หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1230 เทพจอมยุทธ์ทั้งสี่
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลลั่วเสินค่อยๆ สงบลง
ทว่าข่าวข้อมูลในวันนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วทวีปซีเทียนในเวลาไม่กี่วัน ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างมาก
เพราะไม่ว่าจะเป็นเทพจักรพรรดิอัคคีและจักรพรรดิสัประยุทธ์ที่ปรากฏตัวก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกใจ
ดินแดนซีเทียนเล็กเป็นเพียงมุมหนึ่งของทวีปซีเทียน แม้ว่าสี่ตระกูลเทพที่อาศัยอยู่ในดินแดนนี้จะไม่อ่อนแอ แต่พวกเขาก็นับว่าธรรมดาเมื่อเทียบกับทวีปซีเทียนทั้งหมด
ทว่าใครจะคิดว่าเหตุการณ์เล็กๆ ในสายตาของผู้คนจะทำให้เทพจักรพรรดิอัคคีและจักรพรรดิสัประยุทธ์ปรากฏตัว…
เป็นเพราะเหตุผลนี้ขั้วอำนาจอื่นๆ จึงให้ความสนใจในเรื่องนี้มากและสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม
ผลการสืบสวนทำให้พวกเขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เนื่องจากเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น
ทว่าถึงแม้มู่เฉินจะเป็นเพียงจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่ตำหนักมู่ของเขาไม่เพียงแต่มีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นหลายคน ซ้ำยังมีจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มอีกด้วย!
ระดับตี้จื้อจุนขั้นเต็ม!
แม้แต่ในทวีปซีเทียน การดำรงอยู่ของจอมยุทธ์ระดับนี้ก็ด้อยกว่าจักรพรรดิสัประยุทธ์แห่งตำหนักซีเทียนเสี้ยวเดียวเท่านั้น ณ ทวีปแห่งนี้พวกเขาสามารถขึ้นเป็นผู้นำของขั้วอำนาจทรงพลังและได้รับความเคารพจากคนมากมาย ทว่าจอมยุทธ์ระดับนี้กลับยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาของมู่เฉินและยอมเข้าร่วมตำหนักมู่!
นี่ทำให้ผู้คนในทวีปซีเทียนสับสน ในเวลาเดียวกันก็ทำให้มู่เฉินดูลึกลับซับซ้อนยิ่งขึ้น ต้องมีบางสิ่งที่พิเศษกับมู่เฉิน ในเมื่อเขาสามารถบัญชาการจอมยุทธ์สูงล้ำกว่าตนเองได้
ขณะที่ทุกคนอยากรู้เกี่ยวกับตัวตนของมู่เฉิน ตำหนักซีเทียนก็ประกาศข่าวที่เพิ่มแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทวีปมากยิ่งขึ้น
จักรพรรดิสัประยุทธ์ประกาศด้วยตัวเองว่ามู่เฉินจะเข้าร่วมในการแข่งขันเพื่อตำแหน่งนักรบทวีปและจะเข้าร่วมในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย!
ช่วงเวลาที่ข่าวแพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งทวีปก็ร้อนระอุ หลายคนไม่ค่อยพอใจจากเรื่องที่ว่ามู่เฉินเข้ามาเบียดตำแหน่งนักรบทวีปทำให้พวกเขาเกิดอาการกรุ่นโกรธเข้าไปใหญ่
ในฐานะบุคคลภายนอก มู่เฉินไม่เพียงแต่เข้ามามีส่วนร่วมเท่านั้น เขายังเข้าร่วมสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย ทั้งที่เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นเท่านั้น
มู่เฉินคิดว่าตัวเองอยู่ยงคงกระพัน ดูถูกจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายของทวีปซีเทียนรึ?
จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจำนวนมากถึงกับหัวร้อนในเรื่องนี้ แม้ว่ามู่เฉินจะแสดงความแข็งแกร่งไม่ธรรมดาเป็นที่ประจักษ์ในตระกูลลั่วเสินซึ่งสามารถจัดอยู่ในอันดับต้นๆ ในหมู่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถข้ามขั้นไปต่อสู้ได้
ระดับตี้จื้อจุนแต่ละขั้นห่างไกลกันเป็นโยชน์ ก็เหมือนกับภูมิภาคทางเหนือ เมื่อมั่นถัวหลัวก้าวเข้าสู่ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย ไม่เพียงแต่นางสามารถทำลายหมู่ตึกเทวะได้ นางยังบีบให้ขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ก่อตั้งพันธมิตรกับนาง ทั้งหมดนี่ทำได้ด้วยพลังของนาง
จากเรื่องนี้ทำให้เห็นได้ว่าจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายทรงพลังเพียงใด
แต่ตอนนี้มู่เฉินจะเข้าไปเดินในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายของทวีปซีเทียน ในสายตาของคนอื่นๆ มู่เฉินดูถูกต่อจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายในทวีปแห่งนี้อยู่
ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้เกิดความเกรี้ยวกราดของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายหลายคน พวกเขาเตรียมทำให้มู่เฉินเสียใจที่ดันมาแหยมทวีปซีเทียนโดยใช้การแข่งขันนี้ในการสั่งสอน
ในวังลั่วเสิน
“ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธ์จำนวนมากเท่าไรคิดเก็บเจ้าหลังฟังข่าวนี้…” ลั่วหลีมองมู่เฉินด้วยสายตาเป็นกังวลเมื่อรับรายงานข้อมูลนี้
ทว่ามู่เฉินก็ไม่เก็บมาใส่ใจกลับยิ้มกว้างมากขึ้น นักรบทวีปเป็นตำแหน่งที่เข้าถึงยาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่คนจะเกลียดเขา เมื่อเขาได้เข้าร่วม
แต่เขากลับให้ความสนใจกับความไม่พอใจที่จักรพรรดิสัประยุทธ์แอบแฝงอยู่เมื่อประกาศเรื่องนี้ ดังนั้นจะต้องมีผู้ที่พยายามสร้างความดีความชอบแก่จักรพรรดิสัประยุทธ์และตั้งเป้าหมายมาที่เขาไว้
ซึ่งนี่เป็นความตั้งใจของจักรพรรดิสัประยุทธ์แน่นอน เพราะด้วยสถานะเขาไม่สามารถจัดการกับมู่เฉินได้ตรงๆ แต่เมื่อแสดงเจตนารมณ์ตนเองเพียงเล็กน้อย ก็จะมีผู้คนจำนวนมากเต็มใจที่จะเคลื่อนไหวเพื่อเขาแทน
ดังนั้นการแข่งขันนักรบทวีปครั้งนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างแน่นอน
“จักรพรรดิสัประยุทธ์หน้าไหว้หลังหลอกนัก” ลั่วเทียนหลงอดที่จะพูดออกมาไม่ได้ เขาเกิดความพอใจอย่างยิ่งกับมู่เฉินตลอดเวลาที่ได้สนทนากัน นอกจากนี้ด้วยความสัมพันธ์ของมู่เฉินกับลั่วหลีก็เป็นธรรมดาที่เขาจะเข้าข้างมู่เฉิน
ขณะที่พูดเขาก็มองไปที่มู่เฉิน “ข้ากลัวว่าสิ่งนี้อาจเป็นไปไม่ได้ เจ้ายอมแพ้ดีกว่าไหม?”
เขาไม่ได้ดูถูกมู่เฉิน หากมู่เฉินเข้าร่วมในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นต้น เขาเชื่อว่าชายหนุ่มสมควรได้รับตำแหน่ง ทว่าที่จะเข้าร่วมคือสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย…
ดูเป็นไปไม่ได้ที่คิดจะคว้าตำแหน่งนี้จากมือจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายจำนวนมาก
มู่เฉินส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม เทพจักรพรรดิอัคคีอุตส่าห์ช่วยเหลือ ดังนั้นเขาไม่สามารถยอมแพ้ได้อย่างง่ายดาย
“เจ้าเด็กดื้อ!” ลั่วเทียนหลงถลึงตา จากนั้นก็มองไปที่ลั่วหลี “ทำไมเจ้าไม่กล่อมเขาซะ ตอนนี้จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายทั้งหมดในทวีปซีเทียนคงรอมารุมสอนบทเรียนให้เขา”
ลั่วหลีเม้มปากยิ้ม ม้วนหยกปรากฏขึ้นในมือนาง จากนั้นก็ส่งไปให้มู่เฉิน “นี่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายทั้งหมดในทวีปซีเทียน หากเจ้าจะเข้าร่วมก็ควรรู้ข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
มู่เฉินดีใจ แม้ว่าเขาจะไม่กลัวคนเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่ได้โอหัง ดังนั้นข้อมูลจึงจำเป็นมาก
ลั่วเทียนหลงเค้นเสียงขึ้นจมูกอย่างหงุดหหงิด เมื่อเห็นว่าลั่วหลีไม่กล่อมมู่เฉินยังไปรวบรวมข้อมูลเพื่อสนับสนุนอีกด้วย
ลั่วเทียนเสินได้แต่ยิ้มพลางส่ายหัว “เรื่องของเด็กก็ให้พวกเขาจัดการกันเอง”
เขาค่อนข้างมองในแง่ดี เนื่องจากเขารู้ว่ามู่เฉินไม่ได้มีนิสัยประมาท ในเมื่อมู่เฉินตัดสินใจเข้าร่วมในการแข่งขันก็ต้องมีความมั่นใจในระดับหนึ่งแล้ว
แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อและยากเกินไปสำหรับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้นที่จะเผชิญหน้ากับจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย เขาก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวมู่เฉินเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้านี้
เมื่อได้ยินที่ผู้ใหญ่ทั้งสองคุยกัน ลั่วหลีก็หัวเราะเสียงพลิ้วให้มู่เฉิน ความงดงามช่างสั่นสะท้านหัวใจ ดวงตาของเขาจับจ้องดวงหน้านาง ซึ่งทำให้นางมองมาอย่างเขินอายก่อนจะพูดว่า “มีจอมยุทธ์มากมายที่สวามิภักดิ์ต่อตำหนักซีเทียน แต่มีสามคนในหมู่พวกเขาที่เจ้าควรระวัง”
“โอ้?” เมื่อพูดถึงเรื่องเป็นทางการ มู่เฉินก็สำรวมลงขณะที่ตอบอย่างหนักแน่นว่า “สามคนใครบ้าง?”
“เจ้าตำหนักแสงดาว—หลิ่วซิงเฉิน”
“กระบี่เทพหมาป่า—ซูมู่”
”ดาบทรราช—ฉู่เหมิน”
เมื่อได้ยินชื่อทั้งสามคนใบหน้าของลั่วเทียนเสินก็เปลี่ยนเป็นจริงจังพลางพยักหน้า “ทั้งสามคนนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในทวีปซีเทียน ซึ่งมีข้อเหมือนกันอย่างหนึ่งก็คือต่างเคยเอาชนะจอมยุทธ์ในระดับขุมพลังเดียวกัน”
“แม้ว่าข้าจะหายดีแล้ว แต่เมื่อเผชิญหน้ากับทั้งสามคนก็คงได้แค่ป้องกันตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นจอมยุทธ์ที่มีชื่อเสียงในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย”
“หลิ่วซิงเฉิน… ซูมู่… ฉู่เหมิน …” มู่เฉินพึมพำ สายตาเปลี่ยนไป แม้แต่ลั่วเทียนเสินยังยอมรับความแข็งแกร่งของทั้งสาม พวกเขาก็จะต้องมีความสามารถอย่างแท้จริง
“แต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่ที่สุด คนที่มีหวังจะได้คว้าตำแหน่งมากที่สุดไม่ใช่พวกเขา” เสียงของลั่วหลีดังขึ้นกะทันหัน ทำให้ดวงตาของมู่เฉินหดลง ทั้งสามคนทรงพลังมากแล้วก็ยังไม่ถือว่าเป็นที่สุดเรอะ?
ลั่วเทียนเสินถอนหายใจ “แม้ว่าทั้งสามคนนั้นจะทรงพลัง แต่พวกเขาก็ยังอ่อนแอกว่าเหล่าจอมยุทธ์ที่ฟ้าประทาน”
“จอมยุทธ์ฟ้าประทาน?” มู่เฉินอึ้งไปก่อนที่จะพูดคำนี้ออกมา
ลั่วหลีพยักหน้า “มีเทพจอมยุทธ์สี่คนในตำหนักซีเทียนได้แก่ พี่ใหญ่—หลิงจั้นจื่อ พี่รอง—หลิงเจี้ยนจื่อ พี่สาม—หลิงหลงจื่อและน้องสี่—หลิงเฟยจื่อ”
“สามคนแรกจะเข้าร่วมในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย พวกเขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากตำหนักซีเทียนเพื่อการเป็นนักรบทวีปนี้!”
“พวกเขามีชื่อเสียงอย่างมากในทวีปซีเทียน ซึ่งก็มีจุดเหมือนอย่างหนึ่ง…” ม่านตาของลั่วหลีสั่นไหวอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ใบหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของลั่วหลี ดวงตามู่เฉินก็แคบลงอีกพลางถามว่า “เหมือนกันในเรื่องอะไร?”
ลั่วหลีและลั่วเทียนเสินแลกเปลี่ยนสายตากันก่อนที่หญิงสาวจะพูดว่า “พวกเขาเคยสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายมาก่อน…”
“สังหารจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลาย!”
แม้แต่มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตกใจกับข่าวนี้ ใบหน้าของเขาเคร่งเครียดลงหลายส่วน ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่ายากเพียงใดที่เขาจะได้เป็นนักรบทวีป…