หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1172 ค้นหาร่างเทพสุริยะนิรันดร์
ขณะที่มู่เฉินก้าวเข้ามาในหอคัมภีร์เทพซ่อน
กลุ่มแสงสว่างจ้าวาบขึ้นที่เบื้องหน้า จากนั้นแสงก็ลดลงภาพทางช้างเผือกไม่มีที่สิ้นสุดก็ปรากฏในครรลองสายตาของเขา
เขาเดินอยู่บนทางช้างเผือก เมื่อกวาดตามองไปก็ดูยิ่งใหญ่อลังการ
ดวงดาวพริบพราวนับไม่ถ้วนซึ่งดูงดงามมากขณะที่เขาทอดเดินไปบนนั้น
“นี่คือหอคัมภีร์เทพซ่อนเหรอ?” มู่เฉินมองไปที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวกว้างใหญ่ไพศาลพลางพึมพำ เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเล็กน้อยสำหรับเขา เนื่องจากหอคัมภีร์นี้ไม่ใช่หอหนังสือ ซึ่งเขาไม่เห็นทักษะเทพอะไรอยู่ที่นี่สักเล่มเลย
ฮึ่ม
ขณะที่มู่เฉินกำลังงงงวยท้องฟ้าก็สั่นไหว จากนั้นเสียงครางกระหึ่มก็ดังขึ้น เกลียวแสงนับไม่ถ้วนพุ่งลงมา
เมื่อมู่เฉินเข้ามาใกล้ก็ตระหนักได้ว่าเส้นแสงเหล่านั้นเป็นสีของดาวหาง ซึ่งมีหลากหลายสีดูงดงามมาก
ทว่าเมื่อมองเข้าไปใกล้ดวงตาของมู่เฉินก็ต้องหดเกร็ง เมื่อพบว่าดาวหางเหล่านั้นไม่ใช่อุกกาบาต แต่เป็นม้วนคัมภีร์
“ที่แท้พวกคัมภีร์เทพและทักษะลับเหล่านั้นก็คือดาวหางสินะ?”
มู่เฉินอึ้งไปก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่ไร้ขอบเขต แสงหลิงควบแน่นในดวงตาและเขาก็สังเกตเห็นว่าดวงดาวเหล่านั้นเป็นม้วนคัมภีร์ที่มีความผันผวนคลุมเครือและลึกซึ้งที่เล็ดลอดออกมา
ชัดว่าดวงดาวเหล่านี้ก็คือคัมภีร์เทพและทักษะลับต่างๆ
“จำนวนมากมายขนาดนี้ แล้วร่างเทพสุริยะนิรันดร์อยู่ที่ไหนกัน?” มู่เฉินขมวดคิ้ว หอคัมภีร์เทพซ่อนกว้างใหญ่เหลือคณนา ตามการคาดการณ์ของเขาสมบัติที่อยู่ในนี้อาจเทียบได้กับเผ่าโบราณเลยทีเดียว
หากไม่มีคำแนะนำใดๆ คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะพบร่างเทพสุริยะนิรันดร์
ทว่าแม้เขาจะรู้สึกกังวลเล็กน้อยแต่ก็ไม่ยอมแพ้ หลังจากไตร่ตรองชั่วครู่มู่เฉินก็ไม่ลังเล ร่างกลายเป็นร่างแสงทะยานไปยังดาวหางเหล่านั้น
วาบ! วาบ!
ขณะที่เขาเดินทางไปท่ามกลางดาวหาง เขาก็มุ่งความสนใจไปที่การรับรู้ ในเมื่อตัวเขาฝึกฝนร่างเทพสุริยะก็น่าจะมีการเชื่อมโยงลึกลับกับร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ถ้าอยู่ใกล้ๆ เขาอาจจะรู้สึกได้
ขณะที่ค้นหามู่เฉินไม่ได้ถูกล่อลวงโดยคัมภีร์เทพทรงพลังเหล่านั้น เนื่องจากเขาไม่แน่ใจว่าจะได้รับตัวเลือกกี่ชิ้นในหอคัมภีร์เทพซ่อน ดังนั้นหากเขาเลือกแบบสะเปะสะปะก็อาจถูกเตะโด่งออกไป ลำไส้ของเขาคงกลายเป็นสีเขียวคล้ำจากความเสียใจแน่นอน
ดังนั้นในกรณีที่ไม่แน่ใจ เขาจึงเลือกทำตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ก่อน
เขาคล้ายกับนักเดินทางระหว่างดวงดาว เขาสูญเสียแนวคิดเรื่องเวลาและค้นหาสิ่งที่ต้องการอย่างดื้อรั้น
ภายใต้การเดินทางอย่างต่อเนื่อง เขาได้เห็นคัมภีร์เทพมากมายซึ่งทั้งหมดอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่เขาก็ยอมแพ้โดยไม่ลังเลใดๆ
เวลาผ่านต่อไปเรื่อยๆ
ตอนนี้มู่เฉินปรากฏตัวต่อหน้าดวงดาวลุกโชติช่วงขนาดใหญ่ที่ราวกับเปลวไฟ ทำให้มิติบิดเบี้ยวจากอุณหภูมิที่สูง
มู่เฉินมองไปที่ม้วนคัมภร์ภายใน มีมังกรเพลิงสลักอยู่บนนั้นพร้อมข้อความโบราณที่สามารถมองเห็นได้อย่างคลุมเครือ
คัมภร์มังกรเพลิงดับโลกา วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็ม
มู่เฉินหรี่ตาลง ไม่คิดว่านี่จะเป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็ม…ต้องรู้ว่ากระทั่งเขายังฝึกฝนหมัดปีศาจพลีชีพที่ยังไม่สมบูรณ์เท่านั้น
ถ้าหมัดปีศาจเป็นวิชาที่สมบูรณ์ก็อาจเทียบได้กับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็ม แต่พลังที่ไม่สมบูรณ์นี้ก็คล้ายกับวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเล็กเท่านั้น
วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็มเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายยังถูกดึงดูดมาได้
มู่เฉินมองไปที่ดวงดาวพลางสัมผัสถึง เขาน่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงหากต้องการได้มา
ทว่ามู่เฉินลังเลชั่วครู่ก็หันจากไป แม้ว่าวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นเต็มจะมีค่า แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสั่นคลอนหัวใจของเขาได้
การสูญเสียแนวคิดเรื่องเวลาเป็นกระบวนการที่ช้าและเปล่าเปลี่ยวขณะที่เขาเดินทาง แต่เขาก็ไม่ได้ใจร้อนหรือวิตกกังวล ยังคงรักษาใจตนเองไว้มั่น
ทว่าทักษะที่เขาตามหาก็ยังไม่ปรากฏ
ทันใดนั้นมู่เฉินก็หยุดมองไปที่ทางช้างเผือกไร้ขอบเขต บางทีอาจมีร่างเทพสุริยะอยู่ท่ามกลางพวกมันเขา แต่เขารู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพบถ้าเขาเป็นฝ่ายหา
เขามีความเข้าใจบางอย่างในใจ ร่างเทพสุริยะเป็นร่างต้นเมื่อวิวัฒนาการจะกลายเป็นร่างเทพสุริยะนิรันดร์ซึ่งเป็นร่างกลางและระยะพัฒนาร่างสุดท้ายก็คือ—ร่างมหาเทพนิรันดร์ในตำนานซึ่งเป็นหนึ่งในห้าร่างมหาเทพปฐมกาลแห่งมหาพันภพ
ดังนั้นมันจึงควรได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในอันดับต้นๆ ของหอคัมภีร์เทพซ่อน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะพบสมบัติเช่นนี้หากเขาค้นหา
เว้นแต่มันจะเต็มใจที่จะปรากฏเอง
มู่เฉินหลุบตาลงจากนั้นก็นั่งลงพร้อมกับแสงหลิงไร้ขอบเขตจะพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาก่อนที่จะรวมตัวเป็นเงาสีทองขนาดใหญ่
ดวงตะวันสีทองสว่างไสวปรากฏขึ้นด้านหลังศีรษะของภาพเงานั้น นี่ก็คือร่างเทพสุริยะมู่เฉิน
ยามนี้ร่างเทพสุริยะนั่งอยู่ในความว่างเปล่าในท่าทางเดียวกับมู่เฉิน แสงสีทองไร้ขอบเขตพลุ่งพล่านออกมาจากดวงตะวันด้านหลังศีรษะ
มู่เฉินดำดิ่งลงสู่ความเงียบ เขาล้มเลิกความตั้งใจที่จะค้นหา แต่ตัดสินใจปล่อยร่างเทพสุริยะออกมาเพื่อล่อเหยื่อ
ทั่วบริเวณเงียบงัน
เวลาไหลช้ามาก ราวกับเวลาถูกแช่แข็งซึ่งทำให้มู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองเดินผ่านกาลเวลามาหลายปี
ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนบ้าคลั่งได้
เวลาผ่านไป มู่เฉินใช้คลื่นหลิงเพื่อคงร่างเทพสุริยะอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกอ่อนล้าแล้ว
ในมิติแห่งนี้ เขาสูญเสียคลื่นหลิงไปมาก มิหนำซ้ำยังไม่สามารถดูดซับคลื่นหลิง ส่วนร่างเทพสุริยะยังคงต้องใช้คลื่นหลิงต่อไป
ทว่ามู่เฉินก็ไม่ยอมแพ้ เขาเทพลังงานทั้งหมดในร่างกายไปยังร่างเทพสุริยะ
หลังจากนั้นก็เหมือนผ่านไปนาน
แสงหลิงรอบตัวมู่เฉินสลัวลงเต็มที่ ร่างเทพสุริยะก็สูญเสียความแวววาวราวกับว่าจะหายไปในไม่ช้า
ทว่าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ที่มู่เฉินรอคอยอย่างอดทนก็ยังคงไม่ปรากฏขึ้น
“ใช้ไม่ได้เหรอ…?”
มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้แม้แต่คนที่ดื้อรั้นอย่างเขายังรู้สึกผิดหวังและเริ่มสงสัยวิธีการที่ใช้ แต่ครู่ต่อมาเขาก็หลุบตาลง จากนั้นก็เทพลังงานสายสุดท้ายลงไปในร่างเทพสุริยะ
ร่างยิ่งใหญ่สว่างจ้าขึ้นอีกครั้ง แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราว หลังจากนั้นก็เริ่มสลัวลงอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ร่างยิ่งใหญ่กลายเป็นภาพลวงตามากขึ้น สุดท้ายก็จางหายไปเนื่องจากใช้พลังงานหมดแล้ว
มู่เฉินก็อ่อนล้าจากการสูญเสียพลังงาน ภาพเบื้องหน้าค่อยๆ มืดลง ดวงตาก็เริ่มปิด
ทว่าขณะที่มู่เฉินกำลังจะตกลงไปในความมืดมิด ความผันผวนแปลกประหลาดก็แพร่กระจายออกมาในหัวใจของเขา
การรับรู้ที่ไม่รู้จักพุ่งเข้ามาในหัวใจเขา
มู่เฉินลืมตาขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าขณะมองไปที่เบื้องหน้า
เวลานี้ดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าโดยที่เขาไม่รู้ตัว ดูราวกับหลอมจากทองคำช่างรกร้างและเก่าแก่พร้อมกับแสงสีทองไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมา
ในดวงดาวนั้นมู่เฉินเห็นหน้ากระดาษสีทองที่มีลวดลายโบราณดังเดิมอยู่บนนั้น
ลวดลายทุกลายดูเหมือนว่าถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติโดยสวรรค์และโลก ราวกับมีพลังแปลกประหลาดที่เรียกลมสั่งฝนได้
สายตาของมู่เฉินจับจ้องไปที่หน้ากระดาษทองคำ เขามองเห็นคำศัพท์โบราณลอยไปมาอย่างช้าๆ
ร่างเทพสุริยะนิรันดร์
พักใหญ่มู่เฉินก็ยิ้มอ่อนโยนก่อนที่จะลดศีรษะลงและกำหมัดแน่น ขณะนี้เขาสูญเสียการควบคุมจากความสุขและหมัดก็สั่นเทิ้มเล็กน้อย
มู่เฉินสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น
เขารอและทำงานหนักมานานแค่ไหนเพื่อวันนี้?
มองไปที่หน้ากระดาษทองคำ ในที่สุดมู่เฉินก็รู้ว่าหลายปีที่ผ่านมาตัวเองเติบโตขึ้นมาก
เขายิ้มลุกขึ้นเดินเข้าไปในดวงอาทิตย์สีทองขณะไพล่มือข้างหนึ่งไว้ด้านหลัง
ร่างเทพสุริยะนิรันดร์
ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว!