามิติตรงหน้าเริ่มกระเพื่อมไหว
ประหนึ่งมีบทสวดโบราณเปล่งขึ้น ทำให้มิติบิดเบี้ยวก่อนที่หอลึกลับสีฟ้าอมเขียวจะปรากฏขึ้น
มู่เฉินมองไปที่หอลึกลับ หัวใจก็เต้นรัวแรง
เขารู้สึกได้ว่าหอลึกลับกำลังเฝ้ามองเขาอยู่ แต่เขาไม่กลัวยังคงจ้องมองกลับอย่างแน่วแน่
ทั้งสองมองหน้ากันในห้องโถง ไม่กี่นาทีก่อนที่หอลึกลับจะสั่นไหว มู่เฉินได้ยินเสียงเก่าแก่ดังก้อง
“หัวใจที่มั่นคงและความมั่นใจที่ไม่เปลี่ยนแปลง เจ้ามีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่หอคัมภีร์เทพซ่อน”
มู่เฉินหดดวงตา เสียงเก่าแก่นี่มาจากหอคัมภีร์เทพซ่อนเหรอ?
สติปัญญาของหอคัมภีร์เหนือล้ำขนาดนี้เชียวหรือ? นี่ไม่ใช่สิ่งที่อาวุธมหสวรรค์ธรรมดาจะเทียบได้!
ฮึ่ม ฮึ่ม
ขณะที่มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ หอคัมภีร์ที่ซ่อนอยู่ก็กระเพื่อมไหวเล็กน้อย แสงสีฟ้าอมเขียวควบแน่นเป็นบันไดทอดยาวไปหามู่เฉิน
ชัดว่าเมื่อเดินขึ้นบันไดนี้ไปเขาก็จะเข้าสู่หอคัมภีร์เทพซ่อนอย่างแท้จริง!
มองไปที่บันไดเบื้องหน้าหัวใจมู่เฉินก็ถั่งโถมด้วยคลื่น แม้ว่าเขาจะเป็นคนสุขุมก็ยังอดรู้สึกหวิวๆ ในใจไม่ได้
เขาประสบความสำเร็จจริงเหรอ?
ตราบใดที่เขาเข้าไปในหอคัมภีร์เทพซ่อน เขาก็จะได้รับโอกาสวิธีวิวัฒนาการร่างเทพสุริยะ นานแค่ไหนที่เขารอคอยสิ่งนี้?
จากสำนักศึกษาเป่ยชาง เขตต้าหลัวเทียน อาณาเขตกงเวทสวรรค์ ก้าวขึ้นจากตำแหน่งแม่ทัพจนเป็นจอมพล
เขาทำทุกอย่างมากมายก็เพื่อโอกาสที่จะได้รับวิธีวิวัฒนาร่างเทพสุริยะ!
ตอนนี้เป้าหมายที่ติดตามมาหลายปี ในที่สุดก็จะสำเร็จ นี่ไม่ทำให้เกิดคลื่นสั่นคลอนในหัวใจเขาได้อย่างไร?
ฮา
มู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ในใจ จากนั้นเขาก็โค้งคำนับด้วยมารยาทสูงสุดให้หอคัมภีร์เทพซ่อน ก่อนที่จะก้าวขึ้นไปบนบันไดสีฟ้าอมเขียวโดยไม่ลังเล
มู่เฉินก้าวขึ้นไปทีละขั้น ทุกขั้นที่เขาเดินผ่านก็จะจางหายไป
เมื่อเดินไปถึงขั้นบันไดสุดท้าย มิติโดยรอบก็บิดเบี้ยว อึดใจต่อมาเขาก็ไปปรากฏตัวในพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกราวกับดินแดนสวรรค์
หอคัมภีร์ลึกลับโบราณตั้งตะหง่านอยู่ท่ามกลางหมอก
ยามนี้ประตูหอคัมภีร์เทพซ่อนเปิดออกอย่างช้าๆ ภายในราวกับว่ารวมไปด้วยลำแสงโบราณทรงพลังนับไม่ถ้วน
มู่เฉินก้าวเข้าไปโดยไม่ลังเล ย่างเท้าบนดินแดนขุมทรัพย์ที่หลายคนในวังสวรรค์บรรพกาลใฝ่ฝัน!
ทันทีที่ก้าวเข้ามา มู่เฉินก็กำมือแน่นด้วยความตื่นเต้นและกระหายอยากวูบไหวในดวงตา
ร่างเทพสุริยะนิรันดร์!
ข้ามาแล้ว!