หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1174 การต่อสู้เข้มข้น
ฟู่ ฟู่!
กระแสพลังสีดำราวกับอสรพิษโอบรอบร่างจาโหลหลัว เขาคำรามลั่นพร้อมกับคลื่นกระแทกกระจายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้มิติโยกคลอน
ตู้ม!
ร่างจาโหลหลัวกลายเป็นสีดำ ยืนตระหง่านบนพื้นดินราวกับเทพปีศาจ รัศมีช่างครอบงำ ตอนนี้เพียงแค่ความแข็งแกร่งของพลังกายอย่างเดียวก็เทียบเท่าระดับจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มแล้ว
มู่เฉินมองไปที่จาโหลหลัวด้วยสายตาเคร่งเครียดลง พลังกายของจาโหลหลัวน่าจะแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาจอมยุทธ์ที่เขาเคยเห็นในรุ่นเดียวกันแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะกายามังกรหงส์ได้รับการขัดเกลาจากพิธีชำระล้างทะเลสาบสวรรค์ละก็ เขาอาจไม่มีความมั่นใจที่จะเอาชนะจาโหลหลัวได้ในด้านพลังกาย
ตึง!
ขณะที่ร่างกายของมู่เฉินเกร็งขึ้น จิตสังหารก็พุ่งขึ้นในดวงตาของจาโหลหลัว จากนั้นจาโหลหลัวก็กระทืบเท้าหายวับไป
ฮึ่ม!
แสงสีทองระเบิดออกมาจากร่างกายมู่เฉิน เขาไม่ได้ตกใจกับการเคลื่อนไหวของจาโหลหลัว เขากำปั้นซัดออกไปทางด้านขวา
เมื่อเหวี่ยงแขนออกไป จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่ขดอยู่บนแขน ก็ส่งเสียงคำรามรุนแรงพร้อมกับพลังที่สามารถทำลายภูเขาได้
เมื่อมู่เฉินชกออกไป เขาก็เห็นแสงสีดำวาบตรงหน้าซัดหมัดเข้าใส่เขาพร้อมเกลียวแสงสีดำ
ครืน!
หมัดสองหมัดปะทะกันราวกับว่าเป็นอุกกาบาตพุ่งชนกัน
คลื่นกระแทกที่มองเห็นได้แผ่กระจายออกไป มิติส่งเสียงครางกระหึ่มขณะบิดเบี้ยวไปมารอบๆ หมัดทั้งสอง นอกจากนี้ยังมีรอยแตกแผ่ซ่านคล้ายกับใยแมงมุม
พลังที่น่ากลัวโหยหวนทำให้มู่เฉินและจาโหลหลัวกระเด็นออกไปหลายพันเมตรจากคลื่นกระแทก
วาบ!
ทว่าทันทีที่ทั้งคู่ทรงตัวได้ พวกเขาก็พุ่งออกมาปานสายฟ้าอีกครั้ง
ปัง! ปัง!
ร่างสองร่างวูบไหวไปมาตลอดเวลารอบจัตุรัสพร้อมกับหมัดปะทะกันตูมตาม พวกเขาไม่ได้ใช้พลังงานหลิงมากนัก แต่อาศัยพลังกายล้วนๆ
ทว่าแม้พวกเขาจะไม่ได้ใช้พลังงานหลิงแต่คลื่นกระแทกจากการปะทะก็ทำให้ใบหน้าของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มเปลี่ยนเป็นสีซีดเผือดได้เลยทีเดียว
ในมุมมองของจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าระยะเต็มหลายคน พลังกายของทั้งสองจัดอยู่ในพวกสัตว์ประหลาด
ในเวลาร้อยลมหายใจพวกเขาก็แลกกระบวนท่ากันไม่รู้กี่ร้อยกระบวนท่าแล้ว การโจมตีของพวกเขาดุร้ายและเชี่ยวชาญพุ่งเป้าไปที่จุดตายของกันและกัน
ตู้ม!
อีกครั้งที่ทั้งสองกระเด็นกลับมาจากการปะทะรุนแรง รอยเท้ายาวลากไปบนลานจัตุรัสสีทอง
ขณะนี้แขนเสื้อพวกเขาฉีกออกเป็นชิ้นๆ มีรอยเลือดที่แขนซึ่งเกิดจากคลื่นกระแทกที่น่ากลัวจากการปะทะกัน ทว่าด้วยพลังกายของทั้งสองคน แค่นี้สบายมาก
แต่กระนั้นการหายใจของทั้งสองก็หนักขึ้นเล็กน้อย การประจัญบานก่อนหน้าทำให้พวกเขาต้องรักษาระดับสมาธิไว้ที่จุดสูงสุด
เผชิญหน้ากับศัตรูแบบนี้ ทั้งคู่ไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย
ดวงตาของจาโหลหลัวจับจ้องไปที่มู่เฉิน ฝ่ามือลูบบนแขน บาดแผลของเขาก็หายไปหมด เขาพูดด้วยน้ำเสียงน่าขนลุก “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเซี่ยหยู่ถึงตายด้วยน้ำมือแก ดูท่าว่าแกมีความสามารถบางอย่างจริงๆ”
จากการแลกกระบวนท่าเมื่อครู่เขาดึงการดูถูกทั้งหมดในใจลง มู่เฉินมีคุณสมบัติที่จะเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา เช่นเดียวกับที่เขารู้สึกเมื่อเผชิญหน้ากับจู้เยี่ยน
สายตาของมู่เฉินยังคงไม่แยแสขณะแสงสีทองเอิบอาบทั่วร่างกาย จิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงที่ขดอยู่รอบร่างเขาก็จ้องไปที่จาโหลหลัวเขม็ง
จาโหลหลัวหัวเราะเยาะกับภาพนี้ “แต่ไม่ว่าแกจะโดดเด่นแค่ไหน วันนี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้และคนคนนั้นไม่ใช่แก!”
ตู้ม!
พูดจบทันใดนั้นเขาก็เหวี่ยงหมัดออกมาซึ่งมีพลังหลิงเชี่ยวกรากรวมกันภายใต้นั้น เปลี่ยนหมัดให้กลายเป็นภาพกว้างหมื่นจั้งราวกับกับสัตว์อสูรร้ายสีดำก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่มู่เฉิน
เวลานี้ในที่สุดจาโหลหลัวก็เริ่มใช้คลื่นหลิงแล้ว ชัดว่าเขาไม่ต้องการที่จะลากศึกนี้ออกไปอีก
เงาสีดำปกคลุมไปทั่ว สายตาของมู่เฉินก็หดลง มิติด้านหลังเขาผันผวน จุดจื้อจุนไห่ปรากฏขึ้นเลือนรางพร้อมกับคลื่นหลิงไร้ขอบเขตแผ่ออกไป
มู่เฉินผลักฝ่ามือทั้งสองออกไป ทันใดนั้นคลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็กวาดออกกลายเป็นปราการขนาดใหญ่นับหมื่นจั้งพร้อมกับจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริงบินฉวัดเฉวียนอยู่ด้านบน เร้าพลังป้องกันถึงจุดสูงสุด
ตู้ม!
หมัดรุนแรงปะทะเข้ากับปราการ แต่ก็ทำให้ปราการเกิดการสั่นสะท้านเท่านั้น พลังไม่เพียงพอที่จะทำลายลงได้
แต่ถึงอย่างนั้นมู่เฉินก็ไม่ได้ผ่อนคลายเพราะเขารู้ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
ครืน! ครืน!
ขณะที่ความคิดนี้วาบผ่านในใจ เสียงฟ้าคำรนไม่มีที่สิ้นสุดก็ดังขึ้นในมิตินี้ มู่เฉินเงยหน้าขึ้นเห็นอุกกาบาตสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากท้องฟ้า
นี่คืออุกกาบาตที่เกิดจากหมัดซึ่งต้องการจะทำลายล้างทุกสรรพสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าทั้งหมด
ปัง! ปัง!
ระลอกคลื่นรุนแรงแผ่กระจายออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ จากปราการขนาดใหญ่เมื่อหมัดซัดลงมา
ทว่าด้วยการเสริมของจิตวิญญาณมังกรแท้จริงและหงส์ฟ้าแท้จริง ทำให้ความสามารถในการป้องกันของปราการทรงพลังอย่างยิ่ง แม้ว่าจะเต็มไปด้วยรอยแตกเมื่ออุกกาบาตลูกสุดท้ายซัดลงมา แต่ปราการก็ยังคงยืนที่เบื้องหน้ามู่เฉินอย่างสง่างาม
ทว่าเวลานี้เองหัวใจของมู่เฉินก็โลดขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายยิ่งใหญ่ เขารีบเงยหน้าขึ้นก็เห็นจาโหลหลัวยืนอยู่บนเสาสีทองต้นหนึ่งมือทั้งสองข้างสร้างตราประทับแปลกประหลาด
คลื่นหลิงไร้ขอบเขตรอบตัวคำรามราวกับมหาสมุทรสีดำ ดูน่ากลัวอย่างยิ่ง
จาโหลหลัวมองไปที่มู่เฉินด้วยสายตาเยาะเย้ย จากนั้นมือทั้งสองก็เคลื่อนไหว ทันใดนั้นมหาสมุทรสีดำก็พวยพุ่งพร้อมกับบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวภายใน ความผันผวนที่น่ากลัวแพร่กระจายออกไป
ขณะนี้ใบหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดถึงขีดสุด
“ข้ารู้ว่าแกรับมือได้ยาก ดังนั้นข้าไม่ได้คาดหวังว่าการโจมตีนั้นจะเป็นภัยคุกคามกับแก นั่นมีไว้เพื่อซื้อเวลาให้ข้าเท่านั้น” จาโหลหลัวยิ้มก่อนจะเหยียดนิ้วออกแตะลงบนมหาสมุทรสีดำ
“วิทยายุทธระดับเสินทง คัมภีร์เซิ่งหมัว หัตถ์เทพปีศาจ!”
ตู้ม!
ทันใดนั้นมหาสมุทรสีดำก็ฉีกออกจากกัน รัศมีสีดำทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่จะกลายเป็นมือสีดำที่ดูเหมือนว่าแหวกออกมาจากนรกโอบล้อมเขาไว้
มือสีดำโอบล้อมพื้นที่ทั้งหมดทำให้การหลบหนีเป็นไปไม่ได้เลย
หัวใจของมู่เฉินสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ จากการตัดสินด้วยพลังอำนาจ นี่จะต้องเป็นวิทยายุทธระดับเสินทงที่แท้จริง!
ไม่คิดว่าจาโหลหลัวจะฝึกวิทยายุทธระดับเสินทงสำเร็จ!
สีหน้าของมู่เฉินเคร่งเครียดมากก่อนที่จะหายใจเข้าลึก ดวงตาปิดลงก็เบิกโพลงขึ้นทันที สีนัยน์ตาทั้งสองข้างเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ จิตสังหารน่าสะพรึงระเบิดออกมาจากในใจ
มู่เฉินยืนนิ่งขณะมองมือขนาดใหญ่ ขณะนี้รัศมีที่น่าสะพรึงกลัวระเบิดเปรี้ยงปร้างจากร่างกายไม่หยุด
เมื่อรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงกะทันหันของมู่เฉิน ม่านตาจาโหลหลัวก็หดลง จากนั้นเขาก็เห็นมู่เฉินถอยหลังไปครึ่งก้าว ร่างโค้งไปทางด้านหลังเหวี่ยงหมัดข้างขวาออกมา
ขณะเดียวกันเสียงทุ้มต่ำก็ดังก้อง
“หมัดปีศาจพลีชีพ!”
มู่เฉินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เมื่อเทียบกับมือขนาดใหญ่เขาตัวเล็กเหมือนมด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพุ่งเข้าไปอย่างไม่กลัวเกรง กำปั้นของเขาปะทะกับมือขนาดมหึมานั่น
ฮึ่ม!
วินาทีที่ปะทะกันทั่วบริเวณก็เงียบงัน
ทว่าท่ามกลางความเงียบงัน รอยแตกก็เริ่มกระจายออกไปในอากาศ ดูราวกับมังกรมหึมากำลังกางกรงเล็บปลดปล่อยดระลอกคลื่นสั่นไหว
ตู้ม!
ท่ามกลางการปะทะที่เงียบงัน มิติก็สั่นสะเทือนเลื่อนลั่น อึดใจถัดมามือขนาดใหญ่ก็สั่นสะท้านก่อนที่จะแตกเป็นเสี่ยงๆ
แต่เมื่อมือขนาดใหญ่แตกสลาย มู่เฉินก็ถูกกระแทกไปข้างหลังชนกับเสาสีทองจนเสาแตกเป็นฝุ่นสีทองลอยอยู่ในอากาศ
ไกลออกไปแม้ว่าจาโหลหลัวจะไม่ได้ถอยไป แต่เสาที่อยู่ใต้เท้าเขาก็กลายเป็นฝุ่น ใบหน้าเขาดูเคร่งขรึม
ฝุ่นสีทองฟุ้งไปทั่ว
มู่เฉินทรงตัวขณะมองไปที่จาโหลหลัว ทั้งคู่มีรอยเลือดไหลออกมาจากมุมปาก
ชัดว่าพวกเขาได้รับผลกระทบจากการปะทะกันของวิทยายุทธระดับเสินทง
สายตาของจาโหลหลัวมืดครึ้ม เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้คัมภีร์เทพแล้วไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้
มู่เฉินก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เนื่องจากหมัดปีศาจพลีชีพก็ล้มเหลวเป็นครั้งแรกเช่นกัน
ศัตรูตัวฉกาจจริงๆ!
ทั้งสองมีความคิดเดียวกันในใจ!
ดังนั้นตราประทับสีดำจึงปรากฏขึ้นในมือของจาโหลหลัวในอึดใจต่อมา
ส่วนพัดขนนกสีฟ้าอมเขียวก็ปรากฏในมือของมู่เฉิน