หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 1215 มหาสมุทรนรกโลหิต

หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 1215 มหาสมุทรนรกโลหิต

ระลอกคลื่นรุนแรงดันตัวขึ้นในแม่น้ำลั่ว

ก่อนที่ทั่วบริเวณจะโยกคลอน

สำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนทั้งสามของตระกูลเสี่ยเสิน หนึ่งคนถูกขังในค่ายกล หนึ่งคนอยู่ในวงล้อมกองทัพชั้นยอด ส่วนเสี่ยยีเป็นคนเดียวที่ยืนประจันหน้ากับมู่เฉิน

แต่ในตอนนี้เสี่ยยีกลับไม่อยากเป็นคนที่ยืนอยู่ตรงนี้เลย

เงาสีม่วงทองยืนอยู่ด้านหลังมู่เฉิน ไม่ใช่ร่างเวทสวรรค์ที่ดูใหญ่โตอะไร แต่กลับเปล่งรัศมีลึกลับเป็นอมตะออกมา

นี่ก็คือร่างเทพสุริยะนิรันดร์

มู่เฉินยืนอยู่เบื้องหน้าร่างเทพสุริยะนิรันดร์โดยไม่มีการแสดงออกใดๆ เขามองไปที่เสี่ยยี “เจ้าเป็นคนบอกให้ข้าหยุดวิ่งไม่ใช่หรือ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉินใบหน้าของเสี่ยยีก็สลับไปมาระหว่างขาวกับเขียว เขาโมโหจนเกือบคลั่งกับการล้อเลียนของมู่เฉิน แต่เขาก็ตกใจอย่างมากกับการที่มู่เฉินเป็นทั้งหลิงเจิ้นซือและจั้นเจิ้นซือ ไม่กี่อึดใจเสี่ยยีก็ถูกระงับโดยแรงกดดันจากมู่เฉิน

“ไอ้โง่จับมันไว้สิ! เมื่อไรเสี่ยถงกับเสี่ยโส่วเป็นอิสระก็จะเป็นเวลาตายของมัน!”

ขณะที่เสี่ยยีโมโห เสียงคำรามก็ดังขึ้นจากเสี่ยหลิงจื่อ

เมื่อได้ยินเสียงคำรามของเสี่ยหลิงจื่อ เสี่ยยีก็ฟื้นจากอาการตกตะลึง เขาหลุดจากแรงกดดันของมู่เฉินไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนที่มีประสบการณ์มาก แม้ว่าจะอึ้งกับทักษะของมู่เฉินแค่ไหน แต่ก็กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็วจากการเตือนของประมุข

มู่เฉินเป็นคนที่ไม่สามารถมองข้ามได้ มากจนเขาสามารถควบคุมรัศมีจั้นยี่และค่ายกลพร้อมกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรมู่เฉินก็ตัวคนเดียว!

หากเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่การควบคุม ค่ายกลและกองทัพชั้นยอดจะสามารถระงับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น ทำให้ได้รับประโยชน์มาก

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถมุ่งเน้นไปที่การควบคุมอย่างเต็มที่ในขณะนี้ได้

ดังนั้นเมื่อไม่มีการควบคุมก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจับตัวจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนสองคนไว้ได้นาน

การเผชิญหน้ากับพลังทั้งหมดของเสี่ยถงและเสี่ยโส่ว ค่ายกลและกองทัพคงจะอยู่ไม่นานอย่างแน่นอน… เมื่อไรที่ทั้งสองหลุดเป็นอิสระ พวกเขาสามคนก็สามารถร่วมมือกัน เวลานั้นไม่ว่ามู่เฉินจะมีกลยุทธ์มากเท่าไรก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่แน่นอน

เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่มู่เฉินจะจัดการกับจอมยุทธ์สามคนที่มีขุมพลังเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงหันไปใช้ค่ายกลและกองทัพชั้นยอดเพื่อลดความได้เปรียบของพวกเขา

นั่นหมายความว่าตราบใดที่เขาสามารถรั้งมู่เฉินไว้ได้จนเสี่ยถงและเสี่ยโส่วหลุดพ้นจากกับดัก พวกเขาก็จะสามารถเอาชนะมู่เฉินได้

เมื่อคิดได้ในเรื่องนี้ ท่าทางของเสี่ยยีก็ดูเย็นเยือกลง ความตื่นตระหนกก่อนหน้าหายไปอย่างสิ้นเชิง เขาเงยหน้าขึ้นมองดูมู่เฉินอย่างเย็นชา “ดูเหมือนแผนการของแกจะไม่สมบูรณ์แบบที่คิดนะ”

“แกแน่ใจนะว่าจะยืนหยัดอยู่ได้จนถึงตอนนั้น”

มู่เฉินมองเสี่ยยีที่มีความมั่นใจ รอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าพลางเอ่ยเสียงเบา

ท่าทางของเสี่ยยีดิ่งลงขณะที่เย้ยหยัน “ค่ายกลและกองทัพทำให้ข้าขนพองสยองเกล้าอย่างแท้จริง ตอนนี้ข้าไม่มีความคิดที่จะเอาชนะแก แต่ถ้าจะรั้งไว้ ข้ากลัวว่าแกประเมินตัวเองสูงเกินไป”

ฮึ่ม!

คลื่นหลิงสีแดงเข้มเชี่ยวกรากระเบิดออกมาจากร่างเสี่ยยี ก่อตัวเป็นเงาขนาดใหญ่หลายหมื่นจั้งอยู่ข้างหลัง

ร่างนี้ดูเหมือนกำลังสวมไตรจีวรสีแดงเข้ม ห่อหุ้มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด รัศมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทำให้เกิดรอยแตกปรากฏขึ้นในมิติโดยรอบ

นี่คือร่างเทห์สวรรค์ที่เสี่ยยีฝึกฝน ร่างกาสายะโลหิตเป็นหนึ่งในร่างเทห์สวรรค์ที่ดีที่สุดของตระกูลเสี่ยเสิน ซึ่งอยู่ในอันดับห้าสิบเอ็ดของทำเนียบคัมภีร์ร่างเทห์สวรรค์เก้าสิบเก้าร่าง

เห็นได้ชัดว่าความมั่นใจของเสี่ยยีได้รับการสนับสนุนจากความแข็งแกร่ง

ร่างเวทสวรรค์ยืนตระหง่านพร้อมกับรัศมีโลหิตดุเดือดพลุ่งพล่าน ย้อมท้องฟ้าจนเป็นสีแดงเข้ม เมื่อเปรียบเทียบกับร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของมู่เฉินก็ดูเล็กจ้อยไปเลยทีเดียว

เมื่อทุกคนเห็นฉากนี้ก็อดพึมพำไม่ได้ เพราะร่างเวทสวรรค์ขึ้นอยู่กับพลังงานหลิง โดยทั่วไปแล้วยิ่งร่างที่ทรงพลังก็จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เนื่องจากจะกินพลังงานหลิงได้มากขึ้น

เสี่ยยีขยับไปยืนบนไหล่ของร่างกาสายะโลหิตมองอย่างเย็นชาไปที่ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ของมู่เฉิน “ดูเหมือนว่าแกจะหมดแรงไปมากจากค่ายกลและการควบคุมกองทัพ”

ร่างเทพสุริยะนิรันดร์มีน้อยยิ่ง ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเป็นเพราะความเหนื่อยล้าของคลื่นหลิงในร่างมู่เฉิน ทำให้ร่างเวทสวรรค์มีขนาดเล็กลง

มู่เฉินยิ้มตอบเพราะไม่ได้คิดจะเตือนศัตรู เขาเคาะเท้าพลิ้วลงบนไหล่ของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ ยิ้มตาหยี “รีบๆ หน่อยเถอะ”

อากัปกิริยาของเขาทำให้เสี่ยยีโกรธแค้น นานมากแล้วที่เขาถูกประเมินค่าต่ำ

“ถ้างั้นให้ข้าดูว่าแกจะรักษาความเย่อหยิ่งหลังจากพวกข้าหลุดเป็นอิสระได้ไหม”

เสี่ยยีแผดเสียงหัวเราะ จากนั้นมือก็วาดตราประทับ เขาเปิดปากทันใดนั้นกระแสเลือดที่ไหลเชี่ยวก็ไหลออกมาจากปากเขาก่อตัวเป็นมหาสมุทรสีแดงเข้ม

มหาสมุทรสีแดงเข้มเกลื่อนไปด้วยกระดูกสีขาว ราวกับว่ามีวิญญาณนับไม่ถ้วนร้องโหยหวนออกมา ขณะที่ปล่อยรัศมีน่าขนลุก

“มหาสมุทรนรกโลหิต!”

เสี่ยยี่มองไปที่มู่เฉินอย่างโหดร้ายขณะที่โบกมือ มหาสมุทรโลหิตทะลักออกมา เขาไม่กล้าประมาทมู่เฉินแม้แต่น้อย งัดไพ่ตายออกมาทันทีที่เริ่มปะทะกระบวนท่าแรกเลยทีเดียว

มหาสมุทรนรกโลหิตมีชื่อเสียงมากในตระกูลเสี่ยเสิน เนื่องจากจะต้องทำการสังหารหมู่เพื่อฝึกฝนทักษะนี้โดยสร้างมหาสมุทรด้วยเลือดของผู้อื่นก่อนที่จะกลั่นออกมา ซึ่งมีความสามารถในการกัดกร่อนที่ทรงพลังอย่างยิ่ง เป็นอันตรายต่อร่างเวทสวรรค์มาก

เสี่ยยีอาศัยกระบวนท่านี้เพื่อกัดกร่อนร่างเวทสวรรค์ของคู่ต่อสู้มานักต่อนัก

เมื่อมองเห็นมหาสมุทรสีแดงเข้มก็ทำเอาเปลือกตาของหลายคนกระตุก เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้เกี่ยวกับวิทยายุทธเทพของตระกูลเสี่ยเสินดี

มหาสมุทรเคลื่อนลงมาห่อหุ้มร่างมู่เฉินอย่างสมบูรณ์

สีหน้าของทุกคนตึงแน่นกับภาพนี้ คนที่รู้เกี่ยวกับพลังของวิชานี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงในสีหน้า เนื่องจากมีจอมยุทธ์จำนวนมากที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากกระบวนท่าโหดเหี้ยมนี้ของตระกูลเสี่ยเสิน

“ฮ่าๆ โอหังนัก!”

หลังจากที่เห็นมู่เฉินและร่างเวทสวรรค์ของเขาถูกห่อหุ้มด้วยมหาสมุทรโลหิต เสี่ยยีก็ระเบิดเสียงหัวเราะ เขาพึ่งพากระบวนท่านี้คว้าความได้เปรียบในหมู่จอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับเดียวกันมามาก คนที่ประเมินกระบวนท่านี้ต่ำไปสุดท้ายต่างได้รับความเสียหายหนักหนาสาหัส

ดูเหมือนว่ามู่เฉินจะมีความมั่นใจเกี่ยวกับวิธีการของตนเอง ดังนั้นเขาจึงไม่แม้แต่จะพยายามหลีกเลี่ยงจนถูกจับไว้ในมหาสมุทรโลหิต ไอ้โง่นี่จะต้องเสียใจในความเย่อหยิ่งของตน

ซ่า ซ่า!

ขณะที่เสี่ยยีหัวเราะ มหาสมุทรก็แผดเสียงดัง ความสามารถในการกัดกร่อนเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด ทำให้แม้แต่ท้องฟ้าบริเวณนี้ยังแตกเป็นเสี่ยงๆ

มหาสมุทรพลุ่งพล่าน แต่รอยยิ้มของเสี่ยยีก็เปลี่ยนไปเป็นแข็งค้าง เนื่องจากรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ มหาสมุทรโลหิตหดตัวลงอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้

“หืม? เกิดอะไรขึ้น?”

สีหน้าของเสี่ยยีเปลี่ยนไป ในสายตาเต็มไปด้วยความสงสัย เขาลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะกัดฟันพยายามเรียกมหาสมุทรนรกกลับเข้าร่าง เขาทำงานอย่างหนักเพื่อหล่อเลี้ยงจนมาถึงระดับนี้ ถ้ามันเสียหายไปเขาจะต้องเจ็บปวดแน่

ทว่าขณะที่เสี่ยยีใช้ทักษะลับเพื่อเรียกคืน ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงพลังดูดดึงมหาศาลจากมหาสมุทร

ภายใต้แรงดูดมหาสมุทรนรกก็ถูกดึงออกไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาไม่กี่อึดใจมหาสมุทรก็ลดขนาดลง จนสุดท้ายมู่เฉินและร่างสีม่วงทองค่อยๆ ปรากฏในครรลองสายตาทุกคนอีกครั้ง

ยามนี้มู่เฉินยังคงยืนอยู่บนไหล่ของร่างเทพสุริยะนิรันดร์ด้วยรอยยิ้ม

ร่างสีม่วงทองที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาเปิดปากอยู่ ซึ่งเป็นที่มาของแรงดูดนั้น เวลานี้มหาสมุทรขนาดใหญ่กำลังถูกกลืนกินโดยมัน

โห!

เมื่อมองฉากนี้ผู้คนก็แทบตาถลนออกจากเบ้า

ไม่มีใครคิดว่าไม่เพียงแต่มหาสมุทรนรกจะไม่สามารถทำลายร่างเวทสวรรค์ของมู่เฉินได้ แต่กลับถูกกลืนกินเข้าไปแทนด้วย

ใบหน้าของเสี่ยยีซีดเผือดไปกับภาพนี้

เสี่ยหลิงจื่อก็มองด้วยสายตาตกตะลึงไม่แพ้กัน เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจไม่น้อย

หลังจากร่างเทพสุริยะนิรันดร์กลืนกินมหาสมุทรนรกโลหิต มันก็คายลูกแก้วโลหิตที่ห่อหุ้มแสงสีทองออกมา มู่เฉินรับเอาไว้ในมือ

มู่เฉินหยิบลูกแก้วที่บรรจุมหาสมุทรสีแดงก่ำ ก่อนจะมองเสี่ยยีที่มีใบหน้าซีดเซียวแล้วเหวี่ยงมันออกไป

“สิ่งนี้สำคัญกับแกมากใช่ไหม? งั้นก็เอาคืนไป”

ทว่าเมื่อเสี่ยยีมองเห็นลูกแก้วโลหิตที่ถูกขว้างเข้ามา สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปรุนแรง เส้นผมของเขาลุกชันทุกเส้นเสียงกรีดร้องดังโหยหวน จากนั้นทุกคนก็ตะลึงเมื่อเห็นเสี่ยยีวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง

นั่นเป็นเพราะเสี่ยยีรู้สึกว่าการเชื่อมต่อของเขากับมหาสมุทรนรกโลหิตขาดออกจากกันแล้ว!

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset