หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1229 วิธีของลั่วหลี
การกลับไปของจักรพรรดิสัประยุทธ์
ทำให้เมฆสีดำเหนือตระกูลลั่วเสินจางหายจนหมดสิ้น ขณะนี้ทุกคนรู้ว่าหายนะที่เกิดขึ้นในตระกูลลั่วไม่มีหลงเหลืออีกแล้ว
ดังนั้นขณะที่ทุกคนกำลังส่งเสียงโห่ร้องยินดี เสี่ยหลิงจื่อก็นำจอมยุทธ์ตระกูลเสี่ยเสินหนีออกจากเมืองทันที
หลังจากทะยานออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว พวกเขาก็เริ่มชะลอตัวพลางแลกเปลี่ยนสายตากัน ตอนนี้ขวัญกำลังใจทุกคนตกต่ำหมดแล้ว
ครั้งนี้จอมยุทธ์ทั้งหมดของตระกูลเสี่ยเสินออกมาโดยตั้งใจที่จะทำลายตระกูลลั่วเสินให้ราบคาบ แต่พวกเขาไม่คิดว่าสถานการณ์เข้าตาจนของตระกูลลั่วเสินจะตาลปัตรกลับมาแบบนี้
“ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้สารเลวมู่เฉินนั่น!” จอมยุทธ์คนหนึ่งรู้สึกไม่พอใจ หากไม่ใช่การปรากฏตัวของมู่เฉิน ตระกูลเสี่ยเสินของพวกเขาจะกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวันนี้
แต่ตอนนี้ตัดเรื่องชัยชนะออกไปเลย ตระกูลเสี่ยเสินประสบความสูญเสียใหญ่หลวง หากพวกเขาไม่รีบหนีไปให้เร็วที่สุด สิ่งที่รออยู่ต่อไปอาจเรียกว่านรก
ใบหน้าของเสี่ยหลิงจื่อมืดครึ้มขณะกัดฟันกรอด หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อมู่เฉิน เขารู้ว่าเป็นเพราะมู่เฉินทำให้พวกเขาสูญเสียโอกาสในการทำลายตระกูลลั่วเสิน ซึ่งโอกาสเช่นนี้จะไม่มีในอนาคตอีกแล้ว
แม้แต่ลั่วเทียนเสินที่ได้รับพิษโลหิตปีศาจก็สามารถกู้คืนสภาพเดิมได้อย่างสมบูรณ์ด้วยความช่วยเหลือของเทพจักรพรรดิอัคคี เพียงพักผ่อนอีกไม่นาน ความแข็งแกร่งของเขาก็จะฟื้นตัวเต็มที่
นอกจากนี้ยังมีเรื่องลั่วหลีและมู่เฉินที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ
ลั่วหลีได้รับมรดกของเทพธิดาลั่วเสินและปลูกฝังร่างเทพวารี พรสวรรค์และศักยภาพของนางทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว ด้วยการคงอยู่ของลั่วหลีตระกูลลั่วเสินจะเป็นปึกแผ่นอย่างแท้จริง ในอนาคตตระกูลลั่วเสินจะแตะยากราวกับแผ่นเหล็ก ไม่มีโอกาสสำหรับพวกเขาในอนาคตอีกแล้ว
นอกจากนี้ยังมีมู่เฉินที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าลั่วหลี…
ความแข็งแกร่งของมู่เฉินไม่เพียงแต่จะน่ากลัว เขายังเป็นประมุขตำหนักมู่ซึ่งทรงพลังยิ่งกว่าตระกูลเสี่ยเสินและยังเชื่อมโยงอย่างเหนียวแน่นในการเชิญเทพจักรพรรดิอัคคีและเทพจักรพรรดิสงครามมาได้
ด้วยความช่วยเหลือนี้ไม่มีใครในดินแดนซีเทียนเล็กกล้าที่จะยั่วตระกูลลั่วเสินอีกต่อไป
สายตาของเสี่ยหลิงจื่อวูบไหวด้วยไอเย็นเยือกและไม่พอใจ สุดท้ายเขามองกลับไปในทิศทางของเมืองลั่วเสินพลางพูดเสียงโหดร้าย “ปล่อยให้ไอ้เด็กเวรนั่นชะล่าใจไปก่อน เมื่อมันเข้าสู่สนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายของนักรบทวีป ข้าจะทำให้มันเสียใจสุดซึ้งกับเรื่องในวันนี้!”
“ไป!”
เสี่ยหลิงจื่อโบกมือ นำกลุ่มคนหนีตายจากไป…
เมื่อตระกูลเสี่ยเสินหนีไป ขั้วอำนาจอื่นก็จากไปเช่นกัน แต่ละคนยับยั้งความตั้งใจที่มีก่อนหน้าทั้งหมดลง
กลุ่มที่มีสัมพันธ์เชิงดีกับตระกูลลั่วเสินก็ปรากฏตัวแสดงความยินดีกับลั่วเทียนเสิน พยายามแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดี
เพราะจากสถานการณ์ในวันนี้ทุกคนบอกได้ว่าตระกูลลั่วเสินจะกลับมาผงาดในอนาคต พวกเขาอาจกลายเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ของทวีปซีเทียนเลยทีเดียว
หลังจากมู่เฉินและลั่วหลีสารภาพรักกัน ทั้งสองก็พลิ้วลงมาที่พื้นที่ของพวกราชวงศ์ย่อย
เมื่อเห็นการมาถึงของลั่วหลี พวกตระกูลสาขาก็มือไม้อ่อนทันที พวกเขาคุกเข่าลง แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งสามก็ยังมีสีหน้าซีดเซียวเนื้อตัวสั่นเทา
พวกเขารู้ว่าการลงทุนล้มเหลวลงหมดแล้ว
“พวกเจ้าสมรู้ร่วมคิดกับตระกูลเสี่ยเสิน คิดทรยศตระกูลตัวเอง มีอะไรจะพูดอีกไหม?” ท่าทางของลั่วหลีเย็นชาลงหลายส่วน เมื่อนางมองไปที่ผู้อาวุโสทั้งสาม
ทั้งสามมีท่าทางสิ้นหวัง จากนั้นก็ตอบด้วยเสียงแหบแห้ง “พวกข้าโง่เขลาที่ถูกล่อลวงโดยตระกูลเสี่ยเสิน พวกข้ายินดีที่จะรับการลงทัณฑ์ แต่สมาชิกสาขาส่วนมากไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หวังว่าจักรพรรดินีจะยกเว้นโทษพวกเขา”
พวกเขารู้ว่าตนเองสมควรตาย หากลั่วหลีต้องการลงโทษก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาแทรกแซงแน่ แม้แต่ทุกคนในราชวงศ์ย่อยที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาก็คงสาปแช่งพวกเขาในใจตอนนี้
เคร้ง!
ลั่วหลีประจันหน้ากับทั้งสามโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ ก่อนที่กระบี่ลั่วเสินจะเปล่งประกายแสงเย็น จากนั้นนางก็ชี้ไปที่ทั้งสามคน ทำให้พวกเขาดิ่งลงไปในสิ้นหวังไม่สามารถปีนกลับมาได้
แต่ก่อนที่กระบี่จะอ้างสิทธิ์ในชีวิตของพวกเขา ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นลั่วหลีโบกมือ เม็ดยาสีเงินตกลงในมือพวกเขาทั้งสามคน
“พวกเจ้าสมควรตาย แต่พลังของพวกเจ้ามาจากทรัพยากรของตระกูลลั่วเสิน หากพวกเจ้าตายที่นี่จะไม่เท่ากับทรัพยากรสูญเปล่าไปเหรอ?”
“ถึงแม้ว่าโทษตายจะละเว้นได้ แต่ก็ยังต้องรับการลงทัณฑ์พิษแม่น้ำลั่วและทำงานตอบแทน เจ้าสามคนเต็มใจหรือไม่?”
เสียงเยือกเย็นของลั่วหลี ทำให้ทั้งสามตะลึง ก่อนที่พวกเขาจะคุกเข่ากลืนเม็ดยาลงไปทันที เสียงร้องตะโกนดังขึ้น “พวกข้าขอบคุณจักรพรรดินีลั่ว สำหรับการให้อภัยโทษครั้งนี้ เราน้อมรับทุกสิ่ง!”
พวกเขารู้ว่าพิษแม่น้ำลั่วทรงประสิทธิภาพเพียงใด ถ้ากินเข้าไปก็ต้องได้รับยาแก้พิษเป็นประจำทุกปีจากลั่วหลี มิฉะนั้นพิษแม่น้ำลั่วทำลายร่างกายของพวกเขา
ดังนั้นเพื่อซื้อชีวิต พวกเขาจะต้องทำตามคำสั่งของลั่วหลีทุกอย่าง แต่พวกเขาก็พอใจกับผลลัพธ์นี้มากแล้ว เพราะถึงยังไงการมีชีวิตอยู่ก็ดีกว่าตายถมเถ
ลั่วหลีกวาดสายตาเย็นชาไปยังทั้งสาม พวกเขาสมควรตาย แต่นางก็สามารถระงับความโกรธในใจลงได้ แม้ว่าตระกูลลั่วเสินจะรอดพ้นจากภัยพิบัติแล้ว แต่ก็ยังอ่อนแอในแง่ของจำนวนจอมยุทธ์ระดับสูง ดังนั้นหากฆ่าทั้งสามคน ก็เหลือเพียงลั่วเทียนเสิน ลั่วเทียนหลิงและนางที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุน ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมาก
ดังนั้นนางไม่สามารถฆ่าพวกเขาเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตระกูล
ทว่านางก็ไม่สามารถให้อภัยได้ บ้านเมืองต้องมีกฎ ไม่อย่างนั้นจะไม่ส่งผลดีต่อการพัฒนาตระกูลลั่วเสิน
ลั่วหลีมองไปที่สมาชิกตระกูลสาขา แม้ว่าผู้บงการเรื่องนี้จะเป็นทั้งสามคนนี่ แต่ก็เป็นทัศนคติของตัวแทนผู้คนทั้งหมด
“สำหรับราชวงศ์ย่อยทั้งหมดจะถูกลดขั้นไปเป็นตระกูลธรรมดา แต่หากสร้างคุณูปการในอนาคตก็สามารถกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดของลั่วหลีเหล่าสมาชิกราชสงศ์ย่อยก็มีสีหน้าซีดเซียว การถูกลดระดับก็จะเป็นการลบสถานะของพวกเขาในฐานะราชวงศ์ นี่เป็นการระเบิดที่ร้ายแรงสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน
แต่พวกเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของลั่วหลีได้ ต้องก้มหน้ายอมรับไว้เท่านั้น ทว่าสายตามากมายก็ยังสาดความแค้นไปยังผู้อาวุโสทั้งสาม
พวกเขาไม่กล้าที่จะนำความเกลียดชังไปให้ลั่วหลี ดังนั้นจึงได้แต่เทใส่ทั้งสามคนที่คบคิดกับตระกูลเสี่ยเสินลากทั้งครอบครัวลงนรกไปตามกัน
รับรู้ถึงสายตาที่จ้องมองมาทั้งสามก็มีสีหน้าขมขื่น พวกเขารู้ว่าลั่วหลีทำเช่นนี้ก็เพื่อให้พวกเขาสูญเสียความภักดีของผู้ใต้บังคับบัญชา ในอนาคตพวกเขาต้องฟังคำสั่งของลั่วเหลืออย่างเชื่อฟังเท่านั้น
ลั่วเทียนเสินไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของลั่วหลี เขาเพียงยิ้มอย่างพอใจกับวิธีจัดการของหลานสาว
“ฮ่าๆ คนรักตัวน้อยของเจ้ามีวิธีจัดการดีกว่าเจ้าตำหนักมู่มากเลยนะ” มั่นถัวหลัวล้อเลียนขณะที่เอ่ยชมเชยวิธีที่ลั่วหลีสามารถจัดการตระกูลสาขาและยังได้รับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นสามคน ยิ่งกว่านั้นนางยังแยกทั้งสามออกจากตระกูลสาขา ทำให้พวกเขาขาดการสนับสนุน
มู่เฉินถูจมูกอย่างช่วยไม่ได้เพราะเขาไม่เก่งเรื่องการบริหารคน เมื่อเทียบกับลั่วหลี เขาก็ด้อยกว่าแท้จริง
“ฮ่าๆ ประมุขมู่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว นี่เรียกว่าการจัดการแบบอิสระ” คนอื่นๆ รีบเข้ามาช่วยมู่เฉิน ที่จริงแล้วพวกเขาก็ตกตะลึงกับวิธีการของลั่วหลี ลองคิดดูว่าถ้านางกลายเป็นเจ้าตำหนักมู่ ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาคงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน
ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาน่ากลัวมากที่ได้พบประมุขที่มีความสามารถจัดการ
มั่นถัวหลัวชำเลืองมองพวกเขาก็หัวเราะเบาๆ นางรู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ในเมื่อเสร็จเรื่องนี้ข้าจะพาพรรคพวกกลับไปทวีปเทียนหลัวในอีกสองวันจากนี้ ถึงยังไงตำหนักมู่ก็เพิ่งก่อตั้ง ข้ากลัวว่าเป็นไปไม่ได้ที่วั้นเซิ่งจะจัดการปัญหาทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง” มั่นถัวหลัวมองไปที่มู่เฉิน
มู่เฉินพยักหน้า แม้เขาจะจัดการไม่เก่งเรื่องแต่ตำหนักเพิ่งถูกสร้างขึ้นมา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้มั่นถัวหลัวและผู้อาวุโสคนอื่นๆ กลับไปดูแล สถานการณ์ของทวีปเทียนหลัวอันตรายกว่าตระกูลลั่วเสิน เพราะไม่มีขั้วอำนาจไหนที่สามารถปกครองทั้งทวีปได้ ดังนั้นความผิดพลาดเล็กน้อยก็อาจทำให้ขั้วอำนาจระดับสูงถูกทำลายได้เช่นเดียวกับตำหนักเทพปีศาจ
“ขอบคุณสำหรับเรื่องนี้” มู่เฉินยิ้ม
มั่นถัวหลัวกลอกตาใส่ “เจ้าเป็นผู้นำ พวกข้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นเรื่องปกติที่เราจะฟังคำสั่งของเจ้า”
นางหยุดพูดชั่วครู่ก่อนจะเตือน “แต่เจ้าต้องระวังระหว่างการแข่งขันนักรบทวีปด้วย…”
นางรู้ว่ามู่เฉินยังมีไพ่ตายที่ยังไม่ได้เปิดเผย แต่เขาก็ไม่ได้ลงประลองในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้นแต่เป็นขั้นปลาย
ที่นั่นเป็นสถานที่ที่จอมยุทธ์ระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายมารวมตัวกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะโดดเด่นในหมู่คนเพื่อคว้าชื่อนักรบทวีปมา
“ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเทพจักรพรรดิอัคคีถึงให้เจ้ารับสิทธิ์นี้…” มั่นถัวหลัวมองไปที่เซียวเหยียนที่กำลังสนทนากับลั่วเทียนเสินก็บ่นเบาๆ
มู่เฉินยิ้มพลางส่ายหัว เขาไม่มีความข้องใจเกี่ยวกับการจัดการของเซียวเหยียน ตรงกันข้ามเขากลับเต็มไปด้วยความกตัญญูรู้คุณ เพราะเขารู้ว่าเซียวเหยียนต้องการให้เขาปรับปรุงตัวเองผ่านการต่อสู้
ก็คล้ายกับการเจียระไนอัญมณี
แม้ว่าตอนนี้เขาจะได้เคียงข้างกับลั่วหลีแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะหยุดทำงานหนัก เพราะ…มารดาของเขายังคงถูกกักขังอยู่ในเผ่าฝูถู
ตอนนี้เขาทรงพลังแล้วก็จริง แต่ถ้าเขาต้องการช่วยมารดา เขาก็ต้องแข็งแกร่งขึ้น เพราะพลังในตอนนี้ยังไม่เพียงพอ…
ดังนั้นเขาต้องไปสมรภูมิของระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย!
ตำแหน่งนักรบทวีปเขาก็ต้องคว้ามาให้ได้!