หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1191 จัดการ
“จักรพรรดิฟ้าสิ้นชีพแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อสิ้นเสียงเซียวเหยียน หัวใจของมู่เฉินและมั่นถัวหลัวก็สั่นไหว โดยเฉพาะมั่นถัวหลัวถึงกับไม่สามารถระงับอารมณ์เอ่ยถามออกมา
เซียวเหยียนกับหลินต้งแลกเปลี่ยนสายตากันแวบหนึ่งตอบว่า “จักรพรรดิฟ้าสิ้นชีพแล้ว แต่เขาทิ้งรอยประทับไว้เบื้องหลังเพื่อเฝ้ามองผนึก”
ใบหน้าของมั่นถัวหลัวมืดมนลงด้วยความปวดใจ นั่นเพราะจักรพรรดิฟ้าเปรียบเสมือนบิดาของนาง
เมื่อเซียวเหยียนเห็นการแสดงออกของมั่นถัวหลัว เขาก็รู้ว่านางมีความสัมพันธ์บางอย่างกับจักรพรรดิฟ้า แต่กระนั้นก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ เขาจึงหันไปที่กะโหลกศีรษะสีดำขนาดใหญ่ในจัตุรัส
“นั่นคือจักรพรรดิฟ้าเหรอ?” มู่เฉินตะลึงใจ ตอนแรกพวกเขาคิดว่ากะโหลกศีรษะสีดำนั่นเป็นราชันปีศาจ สุดท้ายไม่คิดว่ากลับเป็นร่างจักรพรรดิฟ้าที่เป็นราชันปีศาจ
เซียวเหยียนพยักหน้า “จอมปีศาจทุนเทียนฉลาดแกมโกง ไม่เพียงแต่จะปรากฏตัวในรูปลักษณ์จักรพรรดิฟ้าเท่านั้น มันยังเปลี่ยนศพของจักรพรรดิฟ้าให้เป็นอย่างนี้หวังให้คนอื่นทำลาย”
พูดจบเปลวไฟแวววาวก็กวาดออกมาจากแขนเสื้อเผากะโหลกศีรษะสีดำ รัศมีปีศาจก็ค่อยๆ ระเหยหายไป
เมื่อกะโหลกละลายหายไป แสงประกายไฟระยิบระยับก็รวมตัวกันกลายเป็นร่างเงานึง
ร่างเงานี้สวมชุดสีขาวดูสบายเป็นอิสระ ทว่าก็มีแรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายอยู่เลือนรางราวกับจักรพรรดิที่ผู้คนต้องเคารพยำเกรง
ทุกคนมองร่างเงานั้นด้วยความเคารพและใคร่รู้ นั่นคือเจ้าวังสวรรค์บรรพกาล—จักรพรรดิฟ้าเหรอ?
“ไม่คิดว่าต่อให้สละชีพปิดผนึกก็ยังไม่สามารถฆ่ามันได้ มิหนำซ้ำหลังจากผ่านมาหมื่นปียังต้องให้คนรุ่นหลังช่วยจัดการ ข้ารู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง” เมื่อร่างเงาสีขาวปรากฏขึ้นก็มองไปที่ลูกทรงกลมสีฟ้าอมเขียวในมือของหลินต้งพลางถอนหายใจ
“ท่านผู้อาวุโสทำดีที่สุดแล้ว เราได้รับความกรุณาจาท่าน ดังนั้นก็เป็นเรื่องปกติที่จะต้องช่วยเหลือ” พบปะกับยอดยุทธ์แห่งยุคโบราณผู้นี้ แม้แต่เซียวเหยียนกับหลินต้งก็ยังประสานมือด้วยความเคารพอย่างสูงให้
พวกเขาเป็นจอมยุทธ์ที่มีความภาคภูมิใจ ในมหาพันภพต่อให้เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนระดับเดียวกันยังไม่อาจได้รับความเคารพนี้ แต่สำหรับจักรพรรดิฟ้าที่ใช้ชีวิตผนึกจอมปีศาจเพื่อปกป้องโลก เจตจำนงนี้คือสิ่งที่สมควรได้รับความเคารพอย่างสูงสุด
มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็โค้งคำนับแสดงความขอบคุณบรรพบุรุษซึ่งครั้งหนึ่งเคยปกป้องโลกไว้
จักรพรรดิฟ้ากวาดมองทุกคนด้วยความยินดี ก่อนที่จะมองเซียวเหยียนและหลินต้ง “ตอนที่มหาพันภพพยายามต่อสู้กับเผ่าปีศาจต่างมิติ จอมยุทธ์ชั้นยอดหลายคนจบชีวิตลง ส่งผลให้เกิดการสูญเสียรุนแรง ไม่คิดเลยว่าหมื่นปีต่อมาจะมีจอมยุทธ์ที่โดดเด่นเช่นนี้ในมหาพันภพปรากฏขึ้นอีก ดูเหมือนว่าจักรวาลนี้ยังไม่หมดโชค”
แม้ว่าจักรพรรดิฟ้าปัจจุบันจะเป็นเพียงร่างดวงจิต แต่ก็เคยเป็นมหาอำนาจสูงสุดในมหาพันภพ ดังนั้นสายตาจึงแหลมคมนักและสามารถบอกได้ว่าชายทั้งสองคนทรงพลังแค่ไหน
ตามการคาดการณ์กระทั่งตัวเขาก็ยังไม่อาจเอาชนะทั้งสองแม้จะอยู่ในจุดสูงสุด ซึ่งทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งและพอใจในเวลาเดียวกัน ดูเหมือนว่าหลังจากสงครามครั้งนั้นมหาพันภพก็ไม่ได้เสื่อมถอย กลับยังต้อนรับยุคใหม่แห่งความรุ่งโรจน์
เซียวเหยียนและหลินต้งถ่อมตน ก่อนจะส่งมอบจอมปีศาจทุนเทียนโดยตั้งใจจะให้จักรพรรดิฟ้าจัดการกับศัตรูคู่แค้นด้วยตนเอง
จักรพรรดิฟ้ารับลูกทรงกลมมา ใบหน้าชั่วร้ายในนั้นก็จับจ้องมาอย่างอาฆาตแค้น ก่อนที่จะคำรามลั่น “ไอ้จักรพรรดิฟ้า ศึกระหว่างเราถ้าไม่มีคนอื่นเข้ามายุ่งเกี่ยว สุดท้ายแกก็แพ้!”
เมื่อจักรพรรดิฟ้าได้ยินคำพูดนั่นก็ยิ้ม “ไม่หรอก เผ่าปีศาจทุนหมัวรวมพลังทั้งหมดถึงได้สร้างคนระดับแกขึ้นมา ตอนแรกแกเป็นถึงหนึ่งในสิบอันดับแรกของจักรวรรดิปีศาจ หากแกหนีไปตอนนั้น มหาพันภพก็จะได้รับแรงกดดันมหาศาล ในเมื่อข้าสามารถผนึกแกไว้ได้เนิ่นนาน ตัวข้าก็บรรลุวัตถุประสงค์แล้ว”
“ดูสิ มหาพันภพของข้ายังยืนหยัดสร้างจอมยุทธ์ทรงพลังจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้นข้าไม่ใช่คนที่แพ้”
เมื่อจอมปีศาจทุนเทียนได้ยินคำพูดนั่นก็โกรธพร้อมกับโหมกระหน่ำรัศมีปีศาจเดือดพล่าน ทว่าก็ติดอยู่บนแสงสีฟ้าอมเขียวที่ห้อมล้อมไว้
เซียวเหยียนและหลินต้งแลกเปลี่ยนสายตากัน แต่ทั้งสองก็ยังนิ่งเงียบ จักรพรรดิฟ้าไม่ทราบว่าแม้มหาพันภพจะหยุดยั้งการล้างผลาญจากจักรวรรดิปีศาจต่างมิติได้ แต่ก็ยังถูกยึดครองแผ่นดินไปเกือบครึ่งหนึ่ง ในช่วงหมื่นปีที่ผ่านมาเผ่าปีศาจต่างๆ ยังคงมองมหาพันภพอย่างหิวกระหาย
สงครามในตอนนั้นมหาพันภพไม่ถือว่าชนะ พูดได้แค่ว่าจ่ายราคามหาศาลถึงหยุดเผ่าปีศาจต่างมิติไว้ได้ นอกจากนี้พวกเขารู้ว่าเผ่าปีศาจไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ ถ้าพวกมันบุกโจมตีอีกครั้ง หายนะมาเยือนแน่นอน
แต่เมื่อคิดถึงจุดนี้เซียวเหยียนและหลินต้งก็ยิ้มบาง พวกเขาไม่ได้อยู่ในสงครามครั้งก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงอยากเห็นว่าจักรวรรดิปีศาจต่างมิติมีความสามารถเพียงใดเมื่อสงครามเริ่มต้นอีกครั้ง
จักรพรรดิฟ้ามองไปที่เซียวเหยียนและหลินต้งด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปมองร่างเล็กกะทัดรัดด้วยดวงตาพรั่งพรูไปด้วยความยินดี
“มั่นถัวหลัว ดีจริงที่เจ้าปลอดภัย”
มั่นถัวหลัวมองจักรพรรดิฟ้าอย่างเหม่อลอย ดวงตาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ หัวใจพลุ่งพล่านด้วยอารมณ์ห่วงหาอาทร นางก้าวย่างออกไปพร้อมกับยื่นมือเล็กกุมมือจักรพรรดิฟ้าเอาไว้
จักรพรรดิฟ้าลูบศีรษะนางเบาๆ ราวกับว่ากำลังแตะต้องดอกไม้น้อยในอดีต
จักรพรรดิฟ้ายิ้มให้มั่นถัวหลัวก่อนที่จะมองไปที่มู่เฉิน “ย้อนกลับไปในอดีตถึงแม้จะมีจอมยุทธ์โดดเด่นมากมายในวังของข้า แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถสร้างร่างเทพสุริยะนิรันดร์ได้ สวรรค์ไม่ได้รังแกข้านัก ทำให้ข้าได้อยู่จนเห็นวันนี้”
“ข้าโชคดีที่ได้รับสิ่งที่ท่านทิ้งไว้เพื่อสร้างร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ข้าจะไม่มีวันลืมพระคุณอันยิ่งใหญ่นี้!” มู่เฉินคำนับจักรพรรดิฟ้า ถ้าไม่ใช่จักรพรรดิฟ้าทิ้งวิธีการชำระร่างเทพสุริยะนิรันดร์ไว้เบื้องหลัง เขาก็ไม่รู้ว่าต้องหาอีกนานแค่ไหน
จักรพรรดิฟ้ายิ้มพยักหน้ายื่นมือออกมา “เจ้าหนุ่ม ขอยืมกระบี่เกล็ดจักรพรรดิหน่อย”
มู่เฉินส่งกระบี่คืนให้อย่างรวดเร็ว
จักรพรรดิฟ้ารับกระบี่มา สร้างตราประทับด้วยมือข้างเดียวขณะที่จ้องมองจอมปีศาจทุนเทียนอย่างไม่แยแส
เมื่อรู้สึกถึงความตาย จอมปีศาจทุนเทียนแผดร้องอย่างตื่นตระหนก ทว่าจักรพรรดิฟ้าก็ไม่ได้ให้ความสนใจอีกฝ่ายเลยสักนิด กระบี่เกล็ดจักรพรรดิเฉือนลงไป ดวงดาวนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นพร้อมกับพลังงานน่าสะพรึงบรรจุอยู่ในดาวทุกดวง
จักรพรรดิฟ้ามีเพียงร่างดวงจิตที่เหลืออยู่เท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายจอมปีศาจทุนเทียนโดยธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องยืมพลังกระบี่เกล็ดจักรพรรดิ
ชี่ ชี่!
ดวงดาวพร่างพราวนับไม่ถ้วนเจาะเข้าในรูปทรงกลม กรีดตัดร่างปีศาจภายในทันที เสียงคำรามดังสะท้อนขณะที่ร่างจางหายไป
“อย่าได้ผยอง! ครั้งก่อนกองทัพจักรวรรดิปีศาจยังไม่ได้เคลื่อนพลเต็มกำลัง ครั้งต่อไปที่บุกเข้ามาจะเป็นวันโลกาพินาศของพวกแก!”
เสียงคำรามดังสะท้อน จอมปีศาจทุนเทียนที่อยู่ภายในได้ถูกทำลายสิ้นซาก ไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่านสลายกลายเป็นว่างเปล่า
ฮึ่ม!
ขณะที่จอมปีศาจทุนเทียนถูกสังหาร ทันใดนั้นร่างเงาที่ชายขอบสุสานจักรพรรดิฟ้าก็ทะยานออกไปตั้งใจที่จะหนี
ทว่าเสียงคุ้นเคยและไม่แยแสก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าขณะที่ร่างนั้นกำลังจะหนีไป
“เจ้าขาดเขลานัก ถ้าเจ้าแค่ซ่อนตัวและหลบหนีจากการต่อสู้ยังให้อภัยได้ แต่เจ้ากลับถูกล่อลวงโดยปีศาจ พยายามทำให้มันเป็นอิสระ โทษทัณฑ์เจ้าหนักหนานัก”
เสียงเรียบเฉยทำให้ลู่หยวนหวาดผวาทันที เขาไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น รัศมีปีศาจพวยพุ่งออกมาจากร่างกลายเป็นเจียว ร่างกายเดิมของลู่หยวนคือเจียวโลหิตโบราณ แต่เนื่องจากเขาถูกปีศาจครอบงำจึงกลายเป็นเจียวปีศาจไปแล้ว
เมื่อกลับไปเป็นร่างเดิม ลู่หยวนก็กวาดหางเพื่อสลายมิติพยายามที่จะหลบหนี
ฟิ้ว!
แต่ทันใดนั้นแสงผลึกอัญมณีใสก็พุ่งลงมาจากฟากฟ้า รัศมีกระบี่คมฉีกผ่านสวรรค์และโลก ราวกับกระบี่โบราณทอดลงมาแทงทะลุศีรษะของลู่หยวนตอกร่างเขาลงไปกับพื้น
รัศมีกระบี่ระเบิดออกมา ก่อนที่ลู่หย่วยจะทันได้ร้องขอชีวิต เขาก็ถูกสังหารกระทั่งวิญญาณก็สลายหมดสิ้น
จักรพรรดิฟ้าโกรธแค้นกับการทรยศของลู่หยวนมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ระงับใจ แม้ว่าจะเป็นปัญหาเล็กน้อยสำหรับเขาในการจัดการกับจอมปีศาจทุนเทียน แต่ก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยที่จะทำลายล้างจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ดังนั้นลู่หยวนจึงได้แต่รับความตายไปโดยไม่ได้ต่อต้านใดๆ
หลังจากจัดการเรื่องภายในเรียบร้อย จักรพรรดิฟ้าก็เงยหน้าขึ้นมองทุกคน “เรื่องในวันนี้จบลงแล้ว ขอให้ทุกคนกลับไปเถอะ”
เมื่อเขาพูดจบ มิติก็เกิดความผันผวน กลายเป็นอุโมงค์มิติที่ข้างจอมยุทธ์ทั้งหลาย
แต่ละคนแลกเปลี่ยนสายตากัน เหตุผลที่พวกเขาอยู่ที่นี่ก็เพราะวิชาสามพิสุทธิ์ ทว่าเนื่องจากจักรพรรดิฟ้าเอ่ยปากไล่กลายๆ แล้ว พวกเขาจึงได้แต่หันหน้ากลับไป ยิ่งไปกว่านั้นเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามก็อยู่ที่นี่เช่นกัน คงยังไม่ถึงตาของพวกเขาสำหรับสมบัติเช่นนี้ ดังนั้นผู้คนได้แต่ถอนหายใจด้วยความเสียดาย จากนั้นก็พากันออกไป
เมื่อผู้คนจากไปแล้ว มิติสุสานจักรพรรดิฟ้าก็กลับมาเงียบสงบดังเดิม
จักรพรรดิฟ้ามองไปที่เซียวเหยียนและหลินต้งด้วยรอยยิ้ม “ไม่รู้ว่าเจ้าสองคนสนใจวิชาสามพิสุทธิ์ของข้าหรือไม่?”