หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1198 การชี้แนะจากจักรพรรดิฟ้า
ทั้งสามจ้องมองกันจากนั้นก็โค้งคำนับ
ช่างเป็นฉากที่แปลกประหลาดนัก แต่เมื่อตกอยู่ในสายตาของจิ่วโยวและมั่นถัวหลัวกลับเป็นภาพที่น่าตกตะลึงยิ่งนัก
เนื่องจากพวกนางสามารถบอกได้ว่าทั้งสามคนนั้นมีรัศมีและพลังเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่สีเสื้อที่ต่างกัน พวกนางคงไม่สามารถแยกร่างหลักของมู่เฉินออกมาได้เลย
“นี่เท่ากับสามจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นเลย” จิ่วโยวพึมพำด้วยความตกตะลึง ด้วยวิชาสามพิสุทธิ์การต่อสู้กับมู่เฉินก็เหมือนกับการปะทะกับมู่เฉินคูณสาม!
ยิ่งกว่านั้นเมื่อทั้งสามรวมพลังกันก็ไม่ใช่สิ่งที่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสามคนจะสามารถต่อกรได้ เพราะความสามัคคีของพวกเขาไม่สามารถเทียบเคียงกับพวกมู่เฉินได้ ทั้งสามมีความคิดร่วมกัน ดังนั้นความร่วมมือกันจึงสมบูรณ์แบบ
“วิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอดทรงพลังสมคำร่ำลือจริงๆ” จิ่วโยวถอนหายใจด้วยความอิจฉา
มู่เฉินก็อึ้งไปเมื่อมองร่างเสมือนของตนเอง นี่ไม่เหมือนร่างรองโดยทั่วไป เพราะร่างรองทั้งสองของเขามีชีวิตอยู่และมีศักยภาพเท่าเทียมกับเขา!
แต่ทั้งสามก็มีการแบ่งลำดับชั้น มู่เฉินเป็นร่างหลัก แม้ว่าร่างรองอาจมีเอกเทศ แต่วัตถุประสงค์ก็คือเพื่อช่วงเหลือและปกป้องร่างหลัก
เนื่องจากร่างรองถูกทำลายได้ แต่ถ้าร่างหลักถูกสังหาร ร่างรองทั้งสองก็จะหายไป
ขณะที่มู่เฉินอึ้งไปกับร่างรองทั้งสอง จักรพรรดิฟ้าก็ปรากฏขึ้นทันที เขาจ้องมองร่างเสมือนมู่เฉินก็ส่ายหัว “แม้ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในการสร้างร่างรองได้ แต่พวกเขาก็ยังอ่อนแออยู่ ดูท่าเจ้าคงต้องใช้เวลาเลี้ยงดูอีกสักพัก”
มู่เฉินพยักหน้า เหตุผลที่เขาสามารถประสบความสำเร็จได้ก็เนื่องมาจากจักรพรรดิฟ้าทั้งสิ้น แม้ว่าจะทำให้กระบวนการของเขาเร็วขึ้น แต่ร่างรองก็ยังไม่เสถียร
“เจ้าให้ร่างรองทั้งสองอยู่ที่ก้นทะเลสาบสวรรค์เพื่อฝึกฝนและสร้างรากฐานที่มั่นคง” จักรพรรดิฟ้ากล่าวขณะชี้ไปที่ก้นทะเลสาบ
มู่เฉินอึ้งไปเมื่อได้ยิน ทะเลสาบสวรรค์อยู่ในวังสวรรค์บรรพกาลมิหนำซ้ำมิติที่นี่ก็ไม่มั่นคง ดังนั้นถ้าเขาออกไปข้างนอกการจะหาทางกลับเข้ามาจะเป็นเรื่องยากยิ่ง
ราวกับรู้ความคิดของมู่เฉิน จักรพรรดิฟ้ายิ้มพลางส่งกระบี่เกล็ดจักรพรรดิไปให้ “ตราบใดที่เจ้ามีกระบี่เล่มนี้ เจ้าสามารถเข้ามาที่วังสวรรค์บรรพกาลได้ทุกเมื่อและยังสามารถควบคุมมิตินี้ได้”
มู่เฉินตกใจ เขาไม่คิดว่าจักรพรรดิฟ้าจะมอบวังโบราณให้กับเขา แม้ว่าตอนนี้วังสวรรค์บรรพกาลจะไม่มีใครแล้วก็ตาม แต่รากฐานก็ยังคงน่ากลัวอยู่ดี
ไม่ต้องพูดถึงสมบัติอื่น เพียงแค่ทะเลสาบสวรรค์ก็เป็นที่ปรารถนาของผู้คนมากมาย นอกจากนี้…ยังมีสิ่งวิเศษอีกอย่างในวังโบราณ
นั่นก็คือหอคัมภีร์เทพซ่อน!
ซึ่งเป็นรากฐานที่แท้จริงของวังแห่งนี้!
หากขั้วอำนาจใดได้รับวังสวรรค์บรรพกาล ตราบใดที่ไม่ถูกกองกำลังอื่นทำลายล้าง พวกเขาก็จะเติบโตยิ่งใหญ่ขึ้นในอนาคต
วังสวรรค์บรรพกาลมีค่าสูงเพราะสิ่งนี้ ดังนั้นมู่เฉินจึงตกใจกับการกระทำของจักรพรรดิฟ้า ทำให้เขาไม่กล้ารับทันที ขณะเดียวกันก็ไตร่ตรองอยู่ในใจ จักรพรรดิฟ้าทำเช่นนี้เพราะต้องการให้เขาสร้างวังสวรรค์ขึ้นมาใหม่หรือ? หากเป็นเช่นนั้นเขาก็เต็มใจที่จะทำ เนื่องจากโอกาสที่จักรพรรดิฟ้ามอบให้ยิ่งใหญ่เกินไป
บุญคุณเช่นนี้ เขาต้องตอบแทนให้ได้
ทว่าขณะที่มู่เฉินคิดเช่นนี้ จักรพรรดิฟ้าก็ยิ้ม “วังสวรรค์บรรพกาลเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว ภารกิจก็สำเร็จลุล่วงจึงไม่จำเป็นต้องดำเนินต่อ ข้าแค่ไม่อยากเห็นสถานที่นี้ถูกทำลายด้วยกาลเวลาในมิติว่างเปล่า ให้มันได้ทำประโยชน์สักหน่อยยังดีกว่า”
“ทว่าแม้เจ้าจะสามารถควบคุมวังได้ แต่เจ้าต้องพึ่งพาความสามารถของตัวเองในการเข้าสู่หอคัมภีร์เทพซ่อน สหายคนนั้นดื้อรั้นมาก” จักรพรรดิฟ้ายิ้ม
ตอนนั้นเองมั่นถัวหลัวและจิ่วโยวก็พุ่งเข้ามา พวกนางตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของจักรพรรดิฟ้า แต่จากนั้นก็พยักหน้า สายตาวูบไหวไม่รู้คิดอะไรอยู่
“รับไปซะ หากเจ้ากตัญญูต่อข้าจงสัญญาว่าจะมีส่วนรวมในการปกป้องมหาพันภพเมื่อจักรวรรดิปีศาจต่างมิติบุกเข้ามา” จักรพรรดิฟ้ายิ้มมองมู่เฉิน
ไม่มีเหตุผลใดที่มู่เฉินจะปฏิเสธ เขารับกระบี่ก่อนที่จะคำนับด้วยมารยาทสูงสุด “ถ้าวันนั้นมาถึงศิษย์มู่เฉินจะขอใช้ชีวิตนี้ปกป้องเอง!”
จักรวรรดิปีศาจต่างมิติเป็นศัตรูของมหาพันภพ ถ้าวันนั้นมาถึงแม้จะไม่มีสัญญาที่ทำให้ไว้กับจักรพรรดิฟ้า มู่เฉินก็จะเข้าสู้สุดชีวิต เพราะหากมหาพันภพถูกยึดครอง พวกเขาก็จะถูกสังหารเช่นกัน
จักรพรรดิฟ้าพยักหน้า “กระบี่เกล็ดจักรพรรดิติดตามข้ามานานหลายปี แต่เนื่องจากกระบวนการนี้พลังจึงหมดลงไปมาก พลังงานที่เหลืออยู่เจ้าสามารถใช้งานได้อีกสองสามครั้งเท่านั้น ดังนั้นขอให้ใช้ในช่วงเวลาวิฤกตที่สุด แต่เมื่อถึงวันที่เจ้าก้าวเข้าสู่ระดับเทียนจื้อจุนได้ บางทีเจ้าอาจจะสามารถกู้พลังคืนมาได้”
มู่เฉินพยักหน้า
กระบี่เกล็ดจักรพรรดิเป็นอาวุธที่สูงเกินกว่าอาวุธมหสวรรค์ขั้นสูง แม้ว่าจะถูกใช้พลังจนเกือบหมด แต่พลังงานที่เหลืออยู่ก็สามารถเป็นภัยคุกคามจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นได้
“เจ้าเพิ่งก้าวเข้าสู่ขั้นแรกของวิชาสามพิสุทธิ์ ซึ่งวิชานี้มีทั้งหมดสามขั้นได้แก่ สามแยก-สามรวม-สามพิสุทธิ์”
“ตอนนี้เจ้าอยู่ในขั้นสามแยก หากวันที่เจ้าสามารถหลอมรวมร่างรองทั้งสองกลับเข้าไปในร่างหลักได้ เจ้าก็จะเข้าสู่ขั้นสามรวมเป็นการรวมพลังของสามเป็นหนึ่ง… สำหรับขั้นสุดท้ายเป็นสิ่งที่ข้าทำได้เพียงพิเคราะห์ ดังนั้นเจ้าจะต้องพึ่งพาตัวเอง”
มู่เฉินแอบเดาะลิ้น วิชาสามพิสุทธิ์สมกับเป็นวิทยายุทธระดับเสินทงขั้นสุดยอด สามารถแยกและรวมกันได้ ความลึกซึ้งนี้เป็นสิ่งเหนือจินตนาการ ไม่รู้ว่าขั้นสามพิสุทธิ์จะทรงพลังเพียงใด
“ฮ่าๆ แม้วิชาสามพิสุทธิ์ลึกซึ้ง แต่เจ้าต้องไม่ลืมว่าร่างเทพสุริยะนิรันดร์ก็มีความพิเศษเช่นกัน เพียงแค่ความเข้าใจของเจ้าในปัจจุบันยังน้อยเกินไป”
จักรพรรดิฟ้ามองร่างสีม่วงทองที่อยู่ด้านหลังมู่เฉินก็ยิ้มพูดว่า “ร่างเทพสุริยะนิรันดร์มีทักษะติดตัวสามกระบวนท่า รหัสเทพอมตะคือกระบวนท่าแรกที่เจ้าเข้าถึงได้แล้ว สามารถใช้คลื่นอมตะเพื่อสร้างลวดลายเทพที่สามารถเปลี่ยนรูปทรงซึ่งเทียบเคียงกับอาวุธมหสวรรค์ได้”
“แต่ตอนนี้เจ้าเพียงเริ่มควบคุมเท่านั้น ดังนั้นเจ้าจึงสามารถปรับแต่งรหัสเทพอมตะได้สองลวดลาย ในอดีตข้าสามารถปรับแต่งรหัสเทพอมตะได้เก้าร้อยเก้าสิบลวดลาย ซึ่งเทียบชั้นได้กับอาวุธมหสวรรค์ขั้นสูงเลยทีเดียว”
เมื่อมู่เฉินได้ยินก็ตกตะลึง ก่อนหน้าแค่การปรับแต่งรหัสเทพอมตะสองลวดลายเขาก็ต้องใช้ความพยายามมากแล้ว ไม่คิดว่าจักรพรรดิฟ้าจะสามารถปรับแต่งได้มากมายขนาดนี้
“กระบวนท่าที่สองเรียกว่าดอกบัวอมตะ ส่วนกระบวนท่าที่สามเรียกว่าแปรเป็นตายอมตะ”
“แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของเจ้าเองในการค้นหาออกมา เรื่องนี้ข้าไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้”
“ดอกบัวอมตะ… แปรเป็นตายอมตะ…”
มู่เฉินพึมพำกับตัวเองพลางยิ้ม หากเขาต้องการความช่วยเหลือจากจักรพรรดิฟ้าทุกอย่าง เขาคงเป็นผู้สืบทอดมรดกที่ล้มเหลวแล้ว เขาเชื่อว่าจะต้องมีสักวันที่จะสามารถเข้าใจกระบวนท่าทั้งหลายและปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างสมบูรณ์
ทว่าเมื่อคิดถึงร่างเทพสุริยะนิรันดร์มู่เฉินก็ลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะถาม “ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรถึงจะวิวัฒนาการร่างสุดท้ายได้หรือขอรับ?”
วิวัฒนาการร่างปลายของร่างเทพสุริยะนิรันดร์เป็นหนึ่งในห้าร่างมหาเทพปฐมกาล—ร่างมหาเทพนิรันดร์!
จักรพรรดิฟ้านิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่สายตาจะลึกซึ้งขึ้น เขาคิดเงียบๆ ก่อนที่จะพูดช้าๆ “ถ้ามีวันหนึ่งที่เจ้าไปถึงขีดสุดของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ หากเจ้ายังมีความทะเยอทะยานเพียงพอก็มุ่งหน้าไปยังเผ่าหมัวเฮอ… พวกเขาเป็นผู้พิทักษ์ร่างมหาเทพปฐมกาลเอาไว้”
“แต่ในฐานะที่หนึ่งในเผ่าที่เก่าแก่ที่สุดของมหาพันภพ เทียบเคียงได้กับเผ่าฝูถู ดังนั้นหากเจ้าต้องการได้รับมา เจ้าจะต้องอยู่ในระดับเทียนจื้อจุนเป็นอย่างน้อย!”
“เผ่าหมัวเฮอ”
หัวใจของมู่เฉินเฉินโลดขึ้น แต่เมื่อได้ยินอีกชื่อ หัวใจเขาก็สั่นสะเทือนด้วยความรู้สึกที่แปลกไป
“เผ่าฝูถู?”
มู่เฉินยื่นมือแตะหน้าอก เขาจำได้ว่าวิชาที่มารดาทิ้งไว้ให้มีชื่อว่าคัมภีร์ต้าฝูถู—วิชามหาเจดีย์!