หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1197 บรรลุระดับตี้จื้อจุน
คลื่นกระแทกกินเวลานานก่อนที่จะสลายไป
ขณะที่จิ่วโยวและมั่นถัวหลัวจดจ้องไปที่ต้นกำเนิดของผลกระทบทันที
มิติบิดเบี้ยวค่อยๆ คืนสภาพเดิม ก่อนที่แสงสีม่วงทองจะระเบิดออกกะทันหัน เสาแสงหมื่นจั้งพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ร่างยักษ์สีม่วงทองยืนตระหง่านอยู่ในใจกลางเสาแสงห่อหุ้มด้วยรัศมีอมตะ ทำให้ดูราวกับว่าไม่มีวันตาย
จิ่วโยวมองร่างยักษ์ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่ถ้าสัมผัสละเอียดจะรู้สึกได้ว่ายักษ์ตัวนี้หลอมรวมเข้ากับธรรมชาติ เรียกลมสั่งสายฟ้าพรูออกมาลมหายใจได้เลยทีเดียว
ขณะนี้ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ประหนึ่งเชื่อมโยงกับคลื่นหลิงในฟ้าดิน สามารถรวมเจตจำนงเข้ากับสวรรค์และโลกควบคุมทั่วบริเวณนี้
สำหรับคนที่มีพลังน้อยกว่ามู่เฉิน การเข้ามาที่นี่เหมือนกับการก้าวเข้าสู่โลกของมู่เฉิน การฆ่าพวกเขาก็แค่พึ่งพาเพียงความคิดวูบเดียว
จิ่วโยวมองไปที่ใบหน้าของร่างสีม่วงทอง ก่อนหน้านี้ดูเลือนรางมากแต่เวลานี้ดูคล้ายกับมู่เฉิน มองจากระยะไกลเหมือนมู่เฉินที่ขยายขนาดใหญ่ขึ้น
เป็นเพราะความสัมพันธ์ลึกล้ำยิ่งขึ้นระหว่างมู่เฉินกับร่างเทพสุริยะนิรันดร์หลอมรวมกันอย่างลงตัว จึงสามารถรวมกันเพื่อรับพลังเพิ่มเติม
คล้ายคลึงกับผู้อาวุโสจั่วที่กลืนกินร่างเวทสวรรค์ของตนเอง พลังที่แพร่กระจายตอนนั้นทำให้มู่เฉินที่สั่งการกองทัพสังหารทางวิญญาณยังรู้สึกหวาดกลัว
มู่เฉินนั่งอยู่บนไหล่ของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ แสงสีม่วงทองพรั่งพรูออกมาบนผิวกายของเขา ประกายไฟบนร่างเขาได้ละลายหายไปหมดในเวลานี้
ตรงส่วนที่เหลืออยู่ ความผันผวนสีม่วงทองขนาดใหญ่ก็แผ่กระจายออกไปจากเขาซึ่งบรรจุด้วยคลื่นหลิงที่น่ากลัว
ยามนี้จิ่วโยวรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่มาจากมู่เฉิน แม้ว่าเขาจะไม่เคลื่อนไหวใดๆ ก็ตาม นี่เป็นสิ่งที่นางเคยรู้สึกได้จากจอมยุทธ์ระดับตี้จื้อจุนเท่านั้น
ฮึ่ม
ขณะที่จิ่วโยวจ้องมองมา มู่เฉินก็ลืมตาขึ้น แสงสีม่วงอมทองเปล่งออกมาจากดวงตา ทำให้มิติถูกฉีกออกทันที
แสงแวววาวกินเวลาสั้นๆ ก่อนที่จะสลายไป มู่เฉินเงยหน้าขึ้นสัมผัสถึงความรู้สึกแปลกประหลาดในบริเวณนี้ ซึ่งราวกับว่าตราบใดที่เขาต้องการก็จะสามารถควบคุมคลื่นหลิงยิ่งใหญ่ในพื้นที่นี้ได้
เขาเหยียดมือออก คลื่นหลิงก็รวมตัวกันก่อตัวเป็นภูเขาสูงหนึ่งร้อยจั้ง
ภูเขานี้เป็นประกายและดูงดงามราวกับอัญมณี ทว่านี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากพลังงานบริสุทธิ์ในพื้นที่นี้ ซึ่งไม่สามารถทำลายได้
“กลยุทธ์รูปแบบฟ้าดิน”
มู่เฉินพึมพำกับตัวเอง นี่คือหนึ่งในสัญลักษณ์ของระดับตี้จื้อจุน สามารถควบแน่นคลื่นหลิงรอบตัวให้อยู่ในรูปแบบแตะต้องได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ในอดีต
นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงการควบคุมคลื่นหลิงที่เหนือจินตนาการของจอมยุทธ์ระดับตี้จื้อจุน
มู่เฉินก้มศีรษะลง รู้สึกว่าทุกครั้งที่หายใจเข้าก็จะทำการกลั่นคลื่นหลิงมหาศาลไปด้วย
ความเร็วในการดูดซับนี้ทำให้มู่เฉินตกตะลึง ร่างกายของเขาคล้ายกับเหวที่ไม่เคยอิ่มหนำ ไม่ว่าเขาจะดูดซับมากแค่ไหน
เมื่อก่อนมีเพียงจุดจื้อจุนไห่ ตอนนี้ทุกอณูในร่างกายบรรจุด้วยทะเลพลังที่กลืนกินอย่างตะกละตะกลาม
ความรู้สึกถึงพลังแบบนี้มึนเมาเหลือเกิน ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมต้องเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนเท่านั้นถึงจะสามารถได้รับพิจารณาเป็นผู้ปกครอง
เนื่องจากความแข็งแกร่งนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นเก้าจะสามารถแข่งขันได้
มู่เฉินเหยียดมือออกมากำเบาๆ ภูเขาเบื้องหน้าสลายลง มุมปากของเขาโค้งขึ้น
“ระดับตี้จื้อจุน…ในที่สุดข้าก็บรรลุเป้าหมายแล้ว”
ประสบความสำเร็จกับภัยพิบัติหลิงนี้ ในที่สุดมู่เฉินก็ถือได้ว่าก้าวขึ้นเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนที่แท้จริงแล้ว!
หลังจากมู่เฉินสัมผัสถึงพลังที่ครอบครอง ทันใดนั้นแสงก็รวมตัวกันกึ่งกลางคิ้ว ข้อมูลจำนวนมากถูกปลดปล่อยออกมา
นี่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับคัมภีร์ระดับเสินทงขั้นสุดยอดในตำนานวิชาสามพิสุทธิ์ที่จักรพรรดิฟ้ามอบให้เขา!
ก่อนหน้านี้พลังของมู่เฉินมีจำกัด ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ แต่ด้วยความก้าวหน้าของเขา ชิ้นส่วนที่ปิดตัวก็เปิดออกในที่สุด
ขณะนี้เขาสามารถรู้แจ้งและรับรู้ถึงประสบการณ์ของจักรพรรดิฟ้าได้
“อย่างนี้นี่เอง”
มู่เฉินไขความลึกซึ้งหลายอย่างเกี่ยวกับวิชาสามพิสุทธิ์ ทันใดนั้นเสียงเข้าใจก็ดังสะท้อนในหัวใจของเขา วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดซึ่งก่อนหน้าเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เริ่มมีเค้าโครงขึ้นในสมองของเขาแล้ว
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะภายในประกอบด้วยความเข้าใจของจักรพรรดิฟ้า มิฉะนั้นแม้ว่ามู่เฉินจะบรรลุระดับตี้จื้อจุนก็ยังต้องใช้เวลาหลายปีก่อนที่จะเข้าใจถ่องแท้
แต่ด้วยความช่วยเหลือของจักรพรรดิฟ้า ก็ช่วยเขาย่นความพยายามหลายปี สามารถบรรลุผลสำเร็จในก้าวเดียว!
ประกายแสงวูบไหวในดวงตาของมู่เฉิน เขานั่งนิ่งไปครึ่งวันเต็มๆ ก่อนที่จะเบิกตากว้างในช่วงเวลาหนึ่ง
เขายกมือขึ้นช้าๆ จากนั้นก็สร้างตราประทับโบราณ
ฮึ่ม!
เมื่อตราประทับถูกสร้างขึ้น เสียงแปลกประหลาดก็ราวกับดังก้องในมิติแล้วกระจายออกไป
“วิชาสามพิสุทธิ์ แยก!”
“ใบมีดแยก!”
เสียงมีเสน่ห์ดังก้องจากปากมู่เฉิน จากนั้นแสงหลิงสว่างไสวสีขาวก็พวยพุ่งออกจากหัว ม้วนตัวอย่างต่อเนื่องที่เบื้องหน้าเขา ก่อร่างเป็นภาพกระบี่ลวงตา
กระบี่นี้ดูแปลกประหลาด แม้จะมองเห็นได้ แต่ก็ให้ความรู้สึกลวงตา ราวกับว่าเป็นเพียงภาพทับซ้อน
“เขากำลังทำอะไร?” จิ่วโยวอึ้งไปกับภาพนี้
มั่นถัวหลัวครุ่นคิดสั้นๆ “ถ้าข้าเดาได้ถูก เขาน่าจะลองฝึกวิชาสามพิสุทธิ์อยู่น่ะ!”
ขณะที่พูดแม้แต่คนอย่างนางก็ไม่สามารถปกปิดความตกใจในดวงตาได้ ชื่อเสียงของวิชาสามพิสุทธิ์เป็นที่โจษขานเนื่องจากจักรพรรดิฟ้าอาศัยวิชานี้ครอบครองบัลลังก์ในมหาพันภพ
และตอนนี้มู่เฉินกำลังจะประสบความสำเร็จวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดแล้วเรอะ?
กระทั่งนางยังเริ่มที่จะอิจฉาโอกาสของมู่เฉิน
“แยก!”
ขณะที่พวกนางสนทนา มู่เฉินก็ยืนขึ้นมองไปที่กระบี่ลวงตาที่เบื้องหน้า เขาสร้างตราประทับด้วยมือเดียวแผดเสียงคำราม
ฮึ่ม!
ใบมีดเบาบางสั่นไหวก่อนที่จะพุ่งลงมาเฉือนหัวของมู่เฉินในแนวตั้ง
มู่เฉินยืนอยู่โดยไม่มีการเคลื่อนไหว
วาบ!
ใบมีดกรีดผ่านศีรษะเขาไป ทว่าวินาทีต่อมาก็กรีดต่อไปไม่ได้หยุดลง
ใบมีดกรีดทะลุร่างมู่เฉิน
เมื่อใบมีดผ่านไปก็ทำให้เกิดประกายไฟสีแดงเข้มลอยออกมาทางด้านขวามือของมู่เฉิน มันขยับเขยื้อนไม่หยุดพลางเปล่งความผันผวนแปลกประหลาดออกมา
จากการเฉือนนี้มู่เฉินสามารถสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ถูกแยกออก เหมือนเป็นทั้งเลือดเนื้อและวิญญาณ
ทว่าการแยกนี้ไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายใดๆ กับเขา
“อีกครั้ง!”
เขาคำรามขึ้น
วาบ!
ใบมีดพุ่งลงมาอีกครั้งผ่านร่างเขาไป เมื่อเคลื่อนออกไปก็นำพาก้อนแสงสีแดงเข้มอีกก้อนแยกออกมา
หลังจากเคลื่อนไหวสองครั้ง ใบมีดลวงตาก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มู่เฉินหันกลับไปมองกลุ่มแสงสีแดงเข้มสองดวง
แสงสีแดงเข้มค่อยๆ ก่อเป็นรูปเป็นร่าง
ร่างสองร่าง หนึ่งในชุดดำและหนึ่งในชุดขาว ทั้งคู่มีม่านตาสีดำและรูปร่างหน้าตาคล้ายกันราวกับแกะ รัศมีทรงพลังแบบเดียวกับมู่เฉินถูกเปล่งออกมา
ทั้งสองเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน!
มู่เฉินมองดูร่างทั้งสองพร้อมรอยยิ้มจากนั้นก็ยกมือขึ้น “ข้าคือมู่เฉิน”
ร่างในชุดสีดำและสีขาวก็ยิ้มเช่นกัน ขณะที่ยกมือขึ้นคำนับ
“ข้าคือมู่เฉิน”
“ข้าคือมู่เฉิน”