หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 1239 เดิมพัน
ในอาคาร
ร่องลึกลากยาวจากโถงไปถึงประตู ทุกคนสาดสีหน้ามืดเคร่งครึ้มลง
ภาพจากเมื่อครู่ผิดปกติมากเกินไป พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลย
กำปั้นของสงป้าเป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขขั้นปลายยังต้องเผชิญหน้าด้วยความแข็งแกร่งเต็มที่ ทว่ามู่เฉินเพียงยกมือขึ้นปิดกั้นเท่านั้น ผลลัพธ์ทำเอาคลื่นหลิงของสงป้าอันตรธานหายไปกะทันหันและถูกชกจนกระอักเป็นเลือด
ช่างเป็นฉากที่ผิดปกติไม่ว่าจะมองอย่างไร
ดังนั้นแต่ละคนจึงจ้องมองด้วยความประหลาดใจไปที่มู่เฉินที่มีท่าทางสงบ พวกเขาไม่คิดว่าสงป้าจะแกล้งทำ จึงมีเพียงข้อสรุปเดียว มู่เฉินใช้วิธีที่พวกเขาไม่สามารถตรวจจับได้เอาชนะสงป้า
แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม… พวกเขาก็เข้าใจจากฉากสูญเสียของสงป้าแล้ว ถึงแม้ว่ามู่เฉินจะเป็นจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นต้น แต่เขามีความสามารถพิเศษและมีคุณสมบัติในการเข้าร่วมสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลาย
บางคนที่ไม่พอใจมู่เฉินก่อนหน้าก็นิ่งลงจดจำชื่อเขาไว้ นั่นเป็นเพราะพวกเขาเริ่มรู้สึกถูกคุกคามจากมู่เฉินแล้ว
หากพวกเขายังไม่ระวังเมื่ออยู่ในสนามรบ ผลลัพธ์ของสงป้าก็จะเป็นตัวอย่างของพวกเขา…
ขณะที่ทุกคนมีความคิดวนเวียนในใจ สงป้าก็ตะเกียกตะกายยืนขึ้น ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง คลื่นหลิงรุนแรงที่ก่อนหน้าหายไปก็พวยพุ่งออกมาอีกครั้ง
หน้าอกของเขาหายดีขึ้นทันตา เนื่องจากมู่เฉินไม่ได้มีเจตนาจะฆ่ากัน ดังนั้นจึงทำให้คลื่นเขายุ่งเหยิงไปเท่านั้น แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต
ทว่า…ตัวเขาอายแทบแทรกแผ่นดินหนี แม้ว่าจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากก็ตาม
สงป้าแผดเสียงขณะที่มองมู่เฉินด้วยดวงตาแดงก่ำ “ไอ้เวร แกใช้อุบายอะไร?!”
ความหดหู่ในหัวใจสงป้าสะสมจนถึงจุดสุด เขาไม่เคยคิดว่าจะสูญเสียการควบคุมพลังงานในร่างกายที่มี ซึ่งนี่เป็นวิธีการของมู่เฉินอย่างแน่นอน
เผชิญหน้ากับเสียงคำราม มู่เฉินก็ไม่สนใจมือคว้าขวดหยกเอาไว้ “ทักษะเจ้าด้อยกว่าข้าเอง”
“ข้าไม่ยอม!”
สงป้าตะเบ็งเสียงขณะที่กระทืบเท้าส่งแรงพุ่งออกไป
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับการเคลื่อนไหวนี้ มู่เฉินก็ยกเปลือกตาขึ้นพูดอย่างเฉยเมยว่า “อีกหมัดเหรอ? งั้นก็เอาของเหลวจื้อจุนอีกแปดสิบล้านหยดมาจ่ายก่อน”
วาบ!
สงป้าชะงักท่าอยู่กลางอากาศ จ้องมองมู่เฉินแบบจะกินเลือดกินเนื้อคำรามลั่น “จะเอาอีกเรอะ? ฝันไปเถอะ!”
มู่เฉินยิ้ม “ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจะให้ผู้อาวุโสขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นเต็มของตำหนักมู่ตามมาเก็บหนี้กับเจ้า ข้าเชื่อว่าเหตุผลแบบนี้จักรพรรดิสัประยุทธ์ก็คงแทรกแซงไม่ได้หรอก”
ใบหน้าสงป้าเขียวคล้ำ กำปั้นสั่นเทิ้ม ความโกรธในใจเขาเกือบทำให้อดใจฆ่ามู่เฉินไม่ได้ แต่เขาก็ระงับความโกรธลง เนื่องจากชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าไม่ใช่ธรรมดา เขามีพลังและความสัมพันธ์กับยอดยุทธ์ที่ไม่สามารถมองข้ามได้
“จำไว้เลย!”
ใบหน้าของสงป้าเปลี่ยนไปรุนแรง ก่อนที่จะพูดทิ้งไว้ภายใต้สายตาเย้ยหยันของทุกคน
เมื่อเสี่ยหลิงจื่อเห็นว่าสงป้าเผ่นหนีไป ใบหน้าเขาก็ดูน่าเกลียดขึ้นก่อนที่จะจ้องมองมู่เฉิน เขาไม่คิดว่าแม้แต่สงป้าก็ไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้
“ไอ้เด็กเหลือขอนี่แกร่งขึ้นอีกแล้ว!”
เสี่ยหลิงจื่อกัดฟันกรอด ถึงเดือนที่แล้วมู่เฉินจะแสดงศักยภาพที่ไม่ธรรมดา แต่เสี่ยหลิงจื่อก็มั่นใจว่าตอนนั้นมู่เฉินยังไม่สามารถต่อกรการโจมตีของจอมยุทธ์ขุมพลังตี้จื้อจุนขั้นปลายได้อย่างง่ายดายขนาดนี้
แต่ภายในหนึ่งเดือนกำลังของมู่เฉินก็เติบโตขึ้นอย่างมาก
“ครั้งหน้าถ้าอยากสู้ก็อย่าใช้ประโยชน์จากคนอื่น” มู่เฉินมองเสี่ยหลิงจื่ออย่างเย็นชา
เขารู้ได้โดยธรรมชาติว่าสงป้าถูกยุแยงโดยเสี่ยหลิงจื่อเพื่อสร้างปัญหาให้เขา
เสี่ยหลิงจื่อเค้นเสียงเย็นตอกกลับว่า “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าแกเล่นกลอะไร แต่หลายคนที่นี่จะหาทางป้องกันวิธีการของแกเมื่อเข้าสู่สนามรบ ในเวลานั้นแกจะไม่มีช่วงเวลาที่ดี”
แม้ว่าเสี่ยหลิงจื่อจะร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ แต่เขาไม่ได้ตาถั่ว เขาบอกได้ว่าสงป้าแพ้เพราะคลื่นหลิงเข้าไปสัมผัสกับมู่เฉิน ถ้าป้องกันในจุดนี้ในอนาคตไพ่ตายของมู่เฉินจะมีประสิทธิภาพน้อยลงแน่
“ไอ้ตัวน่ารังเกียจ!”
ลั่วเทียนเสินกัดฟันแน่น เขาโกรธเสี่ยหลิงจื่อถึงขีดสุด
มู่เฉินสงบนิ่งขณะที่มองเสี่ยหลิงจื่อด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเราได้เจอกันอีก ข้าจะบอกให้รู้ว่ายังมีไพ่ตายอื่นๆ อยู่ในสำรับอีกเยอะ…”
หัวใจของเสี่ยหลิงจื่อสั่นไหวเมื่อเห็นท่าทางของมู่เฉินจากนั้นก็เค้นเสียงในลำคอ “เหรอ? ข้าจะรอดู แต่แกก็ระวังเถอะ ถ้าถูกข้าฆ่าในสมรภูมิ แม้แต่เทพจักรพรรดิอัคคีก็แก้แค้นให้แกไม่ได้”
มู่เฉินหัวเราะ “ลมเน่าๆ อย่างแกมีความสามารถแบบนั้นซะที่ไหน”
เส้นเลือดบนหน้าผากของเสี่ยหลิงจื่อถึงกับกระตุกจากการดูถูกของมู่เฉิน ทว่าเขาก็กล้ำกลืนจ้องมองไปที่มู่เฉินอย่างน่าขนลุก ก่อนที่จะสะบัดแขนเดินออกไป
หลังจากเสี่ยหลิงจื่อและสงป้าไปแล้ว บรรยากาศในอาคารก็ค่อยๆ คืนกลับมา แต่หลังจากการต่อสู้นี้ทุกคนที่มองไปที่มู่เฉินก็เกิดความกลัวมากขึ้นและดูถูกน้อยลง
ดูเหมือนว่ามู่เฉินบรรลุเจตนารมณ์กับสงป้าเรียบร้อย อย่างน้อยก็ไม่มีใครมายุ่งกับเขา
หากแม้ต้องการก็ต้องคิดก่อนว่าพวกเขาสามารถจ่ายได้ไหม…
เมื่อหลิงเฟยจื่อก้มมองสงป้าที่จากไปจากชั้นสาม ใบหน้านางก็เขียวคล้ำเปล่งเสียงเกรี้ยวกราด “สวะ!”
นางจ่ายของเหลวจื้อจุนแปดสิบล้านหยดเพราะต้องการเห็นสงป้าบดขยี้ความมั่นใจของมู่เฉิน เพื่อจะได้ใช้โอกาสนี้กระทบกระเทียบลั่วหลี ทว่านางไม่คิดว่าสงป้าจะไร้ประโยชน์เช่นนั้น ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถทำอะไรกับมู่เฉินได้ แต่ยังส่งของเหลวจื้อจุนถึงมือมู่เฉินด้วย
แม้ในฐานะที่เป็นเทพจอมยุทธ์แห่งตำหนักซีเทียน นี่ก็ยังเป็นจำนวนเงินที่มากสำหรับนาง
“แม่นางหลิงเฟยจื่อ ถ้าเจ้าเบื่อจริงๆ ทำไมไม่ไปเตรียมตัวอะไรเพิ่ม เมื่อเราอยู่ในสนามรบข้าจะเล่นกับเจ้าถึงใจเลยทีเดียว”
ขณะที่หลิงเฟ่ยซี่กำลังคั่งแค้น ลั่วหลีก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่อีกฝ่ายอย่างเย็นชา ก่อนที่เสียงจะดังก้อง
เสียงลั่วหลีสะท้อนออกไป ทุกคนก็หันเหความสนใจมาที่นาง ดูเหมือนว่าเรื่องที่หลิงเฟยจื่อพยายามใช้สงป้าจัดการกับมู่เฉิน ทำให้จักรพรรดินีตระกูลลั่วเสินโกรธเคืองใจแล้ว
ในตอนนี้ลั่วหลีโกรธมากแล้ว นางจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าหลิงเฟยจื่อไม่เป็นมิตรกับนางอย่างมาก นางสามารถเพิกเฉยกับสิ่งนี้ได้ แต่นางไม่ยอมต่อความจริงที่หลิงเฟยจื่อพยายามสร้างปัญหากับมู่เฉิน
ดังนั้นนี่คือเหตุผลว่าทำไมนางถึงตอกกลับหลิงเฟยจื่อทันควัน
บนชั้นสามหลิงเฟยจื่อไม่คิดว่าลั่วหลีจะฟาดตรงๆ นางอึ้งไปวูบหนึ่งก่อนที่เค้นเสียงด้วยความโกรธ “เอาเลย ข้าจะไล่ล่าเจ้าจนจบ มาดูกันว่าใครจะชนะ!”
เมื่อจบคำพูดนางก็ไม่คิดอยู่ต่อ สะบัดแขนเสื้อจากไป
“เจ้าต้องระวังผู้หญิงคนนั้น” มองไปที่เงาของหลิงเฟยจื่อ มู่เฉินก็เอ่ยเตือนลั่วหลี บางครั้งการประลองระหว่างผู้หญิงก็โหดยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก
หลิงเฟยจื่อเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา
ลั่วหลียิ้มบางกับคำเตือนของคนรัก “ข้ารู้ แต่ข้าก็ไม่ได้อยู่เฉยตลอดหลายปีเช่นกัน…”
มู่เฉินยิ้มพลางพยักหน้า ในเมื่อลั่วหลีสามารถนำพาตระกูลลั่วเสินฝ่าคลื่นลมมาได้ทั้งหมดด้วยตนเอง นางก็ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน บางทีถึงหลิงเฟยจื่ออาจไม่ใช่ธรรมดา แต่มู่เฉินไม่รู้สึกว่านางจะเหนือกว่าเมื่อเผชิญหน้ากับลั่วหลี
“ไปกันเถอะ”
ลั่วเทียนเสินเอ่ย เตรียมพาทั้งสองคนไปพัก
“ช้าก่อน”
จู่ๆ มู่เฉินก็ยิ้มมองตารางยอดนิยม จากนั้นก็ส่งขวดของเหลวจื่อจุนแปดสิบล้านหยดให้กับผู้ดูแลด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะขอเดิมพันของเหลวจื้อจุนทั้งหมดนี่”
“ไม่ทราบว่าต้องการเดิมพันใคร?” ผู้ดูแลอึ้งไปในเวลาสั้นๆ
มู่เฉินยิ้มกริ่ม ในเมื่อทุกคนในทวีปซีเทียนไม่พอใจเขา ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัว
เขาจึงยิ้มเอ่ยอีกครั้ง “ข้าเดิมพันว่าตัวเองชนะ”
ทันใดนั้นหัวใจของทุกคนก็สั่นไหว ความตกตะลึงวูบไหวในดวงตา มู่เฉินเดิมพันตัวเองชนะในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายเรอะ?
ชายหนุ่มคนนี้…กล้าหาญอย่างแท้จริง
หรือว่างานนี้จะมีม้ามืดในสนามรบระดับตี้จื้อจุนขั้นปลายที่ไม่มีใครคาดคิด?